ไขมันใต้ผิวหนังคืออะไร อันตรายไหม ต่างจากไขมันในช่องท้องอย่างไร?

ไขมันใต้ผิวหนังคืออะไร

เรื่องของไขมันในร่างกายเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพหรือรูปร่าง หนึ่งในประเภทไขมันที่มักถูกพูดถึงคือ ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ซึ่งบางครั้งก็สร้างความสับสนเมื่อเทียบกับไขมันอีกชนิดอย่างไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) บทความนี้ AMARA จะพาไปทำความเข้าใจว่า ไขมันใต้ผิวหนังคืออะไร มีหน้าที่อย่างไร ส่งผลกระทบต่อเรามากน้อยแค่ไหน แตกต่างจากไขมันในช่องท้องอย่างไร และมีวิธีจัดการกับไขมันส่วนเกินนี้อย่างไรบ้าง รวมถึงทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการจัดการไขมันเฉพาะจุดอย่างมีประสิทธิภาพ จะน่าสนใจแค่ไหน ตามไปดูกันเลย

ทำความรู้จักไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat)

ไขมันใต้ผิวหนัง คือ ชั้นไขมันที่สะสมอยู่ระหว่างผิวหนังชั้นนอกสุดกับกล้ามเนื้อ สามารถพบได้ทั่วร่างกาย แต่บริเวณที่มักสะสมได้ง่ายคือ หน้าท้อง สะโพก ต้นขา และต้นแขน ลักษณะเด่นของไขมันชนิดนี้คือ เราสามารถใช้นิ้วมือบีบ หรือหยิบจับขึ้นมาเป็นชั้นได้ ซึ่งแตกต่างจากไขมันในช่องท้องที่อยู่ลึกเข้าไป และไม่สามารถสัมผัสได้โดยตรงจากภายนอก

หน้าที่สำคัญของไขมันใต้ผิวหนังที่คุณอาจไม่เคยรู้

แม้หลายคนอาจมองว่า ไขมันใต้ผิวหนังเป็นส่วนเกินที่ไม่ต้องการ แต่ความจริงแล้วไขมันชนิดนี้มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของร่างกายหลายอย่าง ดังนี้

  • เป็นแหล่งพลังงานสำรอง : ร่างกายจะเก็บพลังงานส่วนเกินจากอาหารไว้ในรูปของไขมันใต้ผิวหนังเพื่อนำมาใช้เมื่อต้องการพลังงานเร่งด่วน หรือเมื่อได้รับพลังงานจากอาหารไม่เพียงพอ
  • ปกป้องร่างกาย : ทำหน้าที่เหมือนเบาะรองรับ ช่วยลดแรงกระแทกให้กับอวัยวะภายในและกระดูก ป้องกันการบาดเจ็บ
  • ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย : เป็นฉนวนช่วยรักษาความอบอุ่น ป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสียความร้อนเร็วเกินไปในสภาพอากาศหนาวเย็น
  • ผลิตฮอร์โมนบางชนิด : เช่น ฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ที่ช่วยควบคุมความอยากอาหาร

ไขมันใต้ผิวหนัง vs ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ต่างกันอย่างไร?

ไขมันใต้ผิวหนัง vs ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)

บ่อยครั้งที่คนเราเหมารวมว่าไขมันทุกชนิดเหมือนกัน แต่การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างไขมันใต้ผิวหนังและไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ถือเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพและรูปร่าง เพราะไขมันทั้งสองชนิดนี้มีตำแหน่งที่อยู่ ลักษณะ และผลกระทบต่อสุขภาพที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ตำแหน่งที่สะสมและลักษณะที่แตกต่าง

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือตำแหน่งที่อยู่ไขมันใต้ผิวหนังจะอยู่ชั้นตื้น ๆ ใต้ผิวหนังโดยตรง ทำให้เราสามารถมองเห็นเป็นก้อนหรือชั้นนุ่ม ๆ ที่บีบจับได้ ส่วนไขมันในช่องท้องจะอยู่ลึกเข้าไปในช่องท้อง แทรกตัวอยู่รอบ ๆ อวัยวะสำคัญ เช่น ตับ ตับอ่อน ลำไส้ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้จากภายนอก แต่เป็นสาเหตุที่ทำให้รอบเอวหนาขึ้น หรือที่เรียกว่า “อ้วนลงพุง” แบบท้องป่องแข็งนั่นเอง

ผลกระทบต่อสุขภาพ

ในแง่ของผลกระทบต่อสุขภาพ ไขมันในช่องท้องถือว่ามีความอันตรายมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นไขมันที่สัมพันธ์โดยตรงกับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคเมตาบอลิก เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง และภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ 

ส่วนไขมันใต้ผิวหนัง แม้โดยทั่วไปจะมีความเชื่อมโยงกับโรคเหล่านี้น้อยกว่า แต่การมีไขมันใต้ผิวหนังสะสมในปริมาณที่มากเกินไป ก็ยังสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น เพิ่มภาระให้กับข้อต่อ อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนบางชนิด และสัมพันธ์กับภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้เช่นกัน

ไขมันใต้ผิวหนังเยอะ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและรูปร่างหรือไม่?

