รีแพร์ (Repair) คือการศัลยกรรมช่องคลอดอย่างหนึ่งที่มีจุดประสงค์ในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับสาว ๆ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศรวมถึงในไทยด้วยค่ะ แต่เนื่องจากมันเป็นการผ่าตัดส่วนจุดซ่อนเร้น เพื่อซ่อมแซมช่องคลอดที่หลวม ไม่กระชับ อันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนของสาว ๆ ทำให้หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ากระบวนการทำรีแพร์คืออย่างไร ต้องไปหาคลินิกทำรีแพร์ที่ไหนดี หรือประโยชน์ในการทำรีแพร์คืออะไรบ้าง?
AMARA เองก็ได้พัฒนาบริการรีแพร์น้องสาวเข้ามาใช้ และรวบรวมเทคนิคต่าง ๆ ผสานกันเป็นการศัลยกรรมตกแต่งน้องสาวที่สมบูรณ์และครอบคลุมที่สุด เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาของสาว ๆ ได้ดียิ่งขึ้น หมอปุ๋ม AMARA จะพามาดูกันค่ะว่าการทำรีแพร์คืออะไร มีขั้นตอนและผลลัพธ์ยังไงบ้าง
ช่องคลอดหลวม ไม่กระชับ เกิดจากอะไร?
ก่อนอื่นเรามาหาคำตอบกันค่ะว่า การที่สาว ๆ มีช่องคลอดหลวมไม่กระชับนั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ นั้นไม่ได้มีแค่ปัญหาจากการร่วมรักหรือมีเซ็กซ์บ่อยครั้งเท่านั้นค่ะ เพราะสาว ๆ ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนนั้นก็มีโอกาสเกิดช่องคลอดหลวมได้เช่นกัน
สาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดหลวม ช่องคลอดไม่กระชับ เกิดจากปัจจัยเหล่านี้
- อายุมากขึ้น (40+) ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายลดลง จนทำให้ผิวบริเวณช่องคลอดไม่แข็งแรง ไม่ชุ่มชื้น และไม่ยืดหยุ่นเหมือนเมื่อก่อน และจะค่อย ๆ หย่อนคล้อยไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา
- เคยผ่านการคลอดตามธรรมชาติมาก่อน ทำให้กล้ามเนื้อช่องคลอดมีความกระชับน้อยลง เนื่องจากกล้ามเนื้อมีการขยายตัวมากขณะคลอด สาเหตุนี้ไม่ได้อยู่ถาวร สามารถกลับมากระชับได้หลังคลอด แต่ก็จะไม่กระชับเท่าเดิมอยู่ดีค่ะ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงแต่กำเนิด เป็นเคสที่สาว ๆ มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อบางส่วนติดตัวมาตั้งแต่เกิดค่ะ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดมีความหลวม แม้จะไม่ได้มีเพศสัมพันธ์มาก่อนก็ตาม
- แรงดันในช่องท้องสูง ข้อนี้เกิดจากหลายปัจจัยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องบ่อย ๆ การมีน้ำหนักตัวมาก หรือมีโรคประจำตัวที่ทำให้เกิดแรงดันดังกล่าว เช่น หอบหืด ท้องผูก ความดันสูง เป็นต้น
- มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ แน่นอนว่าส่งผลให้ช่องคลอดหลวม ไม่กระชับได้ค่ะ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งหรือทำเป็นประจำ ก็จะมีโอกาสเกิดความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อจุดซ่อนเร้นได้มากกว่าสาว ๆ ที่มีเพศสัมพันธ์นานครั้ง
จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่ทำให้ช่องคลอดหลวม เกิดจากหลากหลายสาเหตุ ไม่ใช่แค่การมีเพศสัมพันธ์บ่อยเท่านั้นค่ะ และถึงจะแม้จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์บ่อย ก็ไม่ได้แปลว่าน้องสาวของเราจะหลวมแล้วหลวมเลย เพราะช่องคลอดนั้นมีความยืดหยุ่นสูงมาก ๆ เมื่อเรางดการร่วมรักไปนาน ๆ ก็จะทำให้น้องสาวกลับมากระชับได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของสาว ๆ เองค่ะ นั่นหมายความว่ากล้ามเนื้อช่องคลอดของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน คุณผู้หญิงบางคนก็อาจจะไม่สามารถทำให้ช่องคลอดกลับมากระชับได้เหมือนเดิม จึงเป็นสาเหตุให้มีการพัฒนาการผ่าตัดสำหรับรีแพร์ช่องคลอดขึ้นมานั่นเอง
รีแพร์ คืออะไร?
