การปรับรูปหน้าและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์เป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ และการเติมไขมัน (Fat Grafting) กลายเป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยม ด้วยความที่เป็นธรรมชาติและใช้ไขมันจากร่างกายตัวเอง แต่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ เติมไขมัน ใช้ไขมันอะไร? ไขมันที่นำมาใช้มาจากส่วนไหนของร่างกาย และต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี บทความนี้จะพาไปหาคำตอบ ไขข้อข้องใจทุกประเด็น พร้อมอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเข้าใจเทคนิคการเติมไขมันได้อย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ
การเติมไขมัน (Fat Grafting/Fat Transfer) คืออะไร?
การเติมไขมัน หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า Fat Grafting หรือ Fat Transfer คือ กระบวนการทางการแพทย์ที่ย้ายเซลล์ไขมันจากส่วนหนึ่งของร่างกายที่มีไขมันสะสมอยู่มากไปยังอีกส่วนที่ต้องการเพิ่มปริมาตร แก้ไขความบกพร่อง หรือฟื้นฟูให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น หลักการสำคัญคือการใช้ไขมันของตัวเอง จึงลดความเสี่ยงในการแพ้หรือต่อต้านจากร่างกาย ทำให้เป็นวิธีที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
หัตถการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป เช่น ร่องลึกใต้ตา ขมับตอบ หรือแก้มที่ซูบลง แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวในบริเวณที่ฉีดได้ด้วย เนื่องจากในเซลล์ไขมันมีสเต็มเซลล์ปะปนอยู่ ซึ่งมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูและสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดีขึ้น การเติมไขมันจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการคืนความสมดุลให้ใบหน้าและเรือนร่างด้วยวัสดุจากธรรมชาติของตัวเอง
ไขมันที่ใช้เติม มาจากส่วนไหนของร่างกาย
หัวใจสำคัญของการเติมไขมันที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย เริ่มต้นตั้งแต่การเลือกแหล่งไขมันที่มีคุณภาพ และกระบวนการเตรียมไขมันที่พิถีพิถัน เพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่แข็งแรงและมีชีวิตรอดหลังการปลูกถ่ายได้
ตำแหน่งยอดนิยมในการดูดไขมันมาใช้เติม
โดยทั่วไป แพทย์จะเลือกดูดไขมันจากบริเวณที่มักมีไขมันสะสมอยู่มากและค่อนข้างดื้อต่อการลดน้ำหนักหรือออกกำลังกาย เช่น
- บริเวณหน้าท้อง (Abdomen)
- ต้นขา (Thighs) โดยเฉพาะต้นขาด้านในและด้านนอก
- สะโพกหรือเอว (Hips/Flanks)
การเลือกตำแหน่งเหล่านี้ไม่เพียงเพราะมีปริมาณไขมันเพียงพอ แต่ยังเชื่อว่าไขมันจากบางบริเวณอาจมีคุณภาพเซลล์ที่ดีและเหมาะสมกับการนำไปปลูกถ่ายต่อในจุดที่ต้องการ
คุณภาพไขมันแต่ละส่วน แตกต่างกันหรือไม่?
แม้ว่าจะเป็นไขมันจากร่างกายเดียวกัน แต่คุณภาพของเซลล์ไขมันในแต่ละบริเวณอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในแง่ของขนาดเซลล์ ความหนาแน่นของสเต็มเซลล์ และความทนทานต่อกระบวนการเก็บและเตรียมไขมัน มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าไขมันจากบริเวณต้นขาด้านใน หรือหน้าท้องส่วนล่าง อาจมีเซลล์ไขมันที่มีชีวิตรอดและมีศักยภาพในการฟื้นฟูสูง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งที่ดูดไขมันเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับเทคนิคการดูด การเตรียมไขมัน และเทคนิคการฉีดกลับเข้าไปมากกว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินและเลือกแหล่งไขมันที่ดีสำหรับแต่ละบุคคล
ขั้นตอนการเตรียมไขมันให้บริสุทธิ์ก่อนนำไปใช้ (Fat Processing)
หลังจากดูดไขมันออกมาแล้ว ไขมันที่ได้จะยังไม่บริสุทธิ์พอที่จะนำไปฉีดกลับได้ทันที เนื่องจากมีส่วนประกอบอื่น ๆ ปนอยู่ เช่น เลือด น้ำเหลือง เซลล์ที่ตายแล้ว หรือยาชา ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการอยู่รอดของเซลล์ไขมันและอาจทำให้เกิดการอักเสบได้ จึงจำเป็นต้องนำไขมันมาผ่านกระบวนการเตรียมให้บริสุทธิ์ (Fat Processing) เพื่อคัดแยกเอาเฉพาะเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพดีและแข็งแรงออกมา ซึ่งมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1. การเก็บไขมัน (Harvesting)
