รวม 5 เทคโนโลยีเครื่องยกกระชับผิวร่างกายให้เฟิร์มกระชับ ไม่เจ็บตัว

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การยกกระชับผิวไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ปัจจุบันมีเครื่องยกกระชับผิวหลากหลายรูปแบบที่ช่วยให้ผิวเฟิร์มกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว และใช้เวลาพักฟื้นน้อย วันนี้เรามารู้จักกับ 5 เทคโนโลยีเครื่องยกกระชับผิวจาก หมอไอซ์ AMARA กัน แต่ละตัวจะมีความน่าสนใจอย่างไร? เหมาะกับใคร? ตามไปดูกันเลย!

1. J Plasma

J Plasma เป็นนวัตกรรมล่าสุดในกายกกระชับผิวที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยผสานการทำงานของพลาสมาฮีเลียมและคลื่นความถี่วิทยุ (RF) เข้าด้วยกัน เมื่อพลาสมาฮีเลียมซึ่งเป็นก๊าซเฉื่อยถูกกระตุ้นด้วยพลังงาน RF จะเกิดเป็นลำพลาสมาที่สามารถสร้างความร้อนสูงถึง 85 องศาเซลเซียสในเวลาอันรวดเร็ว อุณหภูมินี้เป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดในการกระตุ้นเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการหดตัวอย่างฉับพลัน ส่งผลให้โครงสร้างผิวแน่นขึ้นและยกกระชับขึ้นทันทีครับ

ความพิเศษของ J Plasma อยู่ที่ความสามารถในการควบคุมความร้อนได้อย่างแม่นยำ โดยอุณหภูมิจะลดลงทันทีเมื่อสัมผัสกับเนื้อเยื่อ ทำให้ไม่เกิดความเสียหายต่อผิวหนังชั้นบนและเนื้อเยื่อข้างเคียง จึงปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการยกกระชับด้วยวิธีอื่นๆ นอกจากนี้ ความร้อนยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวกระชับและเต่งตึงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

J Plasma เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น
• ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหลังลดน้ำหนัก
• ผู้ที่ต้องการปรับปรุงผลลัพธ์หลังการดูดไขมัน
• ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดแบบเปิดแผลใหญ่

ข้อดีของ J Plasma

J Plasma มีข้อดีหลายประการ เช่น สามารถยกกระชับได้อย่างตรงจุด ไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง นอกจากนี้ ยังใช้เวลาในการรักษาน้อย แผลเล็กเพียง 4-5 มิลลิเมตร และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

2. Ultraformer III

Ultraformer III เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์แบบ MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างคลื่นอัลตร้าซาวด์แบบ Micro-focused และ Macro-focused เข้าด้วยกัน เทคโนโลยีนี้สามารถส่งพลังงานลงลึกสู่ชั้นผิวได้หลายระดับอย่างแม่นยำ ตั้งแต่ชั้นผิวหนังแท้ส่วนบน ไปจนถึงชั้นผิวหนังแท้ส่วนล่าง และลึกลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า (SMAS – Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่สำคัญในการยกกระชับใบหน้า

ด้วยความสามารถในการปรับระดับความลึกของพลังงาน Ultraformer III จึงสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการกระชับรูขุมขน ลดริ้วรอย ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย หรือแม้แต่การปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด พลังงานอัลตร้าซาวด์จะสร้างจุดความร้อนเล็กๆ ในชั้นผิวที่ต้องการ กระตุ้นให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวเกิดการยกกระชับและเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ทำให้ผิวดูสดใสและมีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Ultraformer III เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
• ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย
• ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ
• ผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้าและลำคอ

ข้อดีของ Ultraformer III

Ultraformer III มีประสิทธิภาพสูงในการยกกระชับผิว สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการยกกระชับด้วย HIFU ทั่วไปถึง 5 เท่า นอกจากนี้ ยังไม่ต้องฉีดสารใด ๆ เข้าร่างกาย ไม่ต้องพักฟื้น และได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากหลายประเทศทั่วโลก

3. ACCUtite

ACCUtite เป็นนวัตกรรมล่าสุดในการยกกระชับผิวและสลายไขมัน ที่ใช้เทคโนโลยี RFAL (Radio-Frequency Assisted Lipolysis) หรือการสลายไขมันด้วยคลื่นความถี่วิทยุ มีจุดเด่นตรงที่ใช้หัว Cannula ที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาเครื่อง RFAL ทั้งหมด โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 0.9 มิลลิเมตร และความยาว 10 เซนติเมตร ทำให้สามารถเข้าถึงพื้นที่เล็กและซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น บริเวณรอบดวงตา ใต้คาง หรือแม้แต่ส่วนที่เล็กมากอย่างร่องน้ำตา

