“ตัดหนังหน้าท้อง” (Tummy Tuck) แก้หน้าท้องหย่อนคล้อยรุนแรง

Tummy Tuck Super S curve  เทคนิคใหม่จาก AMARA ที่ไม่ใช่แค่การตัดหนังหน้าท้อง! 

หลายคนอาจจะยังคิดว่าการตัดหนังหน้าท้องนั้นเป็นเพียงการกำจัดผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนคล้อยออก แต่ในปัจจุบัน เรามีเทคนิคที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้การตัดแต่งหนังหน้าท้องยกระดับไปอีกขั้น สู่การ ‘ตกแต่งรูปร่าง’ ให้เหมาะกับสัดส่วนโดยรวมของสาว ๆ อันมีเป้าหมายว่าการตัดหนังหน้าท้องจะต้องไม่ใช่แค่การกำจัดผิวหนังเพื่อให้หน้าท้องแบนราบ แต่เป็นการตัดแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้สัดส่วนทุกมุมมองออกมาสวยงามด้วย!

นั่นเป็นที่มาของการผ่าตัดหนังหน้าท้อง เทคนิคใหม่! Super S curve Tummy Tuck เจ้าแรกที่ AMARA เป็นการเปิดประสบการณ์ตัดหนังหน้าท้องแบบเก่า มุ่งเน้นการแก้ปัญหาหน้าท้องหย่อนคล้อยไปพร้อม ๆ กับสัดส่วนอื่น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเอวที่หนาขึ้น หน้าท้องที่ขยายจากการมีกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก หรือจะเป็นส่วนเกินบริเวณอื่น ๆ ที่การตัดหนังหน้าท้องเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ให้ได้! ด้วยการผสาน 3 แนวทางไว้ด้วยกัน ได้แก่

1. เทคนิคการเย็บกระชับปรับแต่งกล้ามเนื้อดีไซน์ S Curve เพิ่มส่วนเว้าส่วนโค้ง (ออกแบบเคสต่อเคส)
2. เทคนิคการดูดเกฺ็บไขมันส่วนเกินแบบ 360 องศา วิเคราะห์กันเคสต่อเคส ให้รูปร่างตอบโจทย์มากขึ้น
3. เทคนิคการผ่าตัดหนังหน้าท้อง Scarless Tummy Tuck เปิดแผลเส้นเล็ก ต่ำ อยู่ใต้ขอบชั้นใน ซ่อนรอยแผล! มาพร้อมการดูแลหลังผ่าตัดที่ไม่เหมือนใคร กับทีมเฉพาะทำ After Care ของ AMARA

หน้าท้องสวย ไม่ใช่แค่ตัดทิ้ง แต่ต้อง ‘ออกแบบ’ ให้เหมาะกับสรีระ

ตัดหนังหน้าท้อง คืออะไร? เช็กก่อนตัดสินใจ!

        การตัดหนังหน้าท้อง (Tummy Tuck หรือ Abdominoplasty) คือ การกำจัดผิวหนังที่หย่อนคล้อยรุนแรงโดยการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะตัดผิวหนังบริเวณหน้าท้องที่มีปัญหาออกบางส่วน และเย็บผิวหนังเข้ากัน ทำให้หน้าท้องแบนราบมากขึ้น ผิวเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย ลดปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยรุนแรงได้อย่างตรงจุด

ตัดหนังหน้าท้อง ช่วยอะไรได้บ้าง?

