ถ้าพูดถึงความสวยความงามแล้ว สิ่งที่คนเราต้องการมากที่สุดพอ ๆ กันกับโครงหน้าที่ได้รูปสวย คือผิวหน้าที่กระจ่างใส ไร้ฝ้ากระจุดด่างดำต่าง ๆ และจะให้ดีขึ้นไปอีก สถาพผิวก็จะต้องชุ่มชื้นไม่แห้งตึงอีกด้วยค่ะ ใครที่มีปัญหาเรื่องใบหน้าหมองคล้ำไม่กระจ่างใส สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีรอยดำรอยแดงจากการเกิดสิว มีฝ้ากระเพราะแดดที่พบเจอในทุก ๆ วัน
การทาครีมอาจจะใช้ระยะเวลาที่นานเกินไปกว่าจะเห็นผล เคยได้ยินคนพูดกันไหมคะว่า “ทาครีมเป็นปีก็ไม่หาย แต่พอเข้าคลินิกเท่านั้นแหละเห็นผลเลย” เรื่องนี้เรื่องจริงนะคะ วันนี้หมอเลยจะพามารู้จักกับนวัตกรรมเพื่อผิวหน้าขาวใสที่ชื่อว่าเครื่อง Lumecca ตัวช่วยที่จะทำให้ใบหน้าของเรากระจ่างใสไม่หมองคล้ำได้เร็วที่สุดเลยล่ะค่ะ – หมอมะปราง Amara Clinic
สาเหตุที่ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำไม่กระจ่างใส
ต้องบอกว่าสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าของเราเกิดปัญหาความหมองคล้ำต่าง ๆ และทำให้มันดูไม่ขาวกระจ่างใสนั้น หลัก ๆ แล้วเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราที่ผ่านมาค่ะ บางคนอาจจะรู้ตัวทันและมีการป้องกันไว้ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น แต่บางคนเพิ่งจะมารู้ตัวว่าควรมีการป้องกันและบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจุดด่างดำต่าง ๆ ใบหน้าก็เพิ่งจะตอนที่อายุเข้าเลข 3 หรือมากกว่านั้นเข้าไปแล้ว ซึ่งมันก็ช้าไปเสียแล้วค่ะ ยังไงตอนนี้เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าพฤติกรรมอะไรบ้างที่ส่งผลทำให้เรามีใบหน้าหมองคล้ำ มีฝ้ากระ มีรอยดำรอยแดงแบบไม่รู้จบ!
- พอมีสิวขึ้นที่ใบหน้าจะใช้มือบีบสิวออกทันที ยิ่งเป็นสิวอุดตันหรือสิวที่ไม่มีหัวโผล่ขึ้นมาแล้ว กว่าที่จะบีบออกมาได้ก็จะต้องอาศัยแรงกดสูง รวมไปถึงการทำซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ ทำให้บริเวณนั้นเกิดความช้ำขึ้น อีกทั้งในบางครั้งมันอาจเกิดเป็นแผลและรอยดำขึ้นมาได้นะคะ
- การทานน้ำน้อย ๆ ไม่ค่อยจิ๊บน้ำในระหว่างวัน ทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะขาดน้ำไปเรื่อย ๆ ไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน สุขภาพผิวไม่ดี เมื่อโดนแสงแดด หรือมลภาวะภายนอกต่าง ๆ จึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องฝ้ากระ และความหมองคล้ำได้ง่ายขึ้น
- การไม่ทาครีมบำรุงผิวและไม่ยอมทากันแดดเมื่อออกจากบ้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดของขั้นตอนการบำรุงผิวเพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาผิวต่าง ๆ ขึ้นมา นั่นก็คือการทาครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการทาครีมกันแดดจะช่วงป้องกันรังสียูวีที่เป็นตัวการในการทำลายผิวได้ คนที่ไม่ยอมทาครีมกันแดดเลยและออกไปเผชิญกับแดดอยู่ทุก ๆ วัน นอกจากใบหน้าจะหมองคล้ำขึ้นได้อย่างชัดเจนแล้ว สภาพผิวก็จะหยาบกร้านตามไปด้วย ฝ้ากระที่ไม่เคยมีก็จะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
