L-Carnitine คืออะไร ? ทำอย่างไรถึงช่วยลดหุ่น

l carnitine คือ

       L-Carnitine คือสิ่งที่หลายคนเข้าใจว่าช่วยลดน้ำหนักได้ ที่จริงแล้วต้องทำความเข้าใจก่อนค่ะว่าการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพนั้นอาศัยหลายปัจจัยร่วมกันค่ะ ทั้งการทานอาหาร การออกกำลังกาย พันธุกรรม การใช้บริการทางการแพทย์ และอื่น ๆ ค่ะ อย่างไรก็ตาม แม้ L-Carnitine ไม่ใช่ทางลัดสู่การลดน้ำหนักอย่างฉับไว แต่ L-Carnitine มีคุณสมบัติช่วยสร้างหุ่นเฟิร์มสวยได้ค่ะ แล้ว L-Carnitine ช่วยอะไรนั้น วันนี้หมอมะปราง AMARA ได้สรุปเนื้อหาน่ารู้ไว้ใน ‘L-Carnitine คืออะไร ? ทำอย่างไรถึงช่วยลดหุ่น’ ตามมาอ่านไปพร้อมกันค่ะ !

L-Carnitine คือ ?


        แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) เป็นสารประกอบที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นเองจากกรดอะมิโน 2 ชนิด คือ ไลซีน (Lysine) และ เมไทโอนีน (Methionine) ซึ่งการสร้าง L-Carnitine ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ตับและไต หลังจากนั้นมันจะถูกนำไปเก็บสะสมที่กล้ามเนื้อ, สมอง, หัวใจ และอวัยวะอื่น ๆ นอกจากนี้ L-Carnitine ยังพบได้ในอาหารทั่วไป เช่น เนื้อสัตว์, ปลา และผลิตภัณฑ์จากนม และมักถูกใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเสริม เนื่องจากเชื่อกันว่ามีประโยชน์ในการลดน้ำหนัก โดย L-Carnitine ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดึงไขมันออกมาใช้เป็นพลังงาน หมอมะปรางจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อต่อไปค่ะ

L-Carnitine ช่วยอะไร ? 

l-carinitine ช่วยอะไร

        สำหรับคำถามที่ว่า L-Carnitine ช่วยอะไร ? คำตอบคือ L-Carnitine มีกลไกสำคัญในการเผาผลาญไขมัน เมื่อไขมันในร่างกายน้อยลง นอกจากจะลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายอย่างโรคหัวใจ/หลอดเลือด และไขมันพอกตับแล้ว ยังช่วยลดไขมันส่วนเกินตามแขน ขา และหน้าท้องอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ควรเข้าใจว่าแอลคาร์นิทีนไม่ใช่ยาลดความอ้วน จึงไม่สามารถลดน้ำหนักได้ในทันที ต้องใช้เวลาและการออกกำลังกายร่วมด้วย เพื่อทำความเข้าใจให้ชัดขึ้น มาดูคุณสมบัติของ L-Carnitine ที่ช่วยให้รูปร่างดีขึ้นได้ ดังนี้

  1. เผาผลาญไขมัน

    L-Carnitine มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนกรดไขมันให้เป็นพลังงาน ผ่านการนำกรดไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) โดยปกติแล้วร่างกายจะดึงไกลโคเจนก่อนกรดไขมัน แต่ L-Carnitine เป็นตัวเปลี่ยนความสนใจให้ร่างกายดึงไขมันมาเผาผลาญและใช้เป็นพลังงานก่อนแทน เมื่อไขมันน้อยลงแล้ว ร่างกายก็ดูกระชับขึ้นได้ และสุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้น ยิ่งออกกำลังกายและควบคุมอาหารไปด้วยยิ่งเห็นผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักชัด

  2. สร้างกล้ามเนื้อ 

    L-Carnitine เป็นที่นิยมในหมู่นักกีฬาและผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย เนื่องจากช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและเพิ่มพลังงานสำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งส่งผลให้มีความทนทานและประสิทธิภาพในการออกกำลังกายมากขึ้น และเมื่อไขมันสะสมในร่างกายลดลง ก็จะเห็นมวลกล้ามเนื้อชัดขึ้น อย่างไรก็ตาม L-Carnitine ไม่ใช่สารที่เพิ่มมวลกล้ามเนื้อโดยตรงเหมือนโปรตีน จึงยังคงต้องพึ่งพาการออกกำลังกายที่เหมาะสมและการรับประทานอาหารที่ถูกต้องควบคู่ไปด้วย