        การตัดหนังหน้าท้องนั้น สามารถช่วยปรับปรุงสัดส่วนได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากจะกำจัดผิวหนังส่วนเกินที่มีความหย่อนคล้อยได้แล้ว ยังสามารถทำร่วมกับการดูดไขมันและการตัดแต่งกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ด้วย ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่มีทั้งปัญหาหน้าผิวหนังหน้าท้องหย่อนคล้อย มีไขมันสะสมมาก และมีภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก (มักจะเกิดกับเฉพาะคุณแม่หลังคลอด)         อย่างไรก็ตาม การตัดหนังหน้าท้องเป็นการช่วยกระชับผิวบริเวณหน้าท้องเท่านั้น หากเราไม่ได้มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือผิดปกติอย่างรุนแรง แพทย์จะแนะนำให้เลือกทำกระชับผิวมากกว่า หรือถ้ามีไขมันสะสมมากแต่ผิวไม่หย่อนคล้อยก็จะแนะนำเป็นการดูดไขมันอย่างเดียวจะตอบโจทย์กว่าครับ

รูปแบบของการตัดหนังหน้าท้อง มีกี่ประเภท?

        การตัดหนังหน้าท้องนั้นจริง ๆ มีด้วยกันทั้งหมด 2 แบบครับ นั่นก็คือการแบบ Full Tummy Tuck และแบบ Mini Tummy Tuck แต่ปัจจุบันได้มีการผสมผสานการดูดไขมันเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งการศัลยกรรมหน้าท้องทั้งสามแบบจะมีข้อแตกต่างกัน

Full Tummy Tuck

        เป็นการตัดแบบเต็มพื้นที่ ซึ่งจะมีความยาวของแผลพาดยาวตั้งแต่สะโพกด้านหนึ่งไปยังอีกด้าน แต่แพทย์จะทำการผ่าตัดโดยซ่อนแผลไว้บริเวณขอบบิกินี่ เพื่อให้แต่งตัวได้ง่ายขึ้น ไม่เห็นรอยแผล โดยการตัดแบบ Full Tummy Tuck สามารถย้ายตำแหน่งสะดือร่วมกับการเย็บซ่อมกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกได้ จึงเหมาะกับคุณแม่หลังคลอดที่มีปัญหาหน้าท้องหย่อนคล้อยรุนแรง

Mini Tummy Tuck

        เป็นการตัดแบบขนาดเล็ก ซึ่งจะมีความยาวแผลตั้งแต่ 4-8 เซนติเมตร แล้วแต่ความรุนแรงของปัญหา โดยแพทย์จะซ่อนแผลไว้ใต้ขอบบิกินี่เช่นกัน การผ่าตัดแบบ Mini Tummy Tuck ไม่ต้องย้ายตำแหน่งสะดือ เพราะกำจัดหนังหน้าท้องออกแค่เล็กน้อย แต่ก็จะไม่สามารถเย็บซ่อมกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกได้ และไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันส่วนเกินเยอะ

ทำร่วมกับการดูดไขมัน (Lipoabdominoplasty)

        เป็นการตัดหนังหน้าท้องที่นำการดูดไขมันเข้ามาใช้ด้วย ซึ่งจะมีขั้นตอนที่เยอะกว่าการตัดแบบปกติเพียงอย่างเดียว ซึ่งแพทย์อาจเลือกการตัดเป็นแบบ Full หรือ Mini ก็ได้ตามความเหมาะสม แต่แพทย์จะต้องทำการดูดไขมันก่อนแล้วค่อยผ่าตัดผิวส่วนเกินออกอีกทีหนึ่ง

กระบวนการตัดหนังหน้าท้อง ทำอย่างไร?

         ขั้นตอนต่าง ๆ ในการตัดหนังหน้าท้องจะใช้เวลาทั้งหมดราว ๆ 3-5 ชั่วโมงขึ้นไป แล้วแต่ความยาก-ง่ายของเคสผู้เข้ารับบริการครับ อย่างไรก็ตาม กระบวนการโดยพื้นฐาน จะมีขั้นตอนทั้งหมด ดังนี้

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

        สิ่งที่เราต้องเตรียมอย่างแรกเลยคือ การประเมินรูปร่างของผู้เข้ารับบริการครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เครื่องสแกนร่างกาย 3 มิติ (Styku) เพื่อให้ทราบสัดส่วนไขมันและกล้ามเนื้อ ไปจนถึงปัญหารูปร่างอื่น ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้วก็จะเข้าสู่การปรึกษาปัญหาและวางแผนการผ่าตัดโดยแพทย์อีกที โดยต้องมีการแจ้งประวัติการรักษาให้ครบถ้วนด้วย