รีแพร์ คือ การซ่อมแซมกล้ามเนื้อภายในช่องคลอดให้มีความกระชับมากยิ่งขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วการทำรีแพร์เป็นหนึ่งในวิธีตกแต่งน้องสาวให้กลับมาอ่อนเยาว์ที่ได้รับความนิยมสูง ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณผู้หญิง โดยจะมีวิธีที่หลากหลาย ทั้งในแบบที่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด ไปจนถึงแบบที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัดเลย ทั้งนี้ แต่ละวิธีก็จะมีข้อดีและข้อเสียไม่เหมือนกัน
การทำรีแพร์ (Vaginal Repair) มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Vaginoplasty แต่จะมีความหมายในแง่ของการผ่าตัดตกแต่งช่องคลอด ช่วยในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือสร้างช่องคลอดขึ้นมาใหม่ โดยสามารถนำไปปรับใช้กับการผ่าตัดเพื่อจุดประสงค์อื่น ๆ นอกจากการกระชับช่องคลอดได้ เช่น การผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง ใช้รักษาอาการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุที่ทำให้ช่องคลอดเสียหาย ใช้รักษาความผิดปกติทางเพศกำเนิดอย่างภาวะช่องคลอดตัน ภาวะมดลูกแฝด เป็นต้น
การทำรีแพร์ เหมาะกับใครบ้าง?
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะมีความกังวลเกี่ยวกับความกระชับของช่องคลอดกันเยอะมาก ๆ แต่ก็ใช่ว่าเราจะเหมาะกับการทำรีแพร์เสมอไปนะคะ เพราะจุดซ่อนเร้นของเรานั้นเป็นส่วนที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และมีกระบวนการขั้นตอนที่ซับซ้อน รวมถึงจุดประสงค์ในการทำรีแพร์ของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เรามาดูกันค่ะว่าการทำรีแพร์ เหมาะกับใคร? คนที่สามารถทำรีแพร์คือใครบ้าง?
- เคยผ่านการมีบุตรหรือคลอดบุตรโดยธรรมชาติมาก่อน
- ผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตรอีกในอนาคต
- มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- อายุมากจนช่องคลอดหลวม (กลุ่มนี้แนะนำมากที่สุด)
- กล้ามเนื้อเสื่อมสภาพหรืออ่อนแรงแต่กำเนิด
- มีอาการท้องอืดหรือขับถ่ายลำบาก
- มีเนื้อเยื่อยื่นออกมาจากช่องคลอด
- ความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์ลดลง
บุคคลที่ไม่ควรทำรีแพร์ช่องคลอด
จากที่ได้อธิบายไปค่ะว่าการทำรีแพร์คือกระบวนการที่มีขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน แถมยังมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับกระบวนการต่าง ๆ โดยเฉพาะสภาพร่างกายของเรา ในทางกลับกันจึงมีกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้ารับการทำรีแพร์คือ
- คุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะมีบุตร
- คุณผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือนอยู่หรืออาจมีรอบเดือนในช่วงที่จะผ่าตัดจริง
- พึ่งผ่านการตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear) หรือการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมา
- ช่องคลอดหรือทางเดินปัสสาวะกำลังมีการติดเชื้อ (ต้องหายดีก่อนจึงจะทำได้)
- สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง หรือร่างกายไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัด
- มีภาวะเลือดจางระดับรุนแรง ต้องปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อนตัดสินใจ
- เป็นโรคเบาหวาน มีผลให้แผลสมานตัวช้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
- เป็นโรคความดันโลหิตสูง เสี่ยงต่อการเกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ มากกว่าปกติ
- เป็นโรคที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือต้องทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- เป็นโรคเกี่ยวกับปอด มักมีผลต่อการวางยาสลบเพื่อผ่าตัดรีแพร์ช่องคลอด
- เป็นโรคลมชัก ไทรอยด์ ต้องควบคุมโรคให้ร่างกายพร้อมที่สุดก่อนผ่าตัด
- เป็นผู้ป่วยโรคเอดส์หรือติดเชื้อ HIV มีโอกาสติดเชื้อสูงมากที่สุด ไม่แนะนำให้ผ่าตัดหากไม่จำเป็น
การรีแพร์น้องสาว มีกี่วิธี?