  3. ลดความเหนื่อยล้า

    L-Carnitine ยับยั้งการสะสมของกรดแลคติก (Lactic Acid) ที่เป็นสารเคมีสร้างความเหนื่อยและเมื่อยล้า ถูกผลิตขึ้นระหว่างการออกกำลังกายอย่างหนักทำให้ร่างกายเผาผลาญกลูโกส ส่งผลให้ผลิตกรดแลคติกออกมาอีกทอดหนึ่ง แต่เมื่อมี L-Carnitine ร่างกายหันไปเผาผลาญไขมันแทนกลูโคส กรดแลคติกจึงถูกยับยั้งไว้ไม่ให้ผลิตออกมา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเหนื่อยล้าน้อยกว่าที่เคยนั่นเอง 

  4. ช่วยให้ฟื้นตัวได้ไวหลังออกกำลังกาย

    นอกจาก L-Carnitine จะยับยั้งการสะสมของกรดแลคติกทำให้ลดความเมื่อยล้าแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูได้ไว เพราะช่วยลดการอักเสบและความเสียหายของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการออกกำลังกายหนักหน่วง  นอกจากนี้ยังปรับปรุงการไหลเวียนเลือดในกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้สารอาหารและออกซิเจนสามารถไปยังกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้กระบวนการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดการบาดเจ็บได้มากขึ้น

  5. ปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

    L-Carnitine มีบทบาทสำคัญในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ดีที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เมื่อร่างกายนำไขมันเหล่านี้ไปใช้เป็นพลังงาน ก็จะช่วยลดการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดสะอาดและยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ L-Carnitine ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น ส่งผลให้หัวใจแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

ต้องการปรึกษาแพทย์ฟรี!

SCan OR Code เพื่อแอดไลน์ หรือ

062 - 789 -1999

สาขา รัชโยธิน กด 1
สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

L-Carnitine กับการลดน้ำหนัก !


       หลังจากทราบแล้วว่าคุณประโยชน์ของ L-Carnitine คือ อะไรบ้างไปแล้ว จะเห็นได้ว่าแอลคาร์นิทีน ทั้งมีบทบาทสำคัญต่อการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย โดยเฉพาะการเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่จำเป็นสำหรับการลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย นอกจากนี้ L-Carnitine ยังมีส่วนช่วยในการลดความเหนื่อยล้า ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย

       แม้ L-Carnitine จะมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำหนัก แต่ทั้งนี้ผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่าทานแอลคาร์นิทีนอย่างเดียวไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักได้ทุกกรณี โดยข้อมูลจาก NIH หรือสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) ของประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า จากการทดลองในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 กลุ่มแรกให้ทานแอลคาร์นิทีน 2 กรัม/วัน ควบคู่ไปกับการทานยา Orlistat ซึ่งเป็นยาที่แพทย์กำหนดใช้ในการรักษาโรคอ้วน กลุ่มที่สองให้ทานยา Orlistat อย่างเดียว ผลปรากฎว่าในหนึ่งปีผู้ที่ทานแอลคาร์นิทีนควบคู่ไปด้วยช่วยลดน้ำหนัก 11.3 กิโลกรัม มากกว่าผู้ที่ทาน Orlistat อย่างเดียว

       ในขณะที่การทดลองอีกแบบ ทดสอบในผู้ที่มี BMI 24.6–29.8 ซึ่งถูกจัดว่าอยู่ในกลุ่มน้ำหนักเกินมาตรฐานจนถึงขั้นเป็นโรคอ้วน ได้บริโภคแอลคาร์นิทีน 2 กรัม/วัน เป็นเวลา 6 เดือน แต่กลับไม่ได้ส่งผลต่อการลดน้ำหนักแต่อย่างใด 

       ผลการทดลองที่ขัดแย้งกันนี้แสดงให้เห็นว่า แอลคาร์นิทีนอาจไม่ได้เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ได้ผลเสมอไป ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณที่ใช้ ระยะเวลาในการรับประทาน หรือปัจเจกบุคคล ดังนั้น การแอลคาร์นิทีนช่วยลดน้ำหนักได้มากน้อยเพียงใดนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม

       การทานแอลคาร์นิทีนไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายและอาจช่วยลดน้ำหนักได้ เพียงแต่การทานแคลคาร์นิทีนควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทาน เพราะอาจมีปฏิกิริยาต่อยาบางประเภท และควรคำนวณปริมาณที่ควรทานในหนึ่งวัน อีกทั้งการทาน L-Carnitine เพียงอย่างเดียวจะไม่ทำให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลถาวร การลดน้ำหนักที่ยั่งยืนต้องควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

วิธีทาน L-Carnitine ช่วยลดหุ่น

วิธีทาน l-carnitine

       ขอย้ำอีกครั้งว่า L-Carnitine ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่นำไปสู่การลดน้ำหนักอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน เป็นเพียงตัวช่วยลดมวลไขมัน เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ตามกระบวนการแล้ว ไขมันจะลดได้ก็ต่อเมื่อร่างกายต้องการดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงาน หมายความว่าแอลคาร์นิทีนเชื่อมโยงกับการออกกำลังกาย ทั้งนี้ควรทำคู่ไปกับการบริโภคอย่างถูกวิธีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วิธีการทาน L-Carnitine คือ

  1. ทานปริมาณที่เหมาะสม ควรทาน 500 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน (ไม่ควรเกิน 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน) เป็นปริมาณที่กำลังดี และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือสามารถปรึกษาแพทย์และเภสัชกรเพื่อพิจารณาถึงข้อจำกัดทางสุขภาพของแต่ละคน ก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้น
  2. ทานร่วมกับวิตามินบีรวม เพราะวิตามินบีรวมช่วยเพิ่มโคเอนไซน์ในระบบเผาผลาญ ทำให้ขจัดไขมันได้มากขึ้น
  3. ทานร่วมกับคาร์โบไฮเดรต โดยคาร์โบไฮเดรตปริมาณ 60 – 80 กรัมจะช่วยให้ร่างกายดูดซับแอลคาร์นิทีนได้ดีกว่าเดิม ทั้งยังทำให้ออกกำลังกายต่อเนื่องได้นานขึ้นโดยเหนื่อยล้าน้อยลง
  4. ทานแอลคาร์นิทีนตอนเช้า เพราะจะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีตลอดทั้งวัน

       แม้ว่าการรับประทานแอลคาร์นิทีนอย่างถูกวิธีจะช่วยส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญไขมัน แต่หากขาดการออกกำลังกาย ไขมันก็จะไม่ถูกเผาผลาญออกมาใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจพบปัญหาในการจัดสรรเวลาออกกำลังกาย แต่ยังต้องการมีรูปร่างที่ดูดี

       AMARA เข้าใจปัญหานี้เป็นอย่างดี และขอเสนอทางเลือกด้วยบริการดูดไขมัน ที่สามารถขจัดไขมันเฉพาะส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเหนียง แขน ขา หน้าท้อง และส่วนอื่น ๆ ซึ่งบริการนี้เหมาะสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรูปร่างที่กระชับ และเห็นสัดส่วนร่างกายที่สมดุล เราใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานระดับสากล พร้อมเครื่องมือที่หลากหลายและมีคุณภาพสูง ทีมแพทย์และพยาบาลผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านการดูดไขมันและศัลยกรรมพร้อมให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการผ่าตัด รวมถึงการดูแลหลังการผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ หากคุณต้องการมีรูปร่างที่ดีและสมดุล แต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย บริการดูดไขมันจาก AMARA อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ !

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ L-Carnitine คือ


       L-Carnitine คือ ตัวช่วยลดหุ่นที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ชื่นชอบการออกกำลังกาย เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญไขมันและทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับ L-Carnitine เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและครอบคลุมที่สุด เราจึงรวบรวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบที่เป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับผู้อ่านทุกคนค่ะ

อาหารที่มี L-Carnitine มีอะไรบ้าง ?