       หลังจากปรึกษาแพทย์และตัดสินใจเลือกวิธีแก้ปัญหารูปร่างแล้ว ผู้เข้ารับบริการจะต้องนัดวันและเวลาผ่าตัด แพทย์และที่ปรึกษาการศัลยกรรมจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองให้พร้อมเข้ารับการผ่าตัด ได้แก่

• งดดื่มแอลกอฮอล์ 2-3 วันและงดสูบบุหรี่ 1 เดือน 
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอประมาณ 8-10 ชั่วโมง
• งดดื่มน้ำและงดรับประทานอาหารก่อน 8 ชั่วโมง (เนื่องจากต้องวางยาสลบ)
• งดยา วิตามิน หรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
• อาบน้ำและสระผมให้เรียบร้อยเพื่อความสะอาด ปลอดเชื้อ
• กรณีมีฟันโยก ต้องแจ้งให้ทราบก่อนวันผ่าตัด

การปฏิบัติตัวในวันผ่าตัด

         หากผู้เข้ารับบริการปฏิบัติตามข้อแนะนำข้างต้นเป็นอย่างดี ก็จะช่วยให้วันผ่าตัดสามารถดำเนินการได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเลื่อนวันออกไปครับ ทั้งนี้ หากมีอาการป่วยหรือรู้สึกว่าไม่สบายจะต้องแจ้งแพทย์โดยด่วน เพราะอาจจะทำให้การผ่าตัดมีปัญหา สามารถเลื่อนวันผ่าตัดออกไปจนกว่าจะหายได้ครับ

        ในวันผ่าตัด หมอแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่สามารถถอด-ใส่ได้ง่ายอย่างเสื้อกระดุมหน้าครับ เมื่อมาถึงแล้ว ที่ปรึกษาการศัลยกรรมและเจ้าหน้าที่จะเก็บข้อมูลจากผู้เข้ารับบริการ โดยการถ่ายภาพก่อนตัดหนังหน้าท้องเอาไว้ (สำหรับเคสรีวิว จะมีการสัมภาษณ์ความรู้สึกก่อนทำด้วยครับ) โดยจะมีข้อปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้

• เข้ารับการตรวจเลือด ตรวจร่างกาย และตรวจหาเชื้อโควิด
• ถอดเครื่องประดับทุกชนิด ฟันปลอม และเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับการผ่าตัด
• ลบสีเล็บออกอย่างน้อย 1 เล็บ และตัดสั้น เพื่อให้วิสัญญีแพทย์สังเกตอาการได้ง่าย
• อาบน้ำและสระผมให้เรียบร้อยเพื่อความสะอาด ปลอดเชื้อ
• กรณีมีฟันโยก ต้องแจ้งให้ทราบก่อนวันผ่าตัด
• พบแพทย์เพื่อกำหนดตำแหน่งการผ่าตัดตามแผนที่วางไว้

        หลังจากนั้น จะเข้าสู่ห้องผ่าตัด ทำการวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ และเริ่มการผ่าตัดหนังหน้าท้อง เมื่อทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะแนะนำให้พักฟื้นที่คลินิกก่อน 1 คืนเพื่อติดตามอาการ หลังพักฟื้นก็จะสามารถกลับบ้านได้ แต่ไม่ควรกลับเอง ผู้เข้ารับบริการต้องนัดญาติหรือผู้ดูแลมาด้วยหลังจากพักฟื้น 1 คืน เพราะอาจยังมีผลข้างเคียงจากยาสลบ กลับตัวคนเดียวอาจมีอุบัติเหตุได้ครับ