วิธีกระชับช่องคลอดทางการแพทย์มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 ประเภทในรูปของการรีแพร์ คือ แบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด โดยวิธีที่นิยมที่ในแบบไม่ต้องผ่าตัดรีแพร์ คือ วิธีรีแพร์ด้วยฟิลเลอร์และวิธีรีแพร์ด้วยเลเซอร์ ส่วนการรีแพร์ที่ต้องผ่าตัดคือ วิธีผ่าตัดรีแพร์ช่องคลอด รวมทั้งหมดเป็น 3 วิธีหลัก ๆ ด้วยกัน
การทำรีแพร์ทั้งสามวิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ดังนั้น เราจึงต้องพิจารณาถึงขั้นตอนของแต่ละวิธีเพื่อหาความเหมาะสมและตอบโจทย์ตัวเราให้ได้มากที่สุดค่ะ โดยรายละเอียดรูปแบบต่าง ๆของวิธีรีแพร์คือ
รีแพร์ช่องคลอดด้วยฟิลเลอร์ (Vagina Filler)
เป็นการรีแพร์ช่องคลอดด้วยการฉีดสารเติมเต็มอย่าง HA Filler (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นหูว่าฟิลเลอร์เข้าไปในผนังช่องคลอดค่ะ โดยจะเป็นการเติมส่วนปลายของช่องคลอด ทำให้ผนังมีความหนามากขึ้น ช่วยเพิ่มความรู้สึกที่ดีและเพิ่มความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์ ทว่าวิธีรีแพร์แบบนี้มักจะไม่ค่อยนิยมกันเท่าใดนัก เน้นช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องคลอดหรือทำให้น้ำหล่อลื่นออกมาได้ดีมากกว่าการกระชับช่องคลอด
อย่างไรก็ตาม การทำรีแพร์ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มพื้นที่ในช่องคลอดนั้นค่อนข้างอันตราย เนื่องจากบริเวณช่องคลอดนั้นมีพื้นที่อันตรายซึ่งไม่สามารถฉีดสารเติมเต็มเข้าไปได้ โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้เคียงกับทวารหนักและกระเพาะปัสสาวะซึ่งมีเส้นเลือดและเส้นประสาทค่อนข้างหนาแน่น จึงต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของสูตินรีแพทย์เท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงในอนาคต
รีแพร์ช่องคลอดด้วยเลเซอร์ (Laser vaginal rejuvenation)
เป็นการรีแพร์ช่องคลอดด้วยการยิงเลเซอร์เข้าไปบริเวณผนังช่องคลอด ผ่านอุปกรณ์รูปทรงกระบอกที่จะปล่อยพลังงานเข้าสู่ผิวชั้นบนสุด ซึ่งความร้อนจากพลังงานนี้จะช่วยกระตุ้นให้ชั้นผิวสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ทำให้ได้เนื้อเยื่อใหม่ที่มีความกระชับและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยหลังทำจะเห็นผลทันทีเหมือนกับฟิลเลอร์
การกระชับช่องคลอดด้วยเลเซอร์ยังช่วยลดเม็ดสีผิวบริเวณดังกล่าว ช่วยรักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เพิ่มคุณภาพของน้ำหล่อลื่นและความชุ่มชื้น ช่วยให้ช่องคลอดมีความแข็งแรงมากขึ้นโดยไม่ต้องเสียเลือดมาก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องวางยาสลบเหมือนการผ่าตัด และไม่ต้องใช้ยาชา วิธีนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดและปลอดภัยกว่าแบบอื่น ๆ ค่ะ เหมาะกับสาว ๆ ทุกช่วงวัยที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยของช่องคลอด ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ได้ผลชัดเจนทั้งความกระชับและความชุ่มชื้นค่ะ
รีแพร์ช่องคลอดด้วยการผ่าตัด (Vaginoplasty)
เป็นการผ่าตัดซ่อมแซ่มและตกแต่งช่องคลอดขึ้นใหม่ โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณปากช่องคลอด และทำการตัดเนื้อเยื่อออกจำนวนหนึ่ง ก่อนจะเย็บเนื้อเยื่อช่องคลอดส่วนที่เหลือเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้ช่องคลอดที่ขยายมากเกินไปมีเส้นรัศมีที่แคบลง ซึ่งจะทำให้ช่องคลอดมีความกระชับมากขึ้นอย่างชัดเจนมากที่สุด แต่วิธีนี้จะเหมาะกับคุณผู้หญิงที่อายุเยอะกว่า 65 ปีขึ้นไปมากกว่าสาว ๆ วัยรุ่นที่กล้ามเนื้อยืดหยุ่นอยู่แล้วค่ะ
การผ่าตัดรีแพร์น้องสาวนั้นไม่ได้ถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ สาว ๆ สามารถกลับไปพักฟื้นด้วยตัวเองที่บ้านได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะต้องดมยาสลบ จึงอาจจะใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงขึ้นไปในการผ่าตัดแต่ละครั้ง และหลังออกจากห้องผ่าตัดแล้ว คุณผู้หญิงก็ต้องนอนพักฟื้นสักระยะจนกว่าจะฟื้นแล้วจึงกลับบ้านได้ เพราะแพทย์ต้องเช็คอาการของเราก่อนว่าปกติและพร้อมกลับไปดูแลตัวเองที่บ้านได้หรือเปล่าค่ะ