แม้จะมีประโยชน์ แต่การมีไขมันใต้ผิวหนังมากเกินไปย่อมส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและรูปลักษณ์ภายนอกได้ การสะสมของไขมันชนิดนี้ในปริมาณมากเกินพอดี ก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน ดังนี้

  • รูปร่างและสัดส่วน : ทำให้รูปร่างดูไม่สมส่วน เกิดเป็นส่วนเกินตามหน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน ทำให้เลือกเสื้อผ้าได้ยากขึ้น และอาจมองเห็นเป็นเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม
  • ภาระต่อข้อต่อ : น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจากไขมันสะสม (รวมถึงไขมันใต้ผิวหนัง) จะเพิ่มแรงกดทับและภาระให้กับข้อต่อต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อเข่า ข้อสะโพก และหลัง อาจนำไปสู่อาการปวดข้อหรือข้อเสื่อมเร็วขึ้น
  • ความเสี่ยงทางสุขภาพ : แม้จะน้อยกว่าไขมันในช่องท้อง แต่ไขมันใต้ผิวหนังที่มากเกินไปก็เป็นส่วนหนึ่งของภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายชนิด และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอักเสบในร่างกาย หรือภาวะดื้อต่ออินซูลินได้
  • ความมั่นใจและสุขภาพจิต : การเปลี่ยนแปลงของรูปร่างอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตนเอง และภาพลักษณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเครียดหรือปัญหาด้านสุขภาพจิตได้

วิธีลดไขมันใต้ผิวหนังแบบธรรมชาติ

วิธีลดไขมันใต้ผิวหนังแบบธรรมชาติ

การลดไขมันใต้ผิวหนังอย่างยั่งยืนต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเน้นการสร้างสมดุลระหว่างพลังงานที่ได้รับและพลังงานที่ใช้ไป ซึ่งหัวใจสำคัญคือการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ควบคุมอาหารและปรับโภชนาการให้เหมาะสม

เน้นการทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เลือกทานโปรตีนไม่ติดมัน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ผัก ผลไม้ และไขมันดีในปริมาณที่เหมาะสม ควบคุมปริมาณแคลอรี่โดยรวมให้อยู่ในระดับที่ทำให้เกิดภาวะขาดดุลพลังงาน (Calorie Deficit) อย่างค่อยเป็นค่อยไป หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันทรานส์

ออกกำลังกายแบบ Cardio และ Weight Training

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน) ช่วยเผาผลาญแคลอรี่และไขมันส่วนเกินได้ดี ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย ทำให้ลดไขมันได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในระยะยาว ควรทำทั้งสองแบบผสมผสานกัน

 

รับมือกับไขมันใต้ผิวหนังสะสมที่ “หน้าท้อง” ด้วยการดูดไขมันที่ AMARA

หลายคนอาจพบว่า แม้จะควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างเต็มที่แล้ว แต่ไขมันบางจุด โดยเฉพาะไขมันใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง ก็ยังคงอยู่และลดยากเป็นพิเศษ นั่นเพราะร่างกายมักจะลดไขมันโดยรวม ไม่สามารถสั่งให้ลดเฉพาะจุดได้ด้วยวิธีธรรมชาติ ไขมันหน้าท้องจึงมักเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลและบั่นทอนความมั่นใจ

สำหรับผู้ที่ต้องการจัดการกับไขมันใต้ผิวหนังที่สะสมบริเวณหน้าท้องอย่างตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน การดูดไขมันหน้าท้อง (Abdominal Liposuction) ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ที่ AMARA เรามีเทคนิคและเครื่องมือดูดไขมันที่ทันสมัยหลากหลาย สามารถกำจัดเซลล์ไขมันใต้ผิวหนังส่วนเกินบริเวณหน้าท้องออกไปได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับรูปร่างให้สมส่วน ลดสัดส่วนรอบเอว และสร้างความมั่นใจกลับคืนมา ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการดูดไขมันปรับรูปร่างโดยตรง

ต้องการปรึกษาแพทย์ฟรี!

SCan OR Code เพื่อแอดไลน์ หรือ

062 - 789 -1999

สาขา รัชโยธิน กด 1
สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

สรุป


ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) เป็นไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังโดยตรง ซึ่งมีทั้งประโยชน์ในการเป็นแหล่งพลังงาน ปกป้องร่างกาย และควบคุมอุณหภูมิ แต่หากมีมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อรูปร่างและเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพได้เช่นกัน ไขมันใต้ผิวหนังนั้น แตกต่างจากไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งอยู่ลึกกว่าและอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า การลดไขมันใต้ผิวหนัง โดยทั่วไปสามารถทำได้ด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่สำหรับไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ลดยาก เช่น บริเวณหน้าท้อง การดูดไขมันโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ AMARA ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและปลอดภัย เพื่อผลลัพธ์รูปร่างที่น่าพอใจและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคุณได้

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


    This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.