- นอนพักผ่อนไม่เพียงพอและมีความเครียดสะสมอย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ไม่ทั่วถึงในบางช่วง จึงทำให้เรามีอาการต่าง ๆ ตามมา ฮอร์โมนไปร่างกายก็เปลี่ยนไป เกิดสิวขึ้นได้ง่าย และทำให้เรามีใบหน้าที่โทรม หมองคล้ำ ไม่มีออร่าของความกระจ่างใสเลย
Lumecca นวัตกรรมเพื่อผิวขาวกระจ่างใส
อย่างที่หมอได้เกริ่นไปในตอนแรกนะคะ ว่าถ้าเราป้องกันไม่ทันและมันเกิดปัญหาอย่างการมีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ มีจุดด่างดำขึ้นมา มีใบหน้าที่หมองคล้ำแล้ว การใช้ตัวช่วยดี ๆ อย่างนวัตกรรมเพื่อผิวหน้าใสเป็นสิ่งที่หมออยากแนะนำค่ะ นั่นก็คือ นวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ Lumecca ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี Intense Pulsed Light หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักในชื่อย่อ IPL หน้าใส แต่ Lumecca จะใช้พลังงานที่เข้มข้นกว่า IPL หน้าใสทั่ว ๆ ไปถึง 3 เท่า และปล่อยพลังงานแบบ Highest Peak Power จึงช่วยลดเลือนเม็ดสีที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเลยนะคะ เพราะ Lumecca เป็นเครื่องมือมาตรฐานทางการแพทย์ ผ่านการรับรองจาก U.S.FDA และ Thai FDA มาแล้วว่าสามารถใช้รักษาได้อย่างปลอดภัย
Lumecca HR/SR มีความยาวคลื่น 580-1,200 นาโนเมตร และมีระบบทำความเย็น (Cooling) ที่หัว เพื่อปกป้องผิวในระหว่างที่ทำการรักษา ช่วยรักษาให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส (Photorejuvenetion), รักษาเส้นเลือด (Vascular Lesions), กำจัดเม็ดสีที่ผิดปกติ (Pigmented Lesions) และสามารถใช้ในการกำจัดขนถาวร (Hair Removal) ได้ นอกจากนี้ Lumecca™ ยังเลือกใช้ Lamp ชนิดพิเศษ เพื่อให้พลังงานส่วนใหญ่ออกมาในช่วงความยาวคลื่น 500-600 นาโนเมตร ตามความเหมาะสมในการรักษาแต่ละชนิด ซึ่งตรงนี้นี่เองที่มีความเข้มข้นสูงกว่า IPL หน้าใส ทั่ว ๆ ไปถึง 3 เท่าเลยทีเดียวค่ะ
Lumecca จะมีการส่งความยาวคลื่นที่เหมาะสมที่สุด ไปรักษาในบริเวณที่ต้องการทำการรักษาและทำปฏิกิริยากับเม็ดสีนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง หลังจากนั้นเม็ดสีต่าง ๆ (เม็ดสีดำ เม็ดสีแดง หรือเม็ดสีน้ำตาล) ที่อยู่ใต้ผิวก็จะดูดซับแสงที่ Lumecca ปล่อยลงไป และค่อย ๆ ถูกทำลายให้จางหายไป เมื่อทำเสร็จทันทีบริเวณดังกล่าวอาจจะมีสีที่เข้มขึ้นและเป็นสะเก็ดขึ้นได้นะคะ สำหรับรอยจุดด่างดำต่าง ๆ สะเก็ดจะหลุดออกภายใน 1 สัปดาห์ แล้วเราก็จะเห็นผิวที่สว่างกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ส่วนคนที่รักษารอยโรคของเส้นเลือดนั้น จะค่อย ๆ เห็นว่ารอยเส้นเลือดมันจางลงภายใน 2-3 วันค่ะ โดยรวมแล้วจะเห็นผลชัดเจนหลังจากที่ทำการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งหมอแนะนำให้ทำประมาณ 2-5 ครั้ง/ตำแหน่ง (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) และมีระยะห่างกันในแต่ละครั้งอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนค่ะ
LUMECCA ทำบริเวณไหนได้บ้าง?