แพทย์จะทำการดูดไขมันจากบริเวณที่เลือกไว้ (เช่น หน้าท้อง ต้นขา สะโพก) ด้วยเทคนิคที่นุ่มนวลและใช้แรงดันต่ำ เพื่อลดการกระทบกระเทือนต่อเซลล์ไขมันให้น้อย การใช้เครื่องมือที่ทันสมัย เช่น เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ (Water-assisted liposuction) จะช่วยให้เซลล์ไขมันแยกตัวออกจากเนื้อเยื่ออย่างอ่อนโยน ไม่เกิดความร้อนสะสม ทำให้เซลล์ไขมันบอบช้ำน้อยลงและมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น
2. การทำให้บริสุทธิ์ (Purification)
ไขมันที่ดูดออกมาจะถูกนำไปเข้ากระบวนการปั่นคัดแยกด้วยเครื่องปั่นเหวี่ยงความเร็วสูง (Centrifuge) หรือผ่านการกรองด้วยเทคโนโลยีพิเศษ เพื่อแยกชั้นไขมันดีออกจากส่วนประกอบที่ไม่ต้องการ เช่น น้ำเหลือง เลือด น้ำมันส่วนเกิน และเซลล์ที่เสียหาย กระบวนการนี้จะทำให้ได้เซลล์ไขมันที่มีความเข้มข้น สมบูรณ์ และมีชีวิต พร้อมสำหรับการนำไปปลูกถ่าย เทคโนโลยีอย่าง LipoCube สามารถช่วยกรองไขมันและกระตุ้นการสร้างเซลล์ต้นกำเนิดไขมัน (SVF) ได้มากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการติดของไขมัน
3. การนำกลับ (Injection/Placement)
เซลล์ไขมันบริสุทธิ์ที่ได้จะถูกนำมาบรรจุในกระบอกฉีดาขนาดเล็ก และแพทย์จะค่อย ๆ ฉีดไขมันกลับเข้าไปยังบริเวณเป้าหมาย (เช่น ใบหน้า มือ หน้าอก) ด้วยเทคนิคพิเศษ โดยฉีดเป็นอนุภาคเล็ก ๆ (Microdroplets) กระจายไปในหลาย ๆ ชั้นผิว เพื่อให้ไขมันสัมผัสกับเนื้อเยื่อเดิมและได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงอย่างทั่วถึง ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของเซลล์ไขมัน และให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
เติมไขมันตำแหน่งไหนได้บ้าง?
การเติมไขมันเป็นหัตถการที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาและเติมเต็มได้หลากหลายบริเวณทั่วร่างกาย ตั้งแต่ใบหน้าไปจนถึงส่วนอื่น ๆ
เติมไขมันหน้าเด็ก
บริเวณใบหน้าเป็นตำแหน่งที่นิยมเติมไขมันมากที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และการสูญเสียปริมาตรตามวัย ทำให้ใบหน้ากลับมาดูอิ่มเอิบ อ่อนเยาว์ และได้สัดส่วนที่สมดุล หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เติมไขมันหน้าเด็ก” บริเวณที่นิยม ได้แก่ หน้าผาก (เติมให้โหนกนูน เรียบเนียน), ขมับ (แก้ปัญหาขมับตอบ), ใต้ตา (เติมเต็มร่องน้ำตาลึก ลดความหมองคล้ำ), ร่องแก้ม (ทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้น), แก้ม (เพิ่มวอลลุ่มให้แก้มดูอิ่มสวย), คาง (ปรับรูปคางให้ยาวหรือมนขึ้น), และกรอบหน้า (ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น)
เติมไขมันส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
นอกเหนือจากใบหน้า การเติมไขมันยังสามารถนำไปใช้กับส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ เช่น
- เติมไขมันหลังมือ : ช่วยให้มือที่ดูเหี่ยวและเห็นเส้นเลือดชัด กลับมาดูอิ่มเอิบ อ่อนเยาว์
- เติมไขมันหน้าอก : เพิ่มขนาดหน้าอกเล็กน้อย หรือปรับรูปทรงให้สวยงามขึ้นหลังการผ่าตัด
- เติมไขมันสะโพก : เพิ่มความกลมมน หรือแก้ไขความไม่สมส่วน
- เติมไขมันน้องสาว : เพื่อฟื้นฟูสีผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นให้กลับมาสดใส พร้อมอัพขนาดให้น้องสาวมีความอวบอิ่มและเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการเติมไขมันด้วยไขมันตัวเอง
การเลือกเติมไขมันด้วยไขมันตัวเองมีข้อดีหลายประการที่ทำให้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
- ความปลอดภัยสูง : เนื่องจากใช้เซลล์ไขมันจากร่างกายตัวเอง จึงไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ หรือการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ : ไขมันที่ปลูกถ่ายสำเร็จจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น ให้สัมผัสและรูปลักษณ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนแข็ง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน : เมื่อเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปสามารถอยู่รอดและได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยง (Engraftment) ผลลัพธ์ที่ได้จะค่อนข้างถาวร แม้จะมีบางส่วนสลายไปบ้างตามธรรมชาติ