การดูแลร่างกายหลังผ่าตัดเสร็จ

        หลังจากกลับบ้านไปแล้ว แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการพยายามดูแลแผลไม่ให้โดนน้ำ สกปรก หรืออับชื้นเหงื่อจะดีที่สุดครับ เพราะอาการแทรกซ้อนส่วนใหญ่มักจะเกิดจากแผลที่ไม่สะอาด สำหรับคนที่ต้องใส่สายเดรนก็ต้องดูแลสายเดรนไม่ให้มีสิ่งสกปรกติดหรือน้ำเข้าด้วยเช่นกัน

        นอกจากนี้ เราจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอและปรับท่านอนไม่ให้แผลเสี่ยงปริง่าย ยกตัวอย่างเช่น การดูแลตัวเองของคุณแอน Madame Anne เวลาไอ จาม หรือหัวเราะ แนะนำให้หาหมอนสะอาดนิ่ม ๆ มากดไว้เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวมากเกินไป (แต่พยายามอย่ากดแรง อาจจะทำให้เจ็บหรืออักเสบได้)

        เมื่อครบกำหนดแล้ว แพทย์จะนัดเข้ามาถอดสายเดรนและตัดไหม (ถ้ามี) ตามลำดับ ระหว่างนี้ จะมีการกำหนดวันที่ต้องเข้ารับบริการดูแลหลังการผ่าตัดด้วย ยกตัวอย่างเช่น การนวดเพื่อลดการเกิดก้อนไต การฉายแสงเพื่อลดอาการบวมน้ำ ไปจนถึงบริการดูแลให้แผลเป็นจางเร็วขึ้น ทั้งนี้ ไม่ใช่ทุกคลินิกที่จะมีบริการเหล่านี้ให้ จึงอาจจะต้องไปหาซื้อคอร์สเพิ่มเองอีกทีครับ

ตัดหนังหน้าท้องอย่างปลอดภัย ไร้กังวลที่เอมาร่า
คืนหุ่นสวย…เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด

ตัดหนังหน้าท้อง (Tummy Tuck) เทคนิค SexiAbs Plasty

        ก่อนจะตัดสินใจตัดหนังหน้าท้อง จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมาก่อนเสมอนะครับ ความเชี่ยวชาญของแพทย์นั้นสำคัญมาก ซึ่งรวมถึงประสบการณ์ในการผ่าตัดมาอย่างหลากหลายรูปแบบ จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนได้

        การตัดหนังหน้าท้องกับ Amara Body Contouring Center ผ่าตัดโดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ ผ่านการผ่าตัดมาหลายไซซ์ และยังเป็นศูนย์ดูดไขมัน-เติมไขมันโดยเฉพาะ ทำให้มีเครื่องมือดูดไขมันหลายชนิด เพื่อให้ผลของการผ่าตัดออกมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้ารับบริการมากที่สุด

        เรายังมีเทคนิคการตัดแบบ SexiAbs Plasty ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่เอมาร่า โดยเป็นการผ่าตัดร่วมกับการดูดไขมัน Sexy Line ผสานศิลปะในการตัดแต่งผิวหนังกับการออกแบบกล้ามหน้าท้องให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นร่อง 11 อย่างมีมิติ เล่นแสงเงาแบบสมจริง!

        นอกจากเทคนิคตัดหนังหน้าท้องพร้อมทำร่อง 11 ทีมแพทย์ยังมีเทคนิค Scarless Tummy Tuck ผ่าตัดด้วยมีดไฟฟ้าและเย็บปิดแผลด้วยกาวทางการแพทย์ เพื่อให้แผลออกมาสวยและรอยน้อย พร้อมเปิดแผลบริเวณใต้ขอบบิกินี่ ทำให้มองไม่เห็นแม้จะใส่ชุดว่ายน้ำ

       ทั้งนี้ ต่อให้แพทย์มีเทคนิคดีแค่ไหน ก็อย่าลืมตรวจสอบใบรับรองห้องผ่าตัดด้วยครับ เพราะการตัดหนังหน้าท้องถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ ห้องผ่าตัดที่ใช้ได้จึงต้องมีมาตรฐานผ่าใบรับรองจากกระทรวงสาธาณสุขเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย ปลอดเชื้อในการผ่าตัดปรับสัดส่วนของเรา