สำหรับแผลหลังผ่าตัด แพทย์จะใช้ไหมละลาย ซึ่งใช้เวลาราว ๆ 7-10 วันในการละลายหรือหลุดออกไปเอง โดยหลังทำมักทิ้งแผลเป็นไว้แต่ขนาดจะเล็กมาก ๆ จนแทบมองไม่เห็นเลยค่ะ ทั้งนี้ การผ่าตัดรีแพร์คือกระบวนการที่ต้องอาศัยเวลาพักฟื้นเต็มที่อย่างน้อย 1 เดือน ทำให้ต้องงดกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจทำให้แผลเสียหายได้ค่ะ
ตารางเทียบข้อดี-ข้อเสียการทำรีแพร์ด้วยฟิลเลอร์ VS เลเซอร์ VS ผ่าตัด
การทำรีแพร์แต่ละแบบนั้นมีขั้นตอนที่แตกต่างกันไป ทำให้บางวิธีอาจไม่สามารถตอบโจทย์คุณผู้หญิงบางคนได้ค่ะ ดังนั้น เราจึงต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนและเลือกวิธีที่เหมาะกับเรามากที่สุด เรามาลองดูกันค่ะว่าข้อดี-ข้อเสียข้องการรีแพร์ช่องคลอดแต่ละวิธีมีอะไรบ้าง? เป็นการตัวตัวเลือกแบบเบื้องต้นเพื่อให้สาว ๆ ได้วางแผนง่ายขึ้นกันค่ะ
การเตรียมตัวก่อนทำรีแพร์
สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจทำรีแพร์คือ สาว ๆ ต้องเตรียมตัวก่อนทำให้ดีค่ะ เพราะร่างกายของเราจะต้องมีความพร้อมที่สุดเพื่อให้การทำรีแพร์ในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านไปได้ด้วยดี และข้อปฎิบัติบางข้อก็อาจส่งผลไปถึงการพักฟื้นภายหลังการทำรีแพร์ได้ด้วย ดังนั้น เรามาดูกันค่ะว่าก่อนจะตัดสินใจทำรีแพร์แต่ละแบบ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
วิธีเตรียมตัวก่อนทำรีแพร์แบบไม่ผ่าตัด
- นับรอบประจำเดือนให้ตรงรอบมากที่สุด หรือวางแผนทำหลังจากมีประจำเดือน
- งดใช้ยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำ
- กำจัดขนน้องสาวให้เรียบร้อยก่อนมาทำรีแพร์ แต่อย่าโกนหรือแวกซ์ใกล้วันจริงเกินไป
- งดสครับหรือขัดผิวบริเวณน้องสาวอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจคันหรือระคายเคือง
- งดใช้ผลิตภันฑ์ที่เร่งการผลัดเซลล์ผิว 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ระคายเคืองเช่นกัน
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำจริงอย่างน้อย 1-3 วันขึ้นไป
- หากกำลังเป็นโรคผิวหนังหรือมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต้องแจ้งแพทย์ทันที
วิธีเตรียมตัวก่อนทำรีแพร์แบบผ่าตัด
- แจ้งโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ (ถ้ามี) เพราะมีผลต่อการวางแผนผ่าตัด
- หากกำลังเป็นโรคผิวหนังหรือมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต้องแจ้งแพทย์ทันที
- นับรอบประจำเดือนและวางแผนทำหลังจากประจำเดือนหมดอย่างน้อย 7 วัน
- งดใช้ยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำ
- กำจัดขนน้องสาวให้เรียบร้อยก่อนมาทำรีแพร์ แต่อย่าโกนหรือแวกซ์ใกล้วันจริงเกินไป
- งดสครับหรือขัดผิวบริเวณน้องสาวอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจคันหรือระคายเคือง
- งดใช้ผลิตภันฑ์ที่เร่งการผลัดเซลล์ผิว 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ระคายเคืองเช่นกัน
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำจริง 2-4 สัปดาห์ขึ้นไป
- งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักระหว่างดมยาสลบ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนมาผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- เตรียมชุดชั้นในที่หลวม ไม่รัดแน่น สำหรับใส่กลับบ้านหลังผ่าตัดเสร็จ
- เตรียมลางานอย่างน้อย 2-3 วันหลังวันผ่าตัดเพื่อให้สามารถพักฟื้นได้อย่างเต็มที่
- ทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณน้องสาว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- นำญาติ เพื่อน หรือผู้ที่ไว้ใจมารับกลับบ้านอย่างน้อย 1 คน เพราะหลังตื่นจากยาสลบมักมีอาการง่วงซึม เป็นอันตรายหากเดินทางกลับด้วยตัวคนเดียว