- ประโยชน์สองต่อ : ช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ไม่ต้องการ และนำไปเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการได้ในคราวเดียว
- ฟื้นฟูคุณภาพผิว : สเต็มเซลล์ที่อยู่ในไขมัน (SVF) มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้ผิวในบริเวณที่เติมไขมันดูมีสุขภาพดี เรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้น
สิ่งที่ต้องพิจารณาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนเติมไขมัน
แม้ว่าการเติมไขมันจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรพิจารณาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือการรับทราบข้อมูลเหล่านี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ อัตราการรอดชีวิตของเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจไม่แน่นอนและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เทคนิคของแพทย์ คุณภาพไขมัน การดูแลตัวเองหลังทำ และสุขภาพโดยรวมของผู้รับการรักษา ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง 100% และอาจต้องมีการเติมซ้ำในบางกรณี
นอกจากนี้ การเติมไขมันเป็นหัตถการที่ต้องมีการดูดไขมันร่วมด้วย จึงอาจมีอาการบวม ช้ำ หรือเจ็บ บริเวณที่ดูดไขมันและบริเวณที่ฉีดไขมัน ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์สังเคราะห์ ความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจพบได้ (แม้จะน้อย) คือ การติดเชื้อ การเกิดพังผืด หรือผิวไม่เรียบเนียนหากฉีดไม่ถูกวิธี ดังนั้น การเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและคลินิกที่ได้มาตรฐานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
เติมไขมันหน้าเด็กที่ AMARA ด้วย MAFT Gun เพื่อผลลัพธ์ที่เหนือกว่า
ที่ AMARA Clinic เราให้ความสำคัญกับการเติมไขมันหน้าเด็กเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เราเข้าใจดีว่า เติมไขมัน ใช้ไขมันอะไร และกระบวนการไหนเหมาะสม เราจึงเลือกใช้เทคนิคและเครื่องมือที่ทันสมัย เริ่มตั้งแต่การดูดไขมันด้วยเครื่องพลังงานน้ำที่อ่อนโยนต่อเซลล์ไขมัน ไปจนถึงกระบวนการปั่นคัดแยกไขมันเพื่อให้ได้เซลล์คุณภาพสูง
และที่สำคัญคือ การใช้ MAFT Gun (Micro-Autologous Fat Transplantation Gun) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเครื่องมือช่วยฉีดไขมันที่มีความแม่นยำสูง สามารถควบคุมปริมาณไขมันที่ฉีดในแต่ละครั้งให้มีขนาดเล็กจิ๋ว (Microdroplet) และสม่ำเสมอ ช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ ลด Human Error จากการใช้มือฉีดแบบดั้งเดิม ทำให้ไขมันกระจายตัวได้ดี เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของเซลล์ไขมัน และให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ ลดปัญหาการเกิดก้อน หรือผิวไม่สม่ำเสมอ ช่วยให้การเติมไขมันหน้าเด็กที่ AMARA มอบผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและยาวนาน
ต้องการปรึกษาแพทย์ฟรี!

SCan OR Code เพื่อแอดไลน์ หรือ
สาขา รัชโยธิน กด 1
สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

สรุปบทความ
การเติมไขมันเป็นการนำไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง หรือต้นขา มาผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ เพื่อคัดแยกเซลล์ไขมันคุณภาพดี แล้วนำกลับไปฉีดเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการ เช่น ใบหน้า มือ หรือหน้าอก คำถามที่ว่า เติมไขมัน ใช้ไขมันอะไร คำตอบคือใช้ไขมันตัวเอง ซึ่งมีข้อดีคือปลอดภัย ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ และอาจช่วยฟื้นฟูผิวได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเทคนิคและอัตราการรอดของไขมัน การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น การใช้ MAFT Gun ที่ AMARA จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและโอกาสสำเร็จ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและน่าพอใจในระยะยาว