การรับประทานอาหารที่มี L-Carnitine สูงเป็นวิธีหลักในการเสริมสร้างปริมาณสารประกอบนี้ในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน ยกตัวอย่างอาหารที่มี L-Carnitine เช่น เนื้อสัตว์ทั่วไปอย่างวัว หมู และแกะ (มีแอลคาร์นิทีนเยอะที่สุด) รวมไปถึงเนื้อสัตว์ปีกอย่างไก่และไก่งวง เนื้อปลาและอาหารทะเล นมและผลิตภัณฑ์นม อาหารจำพวกธัญพืช และผักชนิดต่าง ๆ อย่างอะโวคาโด หน่อไม้ฝรั่ง ฟักทอง งา อาร์ติโชค บรอกโคลี และถั่วลิสง แต่เมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์จะมีแอลคาร์นิทีนน้อยกว่า

แอลคาร์นิทีนเป็นสารที่ปลอดภัยต่อร่างกาย โดยปริมาณที่แนะนำให้บริโภคอยู่ที่ประมาณ 500 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม หากทานเกินกว่า 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน อาจส่งผลข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้, อาเจียน, มีกลิ่นตัว, มีผื่นแดง และอยากอาหารเพิ่มขึ้น ดังนั้น ควรทานตามปริมาณที่พอเหมาะเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มทานอาหารเสริมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้แอลคาร์นิทีน

คนทั่วไปที่สุขภาพดีและรับประทานอาหารสมดุลอยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องทาน L-Carnitine เสริม เนื่องจากร่างกายสามารถผลิตแอลคาร์นิทีนได้เพียงพอจากกรดอะมิโนไลซีนและเมไทโอนีนในอาหารปกติ อย่างไรก็ตาม บางกลุ่มอาจควรได้รับประโยชน์จากการทาน L-Carnitine เสริม เนื่องจากความต้องการพิเศษหรือสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน ผู้ที่ควรทานแอลคาร์นิทีนเพิ่ม ได้แก่ นักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายหนัก ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะขาด L-Carnitine หรือผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรือวีแกน

แม้ว่า L-Carnitine จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็มีบางกลุ่มคนที่ควรระวังหรือหลีกเลี่ยงการเสริม L-Carnitine เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ การระวังในกรณีนี้มีความสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพที่ไม่คาดคิด หากใครไม่มั่นใจว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนทาน L-Carnitine เสริม โดยกลุ่มผู้ควรหลีกเลี่ยงการทานแอลคาร์นิทีน ได้แก่ สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตและหัวใจ ผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ ผู้ที่มีประวัติอาการชัก ผู้ที่แพ้ L-Carnitine และผู้ที่กำลังรับประทานยาอื่น ๆ

 ก่อนออกกำลังกายประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่แนะนำว่าให้ทานแอลคาร์นิทีนก่อนนอกกำลังกาย จะส่งผลดีต่อการเพิ่มพลังงาน/เผาผลาญไขมันและเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย แต่หากมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ การทานหลังออกกำลังกายก็อาจมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน หรือจะทานแอลคาร์นิทีนตอนเช้าก็ได้เพราะจะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีตลอดทั้งวัน

ทานทุกวันได้ในปริมาณที่เหมาะสมค่ะ L-Carnitine เป็นสารที่ร่างกายผลิตได้เองและมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญไขมันและสร้างพลังงาน อย่างไรก็ตาม ควรทานตามปริมาณที่แนะนำคือไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัม/วัน หากทานปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการจะทำให้เกิดผลข้างเคียง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวควรระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะอาจอันตรายถึงชีวิตได้

เด็กทานได้หากจำเป็น กรณีที่จำเป็นในที่นี้คือเมื่อมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น เด็กที่มีภาวะขาด L-Carnitine ภาวะนี้มักเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิต L-Carnitine ได้เพียงพอ และเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญพลังงาน เช่น โรคเมตาบอลิกบางชนิด รวมถึงเด็กที่มีภาวะขาดสารอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่กินอาหารไม่ครบหมู่หรือมีปัญหาในการดูดซึมสารอาหาร ส่วนเด็กที่ร่างกายแข็งแรงไม่จำเป็นต้องทานแอลคาร์นิทีนครับ

สรุป


       L-Carnitine คือ สารประกอบที่ร่างกายผลิตขึ้นจากตับและไต รวมทั้งมีอยู่ในเนื้อสัตว์และพืชบางชนิด แอลคาร์นิทีนช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดึงไขมันออกมาใช้เป็นพลังงานแทนการใช้กลูโคส (น้ำตาล) L-Carnintine จะไม่มีผลหากขาดการออกกำลังกาย หากต้องการลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนควรทำควบคู่กับการออกกำลังกายและการคุมอาหารประเภทอื่นจึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!

ลงทะเบียน คลิกที่นี่

สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย : https://lin.ee/801MUsB

ติดต่อเบอร์โทร : 

062-789-1999

⇒ สาขา รัชโยธิน กด 1
⇒ สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)

KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!