- แนะนำให้มีคนคอยดูแลใกล้ตัวที่บ้านอย่างน้อยในช่วง 2-3 วันแรก เพราะร่างกายยังขยับตัวได้ไม่คล่อง และเพื่อให้สามารถช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการหกล้มหรืออื่น ๆ ได้ทันท่วงที
- แนะนำให้เตรียมห้องนอนที่สะอาดเอาไว้ก่อนมาผ่าตัด เพื่อความปลอดภัย
ขั้นตอนการทำรีแพร์ช่องคลอด
การทำรีแพร์แต่ละแบบจะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันอย่างที่ได้อธิบายไปค่ะ โดยเฉพาะการรีแพร์แบบฉีดฟิลเลอร์และเลเซอร์ซึ่งแม้จะเป็นการกระชับช่องคลอดแบบไม่ผ่าตัดเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันมาก โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
ขั้นตอนการทำรีแพร์ด้วยฟิลเลอร์
วิธีกระชับช่องคลอดด้วยการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะต้องเตรียมตัวคล้ายกับการทำเลเซอร์ค่ะ และเมื่อเราผ่านเงื่อนไขความพร้อมก่อนฉีดแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนชุดและเข้าห้องหัตถการเพื่อฉีดฟิลเลอร์ได้เลย โดยขั้นตอนการรีแพร์ด้วยการฉีดฟิลเลอร์จะใช้เวลาในการทำทั้งหมด 30-45 นาทีขึ้นไป แล้วแต่ความยาก-ง่ายของเคสนั้น ๆ ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้
- ทำความสะอาดและกำจัดขนอวัยวะเพศโดยสูตินรีแพทย์และพยาบาล
- ให้ยาชาบริเวณอวัยวะเพศ มีทั้งแบบฉีด ทา และประคบ แล้วแต่คลินิก
- เริ่มฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณผนังปากช่องคลอดผ่านเข็มขนาดเล็ก
- ตกแต่งภายในช่องคลอดให้เข้ารูปจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- หลังเสร็จสิ้นขั้นตอน จะย้ายคุณผู้หญิงไปพักฟื้นที่ห้องรับรอง
- สังเกตอาการต่าง ๆ เช่น อาการแพ้ หากไม่พบความผิดปกติก็กลับบ้านได้
ขั้นตอนการทำรีแพร์ด้วยเลเซอร์
การกระชับน้องสาวด้วยเลเซอร์จะค่อนข้างสร้างความไม่สะดวกสบายแก่คุณผู้หญิงมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เพราะจะต้องมีการสอดใส่เครื่องมือเข้าไปในช่องคลอดเพื่อทำการยิงเลเซอร์เข้าสู่ผิว โดยขั้นตอนการทำรีแพร์ด้วยเลเซอร์จะใช้เวลา 10-30 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ไม่นานเพราะไม่ต้องระมัดระวังเท่าการฉีดฟิลเลอร์ มีรายละเอียดขั้นตอนการทำดังนี้
- ทำความสะอาดและกำจัดขนอวัยวะเพศโดยสูตินรีแพทย์และพยาบาล
- ให้ยาชาหรือดมยาสลบ แต่ส่วนใหญ่แล้วการใช้วิธีเลเซอร์มักจะไม่เจ็บ
- สูตินรีแพทย์จะใช้อุปกรณ์เปิดปากช่องคลอด เพื่อให้สะดวกต่อการทำรีแพร์
- อาจมีการเพิ่มสารหล่อลื่นเข้าไปในช่องคลอด หากช่องคลอดแห้ง
- สูตินรีแพทย์จะสอดเครื่องเลเซอร์นั้น ๆ เข้าไปในช่องคลอด
- เริ่มยิงเลเซอร์เข้าสู่ผิว โดยจะดึงเครื่องมือออกมาอย่างช้า ๆ เพื่อยิงเลเซอร์ให้ทั่วถึง
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศและให้คุณผู้หญิงเข้าไปพักผ่อนในห้องรับรองได้
- แพทย์จะสังเกตอาการหลังทำ หากไม่พบความผิดปกติ ก็สามารถกลับบ้านได้
ขั้นตอนการทำรีแพร์ด้วยการผ่าตัด
การทำรีแพร์ด้วยการผ่าตัดช่องคลอดมีกระบวนการที่ซับซ้อนกว่าวิธีอื่น ๆ เนื่องจากเป็นการผ่าตัด ทว่าก็ไม่จำเป็นต้องเครียดกับมันมากค่ะ เพราะการผ่าตัดรีแพร์คือการผ่าตัดเล็ก ไม่ได้เสียเลือดมากขนาดนั้น แต่ทั้งนี้ การผ่าตัดกระชับช่องคลอดจะใช้เวลาค่อนข้างมาก ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเคสนั้น ๆ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ โดยจะมีขั้นตอนการผ่าตัดรีแพร์ดังนี้
- ดำเนินการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ และจัดเตรียมร่างกายให้สะดวกต่อการผ่าตัด
- ทำความสะอาดและกำจัดขนบริเวณอวัยวะเพศโดยสูตีนรีแพทย์และพยาบาล
- ส่วนใหญ่จะมีการให้ยาชาเพื่อระงับความเจ็บปวดร่วมด้วย
- สูตินรีแพทย์เริ่มทำการเปิดแผลบริเวณปากช่องคลอดภายนอกถึงภายใน
- ตัดแต่งเอาเนื้อเยื่อส่วนเกินที่หย่อนคล้อยออก อาจเป็นผนังช่องคลอดด้านหน้า ด้านหลัง หรือทั้งสองด้านก็ได้
- ตกแต่งช่องคลอดเพิ่มเติม บางเคสอาจมีการกระชับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานร่วมด้วย
- ใช้ไหมละลายเย็บแผลช่องคลอดส่วนที่เหลืออยู่เข้าด้วยกัน
- สูตินรีแพทย์จะตรวจเช็คสภาพแผลพร้อมส่องกล้องสังเกตอาการภายใน
- เสร็จสิ้นการผ่าตัด จะย้ายคุณผู้หญิงไปนอนพักฟื้นที่ห้องพักฟื้นจนกว่าจะรู้สึกตัว
- ระหว่างที่ยาสลบยังไม่หมดฤทธิ์ จะมีสูตินรีแพทย์และพยาบาลคอยเวียนเช็คอาการเสมอ
- หากไม่พบความผิดปกติใด ๆ จึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ (แต่ต้องกลับพร้อมผู้ดูแลเท่านั้น)
วิธีดูแลตัวเองหลังทำรีแพร์ช่องคลอด
การดูแลตัวเองหลังทำรีแพร์ช่องคลอดนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิธีเช่นกันค่ะ โดยหมอจะแบ่งวิธีการดูแลตัวเองหลังทำออกเป็นสองแบบด้วยกัน จำแนกจากรีแพร์แบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ดังนี้ค่ะ
การดูแลตัวเองหลังทำรีแพร์แบบไม่ผ่าตัด
- จำเป็นต้องใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่นในช่วง 1-2 วันแรก เพราะอาจจะมีสารคัดหลั่งถูกขับออกมาจำนวนหนึ่ง
- งดใช้ผ้าอนามัยแบบสอดหรือแบบถ้วยอย่างน้อย 7 วันหลังทำ
- สวมชั้นในที่ไม่รัดน้องสาวจนเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในผิวและช่วยขับของเสีย
- งดการมีเพศสัมพันธ์ ล้วง คลึง กด หรือบีบในช่องคลอดอย่างน้อย 7 วัน
- ทำความสะอาดน้องสาวด้วยน้ำเปล่า ห้ามใช้ผลิตภันฑ์ใด ๆ ในการล้างทำความสะอาด เพราะอาจเกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้
- หากพบอาการผิดปกติ เช่น ช่องคลอดมีเลือดออก ตกขาวสีเปลี่ยน วิงเวียน คลื่นไส้ ให้รีบติดต่อเพื่อพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
การดูแลตัวเองหลังทำรีแพร์แบบผ่าตัด
- แนะนำให้ลาหยุดงานเพื่อพักฟื้นร่างกายอย่างน้อย 2-3 วันหลังทำ
- พักผ่อนให้เพียงพอและงดกิจกรรมที่อาจทำให้แผลฉีกอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- งดการมีเพศสัมพันธ์หลังทำอย่างน้อย 1 เดือน
- ทานยาที่แพทย์จ่ายให้เท่านั้น ห้ามซื้อยาชนิดอื่นมาทานเอง
- งดอาหารเสริมอื่น ๆ ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ทำให้แผลหายช้า
- งดแช่น้ำหรือแช่ออนเซ็นอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังทำ
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูแผล และดื่มน้ำให้มาก ๆ
- ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเปล่า ซับแผลให้แห้งเสมอด้วยผ้าก๊อซเท่านั้น ห้ามใช้ทิชชู่!
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนอยู่กับที่นาน ๆ เพราะอาจทำให้แผลบวม ไม่สบายตัว
- ห้ามกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระ มีผลต่อกล้ามเนื้อช่องคลอด เสี่ยงแผลปริ
- หมั่นสังเกตแผลอยู่เสมอ หากมีอาการบวมแดงหรือเลือดออกไม่หยุด ให้รีบติดต่อพบแพทย์โดยทันที
อาการหลังทำรีแพร์กระชับช่องคลอดที่คุณควรรู้!
หลังทราบวิธีดูแลตัวเองหลังทำแล้ว คุณผู้หญิงที่มีความประสงค์อยากทำรีแพร์จะต้องศึกษาเกี่ยวกับอาการหลังทำรีแพร์แบบต่าง ๆ ด้วยค่ะ เพราะการทำรีแพร์ทุกแบบมักจะส่งผลให้พื้นที่อวัยวะเพศมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผลข้างเคียงบางอย่างอาจจะเป็นอาการหลังทำรีแพร์ที่ไม่พึ่งประสงค์ มาดูรายละเอียดกันค่ะ
อาการหลังทำรีแพร์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ (หายเองได้) | อาการหลังทำรีแพร์ที่ไม่ปกติ (ต้องพบแพทย์) |
|
|
ประโยชน์ของการทำรีแพร์
แม้ว่าการทำรีแพร์ในไทยส่วนใหญ่นั้นจะมีจุดประสงค์เพื่อคืนความกระชับให้น้องสาวก็จริง แต่มันให้ประโยชน์ที่หลากหลายกว่านั้นมากค่ะ โดยเฉพาะในการนำไปใช้รักษาอาการต่าง ๆ เกี่ยวกับช่องคลอดทางการแพทย์ โดยประโยชน์ของการทำรีแพร์ มีทั้งหมด ดังนี้
- ช่วยเพิ่มความกระชับให้ช่องคลอด
- ช่วยพัฒนาความรู้สึกที่ดีในการมีเพศสัมพันธ์
- ช่วยเพิ่มความพึงพอใจในชีวิตคู่
- ช่วยรักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- ช่วยให้ช่องคลอดชุ่มชื้น การหล่อลื่นดีขึ้น
- ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- ช่วยตกแต่งน้อยสาวให้มีความสวยงามยิ่งขึ้น
ทำรีแพร์ ราคาเท่าไหร่?
การทำรีแพร์ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 12,000 บาทขึ้นไปอาจจะถึงหลักแสนค่ะ เพราะคลินิกหลายที่มีตัวเลือกไม่เหมือนกัน ทำให้ส่งผลต่อความผันผวนของราคาในการทำรีแพร์ ไปจนถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำรีแพร์แต่ละแบบ เช่น ค่าดมยาสลบ ค่านอนโรงพยาบาล หรือค่าบริการอื่น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ ก็ยังขึ้นอยู่กับวิธีรีแพร์ช่องคลอดที่คุณผู้หญิงเลือกกันด้วยนะคะ โดยเฉพาะการรีแพร์แบบผ่าตัดช่องคลอดก็จะมีราคาที่สูงกว่าการรีแพร์แบบเลเซอร์ หรือถ้าเราเลือกแบบฉีดฟิลเลอร์แต่อยากให้ผลลัพธ์อยู่ไปนาน ๆ ก็อาจจะเสียค่าใช้จ่ายมากที่สุด เพราะฟิลเลอร์จะสลายตัวเองตามกาลเวลา จึงต้องมาฉีดซ้ำ ราคาในภาพรวมจึงค่อนข้างสูงกว่าแบบอื่นเลยทีเดียวค่ะ
ผ่าตัดรีแพร์ ที่ไหนดี?
การผ่าตัดรีแพร์ที่ไหนดีนั้นเลือกไม่ยากเลยค่ะ เรามักจะเห็นวิธีเลือกคลินิกผ่าตัดรีแพร์ถูกแนะนำกันเยอะแยะมากมาย รวมไปถึงการดูรีวิวหรือฟังคำบอกต่อจากคนอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์ในการเลือกคลินิกรีแพร์ แต่หมอจะขอรวบรวมวิธีเลือกคลินิกเบื้องต้นเอาไว้ลองพิจารณากันก่อนค่ะ
- การจัดเตรียมห้องสำหรับทำรีแพร์ต้องได้มาตรฐาน โดยเฉพาะห้องผ่าตัด
- หากต้องดมยาสลบ คลินิกจะต้องให้วิสัญญีแพทย์หรือหมอดมยาทำให้เท่านั้น
- แพทย์ที่ทำรีแพร์ให้ จะต้องเป็นสูตินรีแพทย์เฉพาะทาง และเชี่ยวชาญการตกแต่งน้องสาว
- สูตินรีแพทย์ควรมีประสบการณ์ในการทำรีแพร์เคสจริงมาก่อน
- อุปกรณ์ที่ใช้ต้องได้มาตรฐาน ปลอดภัย ได้รับการรับรองระดับสากล
- คุณผู้หญิงควรรู้สึกสบายใจในการทำรีแพร์กับสูตินรีแพทย์ท่านนั้น
- สูตินรีแพทย์ต้องให้ข้อมูลอย่างชัดเจน ครอบคลุม
- มีบริการดูแลหลังการทำรีแพร์แบบครบจบ ควรพิจารณาเป็นพิเศษ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำรีแพร์
การทำรีแพร์คือการผ่าตัดช่องคลอดอย่างหนึ่ง ซึ่งแม้จะเป็นการผ่าตัดเล็กก็ยังมีความเสี่ยง รวมไปถึงการผ่าตัดกระชับช่องคลอดในสังคมไทยนั้นยังไม่ได้เปิดเผยกันเท่าไหร่ ดังนั้น หลายคนจึงมักจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการผ่าตัดจุดซ่อนเร้นของสาว ๆ ในส่วนสุดท้ายนี้ AMARA จึงรวบรวมคำถามอื่น ๆ ที่หมอมักถูกถามบ่อย ๆ มาตอบให้ค่ะ
A : ความถาวรของการทำรีแพร์นั้นไม่คงที่ค่ะ หากสาว ๆ เลือกการผ่าตัดรีแพร์ช่องคลอดไปเลย ผลลัพธ์ก็จะอยู่ได้ยาวนานที่สุดคือตลอดชีวิต เพราะเป็นการซ่อมแซมกล้ามเนื้อใหม่ หากจะกลับมาไม่กระชับเท่าเดิมก็อาจจะใช้เวลานาน ด้วยอายุที่มากขึ้น การทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือโรคใด ๆ ก็ตาม
ส่วนการทำรีแพร์แบบเลเซอร์นั้นจะอยู่ได้นานสุดคือ 1 ปีค่ะ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ บางรายอาจจะกระชับได้ไม่นานนัก กรณีเดียวกันกับการรีแพร์ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ เดิมทีฟิลเลอร์จะสลายตัวไปภายใน 6 เดือน – 1 ปี แล้วแต่ว่าเราใช้ชีวิตแบบไหน ดื่มแอลกอฮอล์บ่อยหรือไม่ หรือชอบแช่น้ำร้อนหรือเปล่า เพราะฟิลเลอร์จะไม่ถูกกับความร้อนค่ะ
A : หลังการผ่าตัดรีแพร์ จะต้องพักฟื้นอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์หรือหนึ่งเดือนขึ้นไปเพื่อให้แผลสมานตัวได้ดีที่สุด แนะนำให้ลางาน 3-7 วันแรกเพราะจะรู้สึกปวดแผลและเสี่ยงแผลปริได้ง่าย ส่วนการทำรีแพร์แบบเลเซอร์และฉีดฟิลเลอร์ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นค่ะ หากมีอาการผิดปกติ เช่น รู้สึกปวด คัน บวม ให้รีบติดต่อเข้าพบแพทย์โดนทันที