ด้วยเทคโนโลยี RFAL ACCUtite สามารถส่งพลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุไปยังชั้นใต้ผิวหนังได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกิดการหลอมละลายไขมันและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมกัน ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติช่วยให้การรักษาปลอดภัย ไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง ผลลัพธ์ที่ได้คือการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ลดปริมาณไขมันส่วนเกิน และปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยใช้เวลาในการรักษาน้อย แผลเล็ก และฟื้นตัวเร็ว ทำให้ ACCUtite เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีแต่ไม่ต้องการการผ่าตัดใหญ่

ACCUtite เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา
• ผู้ที่มีปัญหาเหนียง
• ผู้ที่ต้องการแก้ไขร่องแก้มและร่องน้ำหมาก
• ผู้ที่มีปัญหานมน้อย

ข้อดีของ ACCUtite

ACCUtite มีข้อดีคือสามารถรักษาปัญหาความหย่อนคล้อยและไขมันส่วนเกินในบริเวณที่เข้าถึงยากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลาในการรักษาน้อย และมีระยะเวลาพักฟื้นสั้น นอกจากนี้ ยังสามารถใช้รักษาได้ทั้งบริเวณใบหน้าและร่างกาย ทำให้เป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับการปรับปรุงรูปร่างและผิวพรรณ

4. Thermatight

Thermatight เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ชนิดพิเศษ แตกต่างจากการทำ RF ทั่วไป โดยสามารถสร้างความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 60°C ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในชั้นผิวหนัง เครื่องมือนี้ทำงานโดยการส่งคลื่น RF ผ่านหัวทรีตเมนต์พิเศษที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ ทำให้ความร้อนสามารถลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และชั้นพังผืด (SMAS) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน

ด้วยคุณสมบัติพิเศษนี้ Thermatight จึงสามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวเกิดการยกกระชับ ลดริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว 

นอกจากนี้ ความร้อนยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ทำให้ผิวดูสดใสและมีสุขภาพดีขึ้น Thermatight สามารถใช้ได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ และใช้เวลาในการรักษาเพียง 30-45 นาทีต่อครั้ง ทำให้เป็นทางเลือกที่สะดวกและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องพักฟื้นนาน

Thermatight เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
• ผู้ที่ต้องการลดเหนียงและกระชับกรอบหน้า
• ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
• ผู้ที่มีปัญหาผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์

ข้อดีของ Thermatight

Thermatight มีข้อดีคือสามารถยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้เกิดอาการผิวไหม้ สามารถรักษาได้หลากหลายปัญหาผิว ตั้งแต่ความหย่อนคล้อย ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ไปจนถึงผิวเปลือกส้ม นอกจากนี้ ยังใช้เวลาในการรักษาน้อย ประมาณ 30-45 นาทีต่อครั้ง และไม่ต้องพักฟื้นนาน ทำให้เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด

5. Morpheus8

Morpheus8 เป็นนวัตกรรมล่าสุดในการยกกระชับและฟื้นฟูผิว ที่ผสานเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (RF) เข้ากับระบบไมโครนีดลิ้ง อย่างลงตัว เครื่องมือนี้ประกอบด้วยหัวทรีตเมนต์ที่มีเข็มขนาดเล็กจำนวน 24 เข็ม (สำหรับใบหน้า) หรือ 40 เข็ม (สำหรับลำตัว) เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ แต่ละเข็มสามารถปรับระดับความลึกได้ตั้งแต่ 0.5 ถึง 8 มิลลิเมตร ทำให้สามารถส่งพลังงาน RF ลงสู่ชั้นผิวได้หลายระดับ ตั้งแต่ชั้นหนังแท้ไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง

ความพิเศษของ Morpheus8 อยู่ที่การทำงานแบบ “ชั้นซ้อนชั้น” (Multi-Layer Technology) ซึ่งช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงและครอบคลุมปัญหาผิวได้หลากหลาย เมื่อเข็มถูกปล่อยลงสู่ผิว พลังงาน RF จะถูกส่งผ่านปลายเข็มโดยตรง สร้างจุดความร้อนเล็ก ๆ ในชั้นผิวที่ต้องการ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ช่วยยกกระชับผิว ลดริ้วรอย ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และแม้แต่สลายไขมันใต้ผิวหนัง 

นอกจากนี้ระบบควบคุมความร้อนอัตโนมัติยังช่วยให้การรักษาปลอดภัย ไม่ทำลายผิวชั้นบน ทำให้ Morpheus8 เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม โดยไม่ต้องผ่าตัดและใช้เวลาพักฟื้นน้อย

Morpheus8 เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
• ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและรอยแตกลาย
• ผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็น
• ผู้ที่ต้องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

ข้อดีของ Morpheus8

Morpheus8 มีข้อดีคือสามารถรักษาปัญหาผิวได้หลากหลาย ทั้งการยกกระชับ ลดริ้วรอย ปรับสภาพผิว และแม้แต่การสลายไขมันใต้ผิวหนัง โดยไม่ทิ้งรอยแผลหลังทำ นอกจากนี้ ยังเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าสามารถส่งพลังงานลงสู่ผิวได้ลึกที่สุดอย่างปลอดภัย ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ครอบคลุมในการดูแลผิว