      หากยังมีความกังวลเรื่องอาการแทรกซ้อน ผลลัพธ์มีปัญหา ก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะเรายึดมั่นในการให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการนวดกระชับด้วย Venus Legacy, การฉายแสง LED ลดอาการบวม หรือจะเป็น Pico Plus Laser ลดรอยแผลเป็นก็มีครบ ไม่จำเป็นต้องซื้อคอร์สจากหลายที่เพิ่ม แค่เข้ามาที่เอมาร่า…ก็ได้หุ่นสวยเหมาะกับตัวเรากลับบ้านแน่นอนครับ

ค่าใช้จ่ายการตัดหนังหน้าท้อง ราคาเท่าไหร่?

        ราคานั้นขึ้นอยู่กับความยาก-ง่ายเฉพาะเคสครับ โดยจะเริ่มต้นที่ 99,000 บาท (ไม่รวมเย็บกล้ามเนื้อหน้าท้อง และวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์) ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด ราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามโปรโมชั่นแต่ละช่วง แนะนำให้สอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนตัดสินใจครับ

FAQs

Q : ตัดหนังหน้าท้อง เจ็บมากหรือเปล่า?

A : ในการผ่าตัดจะใช้การวางยาสลบร่วมกับการใช้ยาชาหรือ Tumescent จึงทำให้ระหว่างทำไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดครับ

Q : ตัดหนังหน้าท้อง จำเป็นต้องดูดไขมันด้วยไหม?

A : ไม่จำเป็นเสมอไปครับ แพทย์จะพิจารณาการดูดไขมันเข้ามาก็ต่อเมื่อเรามีไขมันสะสมเยอะมาก ๆ เท่านั้น หากมีไขมันน้อย การผ่าตัดอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วครับ

Q : ตัดหนังหน้าท้อง พักฟื้นกี่วัน?

A : โดยเฉลี่ยแล้ว มีการพักฟื้นไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วครับ แต่หากเข้ารับบริการ After Care และดูแลตัวเองที่บ้านดี ๆ ก็จะช่วยร่นเวลาได้มากขึ้น

Q : ตัดหนังหน้าท้อง น้ำหนักลดไหม?

A : ลดแต่ไม่ลดขนาดนั้นครับ ผิวหนังของเราไม่ได้มีน้ำหนักมาก หากนับตัวเลข การตัดหนังหน้าท้องออกจะลดได้ระดับขีดเท่านั้น หากต้องการลดน้ำหนัก หมอแนะนำคุมอาหารและออกกำลังกายดีกว่าครับ

Q : ตัดหนังหน้าท้องลดพุงหลังคลอด ทำหลังคลอดได้เลยไหม?

A : ไม่ได้ครับ หากคุณแม่พึ่งคลอดน้องมา จะต้องรออย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไปเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและรอให้ลูกน้อยหย่านมได้ก่อน เพราะการผ่าตัดต้องใช้ยาชา อาจมีสารตกค้างไปสู่น้ำนมได้

Q : ตัดหนังหน้าท้องสามารถมีลูกได้อีกไหม?

A : มีได้ แต่ไม่แนะนำครับ เพราะการตั้งครรภ์ซ้ำจะมีโอกาสที่กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกตัวออกจากกันได้อีก หากคุณแม่ท่านไหนเคยเย็บซ่อมกล้ามเนื้อ ก็ต้องมาทำซ้ำ เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์ครับ

Q : ตัดหนังหน้าท้องนอนตะแคงได้ไหม?

A : จริง ๆ สามารถนอนได้ครับ แต่จะต้องนอนขดตัวเป็นรูปตัววีเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แผลตึงเกินไป ทั้งนี้ ก็ไม่ควรนอนตะแคงตลอด ให้ยึดการนอนหงายและเอาหมอนหนุนใต้ท้องหรือสะโพกเพื่อให้ตัวงอเป็นหลักดีกว่า