A : ทำได้ค่ะ และนิยมทำกันด้วย เพราะทั้งรีแพร์ เลเบีย เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ทำให้ไม่เสียเลือดมากขนาดนั้น จึงสามารถเข้ารับการผ่าตัดช่องคลอดพร้อมตกแต่งปีกผีเสื้อพร้อมกันได้โดยไม่เป็นอันตราย รวมถึงการดูแลตัวเองหลังตัดเลเบียและรีแพร์ก็คล้ายคลึงกัน คุณผู้หญิงที่มีปัญหาทั้งสองอย่างควรทำพร้อมกันไปเลย จะได้ไม่เสียเวลามาพักฟื้นและเสียค่าใช้จ่ายหลายรอบค่ะ
A : ปกติแล้วจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้อยู่ค่ะ แต่จะไม่ได้มีขนาดใหญ่จนมองเห็นได้ชัดเจน แต่แผลจะออกมาดูสวยงามหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์แล้วค่ะว่าสามารถเย็บแผลออกมาได้ดูดีหรือไม่
A : คุณผู้หญิงทุกช่วงวัยสามารถทำรีแพร์ได้อย่างแน่นอนค่ะ ถ้าเรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงพอ หลายคนมักจะเป็นกังวลว่าถ้าอายุเยอะแล้วจะสามารถดมยาสลบสำหรับการผ่าตัดรีแพร์ได้ไหม คำตอบคือได้แน่นอนค่ะ เพราะการดมยาสลบ หรือแม้แต่การผ่าตัด ทำเลเซอร์ หรือฉีดฟิลเลอร์ ล้วนขึ้นอยู่กับสุขภาพของเราทั้งนั้น
หากร่างกายสมบูรณ์ ไม่มีโรคเกี่ยวกับเลือดหรือหัวใจ สามารถทำตามขั้นตอนก่อนและหลังทำรีแพร์ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลค่ะ แต่ถ้าคุณผู้หญิงมีโรคประจำตัวอยู่หรือไม่มั่นใจว่าร่างกายพร้อมสำหรับการทำรีแพร์หรือไม่ หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ประจำตัวพร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อความปลอดภัยค่ะ
A : ไม่สามารถทำได้ค่ะ เพราะหลังจากเราคลอดแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอดก็ตาม ร่างกายของคุณแม่จะยังอ่อนแออยู่ แนะนำให้รออย่างน้อย 6 เดือนหลังคลอดเพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงเต็มที่ค่อยตัดสินใจทำค่ะ หรือจะวางแผนพร้อมกับคุณหมอตั้งแต่หลังคลอดเพื่อสร้างแผนการฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมสำหรับการทำรีแพร์เลยก็ได้ แต่อย่าลืมว่าหากเลือกการผ่าตัดรีแพร์ คุณผู้หญิงต้องวางแผนว่าจะไม่มีบุตรอีกค่ะ
A : สามารถทำได้ค่ะ อย่างที่บอกว่าการมีช่องคลอดหลวมไม่ได้เกิดจากแค่มีเพศสัมพันธ์บ่อยหรือเคยมีลูกเพียงอย่างเดียว หากต้องการซ่อมแซมช่องคลอดใหม่ด้วยจุดประสงค์เพื่อการรักษา เพื่อความมั่นใจ หรืออื่น ๆ ก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ อย่าลืมว่าคนที่จะทำรีแพร์ควรตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีบุตรอีก เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ช่องคลอดก็จะขยายจนอาจนำไปสู่การผ่าตัดซ่อมแซมช่องคลอดอีกครั้ง เป็นการเสียเวลาและเจ็บตัวซ้ำโดยเปล่าประโยชน์ค่ะ
A : จริง ๆ แล้วก็สามารถทำได้ค่ะ แต่จะต้องผ่านการพิจารณาความเหมาะสมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนนะคะ เพราะบางครั้งการที่ช่องคลอดกลับมาหลวมเหมือนเดิมจนคุณผู้หญิงอยากมาทำซ้ำ อาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นที่ไม่คาดคิด ยกตัวอย่างเช่น โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ หรือโรคอื่น ๆ
สรุป
การทำรีแพร์ คือวิธีกระชับช่องคลอดที่หย่อยคล้อย ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายวิธี ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด เราจึงต้องสำรวจตัวเองว่าช่องคลอดของเรามีความหย่อนคล้อยรุนแรงแค่ไหน เหมาะกับวิธีรีแพร์แบบใด ร่วมกับการปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อวางแผนการทำรีแพร์น้องสาวเพิ่มด้วย จะช่วยให้เราพบแนวทางที่ถูกต้องและปลอดภัยกับตัวสาว ๆ มากขึ้นค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic
แพทย์ผู้ชำนาญการ