Lumecca สามารถทำได้ทุกส่วนของร่างกายยกเว้นริมฝีปากและเปลือกตา โดยตำแหน่งที่มีปัญหาเรื่องจุดด่างดำ จุดด่างน้ำตาล รอยแดง, รอยเส้นเลือดบนหน้า และสีผิวไม่สม่ำเสมอที่คนเข้ามารับการรักษาบ่อย ๆ คือ ใบหน้า, ลำคอ, เหนือหน้าอก, หลังมือ, แขน, ไหล่ และขา ซึ่งตำแหน่งเหล่านี้ก็คือตำแหน่งที่มีการเผชิญหน้ากับแสงแดดอยู่เป็นประจำค่ะ เห็นไหมคะว่าแสงแดดนี่แหละเป็นตัวร้ายที่แท้จริง ดังนั้น ใครที่อ่านบทความนี้จบแล้วหรือเข้ามารับการรักษาด้วย Lumecca แล้ว รีบหาครีมกันแดดมาทาบำรุงทุกวันด่วน ๆ เลยค่ะ
ขั้นตอนการรักษาหน้าใสด้วย Lumecca
การเตรียมตัวก่อนทำ Lumecca
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง 2 สัปดาห์
- งดทาครีมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในบริเวณที่จะเลเซอร์ อย่างน้อย 3 วัน
- งดสครับผิว แว็กซ์ โกนขน นวด หรือทำให้ผิวอ่อนแอลง อย่างน้อย 3 วัน
ความรู้สึกขณะรักษาด้วย LUMECCA
สงสัยไหมคะว่าระหว่างที่เรารักษาหน้าใสด้วย Lumecca เนี่ยมันจะเจ็บไหม? คำตอบก็คือ… อาจจะรู้สึกเจ็บแบบเบา ๆ ที่ผิวได้ค่ะ โดยลักษณะของความเจ็บจะเหมือนกับว่ามีหนังยางเส้นเล็ก ๆ ดีดที่ผิวของเราในระหว่างที่ทำเลเซอร์ บางคนอาจจะพบว่าหน้าแดงหลังจากเลเซอร์ก็เป็นได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวผิวจะค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมภายใน 1-2 ชั่วโมงค่ะ ซึ่งการทำ Lumecca ในแต่ละครั้ง จะใช้ระยะเวลาประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น
การดูแลตัวเองหลังทำ Lumecca
- หลังการรักษาด้วย Lumecca แล้ว สามารถแต่งหน้าได้ทันที
- ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ใบหน้าสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง 1-2 สัปดาห์
- ทาครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสมเมื่อต้องออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน
- งดการสครับขัดผิวบริเวณใบหน้า รวมถึงทายาที่มีความแสบร้อนด้วย
- งดการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน A, วิตามินซี, AHA และ BHA
- งดแช่ออนเซ็น เข้าซาวหน้า หรืออยู่ในที่ ๆ ร้อนจัดเป็นเวลานาน
- ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นทั้งก่อนนอนและหลังตื่นนอน
- หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำรอยแดงอีก
ใครควรทำและไม่ควรทำ Lumecca
คนที่ควรรักษาด้วย Lumecca คือคนที่มีปัญหาเรื่องจุดด่างดำ รอยแดงเฉพาะจุด สีผิวไม่สม่ำเสมอ สีผิวหมองคล้ำ มีรอยแผลเป็นสีดำ และคนที่ต้องอยากหน้าใสในระยะเวลาอันน้อยนิด ส่วนคนที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วย Lummecca ก็มีอยู่หลายกลุ่มเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ผิวขาวใสในบริเวณที่ผิวกำลังมีแผลหรือมีปัญหา และคนที่ร่างกายไม่สามารถรับกับแสงพลังงานของตัวเครื่องได้ ดังนี้
- คนที่กำลังตั้งครรภ์
- คนที่มีความผิดปกติที่หัวใจ
- ภาวะต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติที่ควบคุมไม่ได้
- ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง เช่น AIDS HIV หรือคนที่กำลังใช้กดภูมิคุ้มกัน
- มีปัญหาผิวในบริเวณที่จะทำการรักษา เช่น โรคผิวหนัง, แผลติดเชื้อ, แผลคีลอยด์, เริม, แผลเปื่อย, โรคสะเก็ดเงิน, กลากเกลื้อน, ผื่น, ผิวแห้ง หรือมีปัญหาผิวบาง
- บริเวณที่มีรอยสัก หรือการสักเพื่อความงามแบบถาวร (สักรองพื้นลงบนใบหน้า หรือสักบลัชออนบนใบหน้าแบบถาวร)
- โรคที่ถูกกระตุ้นอาการด้วยแสงได้ เช่น โรคลมพิษ หรือลมบ้าหมู
- คนที่เพิ่งผ่านการอาบแดด หรือทาครีมผิวแทนในช่วง 2-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สรุป
สำหรับปัญหารอยดำต่าง ๆ นั้น บางคนอาจจะใช้วิธีการทาครีมที่มีคุณสมบัติในการลดเลือนจุดด่างดำอย่างเสมอก็ได้นะคะ เพียงแต่เครื่อง Lumecca เป็นเพียงหนึ่งในทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับคนที่การทาครีมไม่สามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว และรวมไปถึงคนที่ต้องการปรับปรุงผิวฉบับเร่งด่วนค่ะ ยังไงก็ตามผู้อ่านสามารถเข้ามารับคำปรึกษากับหมอก่อนได้ เพื่อให้หมอประเมินระดับของปัญหาและวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยสามารถติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ของ Amara Clinic ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic