ฉีดไขมัน FatSculpt+ VS ฉีดไขมันแบบเก่า ต่างกันยังไง? รู้สิ่งนี้ก่อนตัดสินใจ

old fat grafting vs FatSculpt plus

      การฉีดไขมันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหารูปร่างไปจนถึงปัญหาผิวได้ โดยวงการฉีดไขมันต่างก็มีพัฒนาการอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีจุดอ่อนหลายอย่าง ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ไม่สามารถสำเร็จได้ 100%

      ปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการดูดไขมัน-เติมไขมันนั้นถูกพัฒนาขึ้นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น Lipocube ที่มีส่วนช่วยให้ความสำเร็จในการฉีดไขมันสูงขึ้น เนื่องจากช่วยกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดอย่าง SVF ที่มีประโยชน์หลากหลาย หรือจะเป็น Maft Gun ที่เข้ามาช่วยให้การฉีดไขมันมีความเรียบเนียนกว่าเดิม

      SVF เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่ของวงการฉีดไขมัน เพราะเป็นสารที่สกัดจากไขมันที่ดูดออกมาได้ หากนำมาใช้ในการฉีดไขมัน ก็จะช่วยกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงไขมันมากขึ้นทำให้ไขมันติดดียิ่งขึ้นนั่นเอง

      การฉีดไขมัน FatSculpt+ เทคนิคใหม่ของ Amara Liposuction Center เป็นเทคนิคที่นำเครื่องมือและอุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาใช้ เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการฉีดไขมันสูงสุด แต่การฉีดไขมัน FatSculpt+ จะแตกต่างจากการฉีดไขมันแบบเก่าอย่างไร? มาดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันเลยครับ

ฉีดไขมัน FatSculpt+ VS ฉีดไขมันแบบเก่า

ฉีดไขมัน FatSculpt+ VS ฉีดไขมันแบบเก่า ต่างกันยังไง?


      การฉีดไขมันแบบเก่านั้น ไม่ได้มีอุปกรณ์ที่หลากหลายเหมือนตอนนี้ครับ อย่างที่หมอได้ยกตัวอย่างไปข้างต้น นวัตกรรมใหม่อย่าง Lipocube และ Maft Gun ถูกผลิตขึ้นมาให้การฉีดไขมันเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีอัตราความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

      นวัตกรรมใหม่ที่เพิ่มเข้ามานี้ สร้างความแตกต่างให้ผลลัพธ์สูง โดยเฉพาะเปอร์เซ็นต์การติดของไขมัน ผลข้างเคียง ระยะเวลาพักฟื้น และผลพลอยได้อื่น ๆ หมอจะสรุปข้อแตกต่างระหว่างการฉีดไขมันแบบเดิมและการฉีดไขมัน FatSculpt+ ไว้ตามตารางนี้ครับ

 

ฉีดไขมัน FatSculpt+

ฉีดไขมันแบบเก่า

% การติดของไขมัน

92%

60-70%

ระดับความเรียบเนียน 

⭐⭐⭐⭐⭐

⭐⭐⭐

ระดับอาการบวมช้ำ

ไขมันคุณภาพดีกว่า ไม่ต้องเติมเผื่อ

บวมช้ำน้อย ไม่แน่นตึง

ต้องเติมแน่นมากเผื่อยุบ

ทำให้บวมช้ำกว่า

ระยะเวลาในการพักฟิ้น

1-2 วัน

3-5 วัน

วิธีที่ใช้ในการดูดไขมัน

ดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet

หรือแบบ Mannual

ดูดไขมันแบบ Mannual

วิธีตัดเซลล์ไขมัน / กรองไขมัน

Lipocube

ตะแกรงตัดธรรมดา

ความสมบูรณ์ของขนาดเซลล์ไขมัน

ทำได้ถึง 6 ระดับ

ขนาดเซลล์เท่ากันทั้งหมด

เซลล์จะเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของเพิ่ม

ปริมาณของ SVF ที่ได้

16 cc / ไขมัน 100 ml

1 cc / ไขมัน 100 ml

โอกาสเกิดหินปูน/ก้อนซีสต์

น้อยมากถึงไม่มีเลย

สูง

โอกาสเกิด Human Error

ไม่มี

สูง

ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่

อย่างน้อย 3-5 ปีขึ้นไป

ประมาณ 1-2 ปี

      จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นได้อย่างชัดเจนครับว่า การฉีดไขมันแบบดั้งเดิมมีข้อด้อยกว่าการฉีดไขมัน FatSculpt+ อยู่มาก โดยเฉพาะความแตกต่างของปริมาณ SVF ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับศักยภาพในการฉีดไขมัน เรามาเข้าสู่รายละเอียดแบบจัดเต็มกันเลยครับ

ขั้นตอนการฉีดไขมันแบบเก่า VS  ฉีดไขมัน FatSculpt+


      การฉีดไขมันแบบเก่า มีขั้นตอนที่มีโอกาสเกิด Humen Error มากกว่าแบบใหม่ครับ ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับความสามารถและประสบการณ์ของหมอทั้งหมด ในขณะที่การฉีดไขมัน FatSculpt+ มีอุปกรณ์เสริมเข้ามาช่วยให้การฉีดไขมันละเอียดยิ่งขึ้น โดยหลัก ๆ แล้วขั้นตอนการฉีดไขมันจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอนคือ การดูด การเตรียม และการเติม มาดูความแตกต่างกันครับ

Old Fat Grafting VS FatScuplt+ Technique

ขั้นตอนการฉีดไขมันแบบเก่า

      การฉีดไขมันแบบเก่า ในขั้นตอนการดูดไขมัน ส่วนใหญ่จะใช้วิธีดูดไขมันแบบ Mannual ครับ หมอต้องเป็นคนสลายไขมันส่วนต่าง ๆ ด้วยแรงมือของหมอเอง ทำให้เซลล์ไขมันบางส่วนตายได้ครับ

      ในส่วนของการเตรียมไขมัน ต้องทราบก่อนว่าไขมันที่ได้จากการดูดไขมันคือ Macro Fat ซึ่งเป็นเซลล์ไขมันที่ยังมีขนาดใหญ่ปนมากับน้ำเลือดและยาชา หมอจึงต้องแยกไขมันผ่านเครื่องกรองและนำตะแกรงที่ผลิตขึ้นเองมาตัดเซลล์ไขมันให้เล็กลงมากสุดถึงขนาด Micro Fat เพื่อให้มีโอกาสติดมากขึ้น (โดยเฉพาะบริเวณผิวบอบบาง)

      และขั้นตอนสุดท้ายคือ การเติมไขมันหรือการฉีดไขมัน หมอจะทำการบรรจุเซลล์ไขมันที่ผ่านการย่อยแล้วไว้ในหลอดพร้อมฉีด และฉีดไขมันด้วยแรงมือปกติ ซึ่งจะต้องฉีดไขมันในปริมาณมาก เผื่อเซลล์ไขมันถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย

ขั้นตอนการฉีดไขมันแบบใหม่ FatSculpt+

      การฉีดไขมันแบบใหม่หรือ FatSculpt+ ในขั้นตอนการดูดไขมัน มักจะใช้วิธีดูดไขมันด้วยพลังงานน้ำหรือ Water Jet ครับ ซึ่งในปัจจุบันนี้ที่นิยมใช้กันคือเครื่องดูดไขมัน Body-Jet ทำงานโดยการฉีดน้ำความดันสูงลักษณะคล้ายพัด เพื่อให้เซลล์ไขมันแยกออกจากกันโดยไม่ใช้ความร้อน ทำให้ได้เซลล์ไขมันที่ยังมีชีวิต

      ต่อมาคือขั้นตอนการเตรียมไขมัน จากเดิมที่ใช้ตะแกรงที่สร้างขึ้นโดยแพทย์ จะเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Lipocube เพื่อตัดเซลล์ไขมันให้ได้ขนาดเล็กเท่า ๆ กัน หมอสามารถเลือกได้ว่าจะตัดเซลล์ไขมันให้ได้ขนาดเท่าไหร่ เล็กที่สุดคือระดับ Nano Fat ที่มีเปอร์เซ็นต์ติดดีที่สุด

      เมื่อนำเข้าเครื่องคัดแยกเซลล์ไขมันกับน้ำและยาชาแล้ว ก็จะเข้าสู่การเติมไขมัน โดยในขั้นตอนนี้จะมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Maft Gun ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การเติมไขมันแต่ละครั้งมีปริมาณที่เท่ากันทั้งหมด ช่วยให้การเติมไขมันมีความสม่ำเสมอในทุก ๆ พื้นที่

“ฉีดไขมันเทคนิคใหม่ FatSculpt+ 
ยกระดับผิวให้ย้อนวัยเหมือนนั่งไทม์แมชชีน”

ฉีดไขมัน FatSculpt+ VS ฉีดไขมันแบบเก่า

      จากรายละเอียดข้างต้นจะเห็นได้ว่าการฉีดไขมันแบบ FatSculpt+ ใช้ Lipocube ตัดเซลล์ไขมันได้ละเอียดเท่ากันมากกว่า ช่วยการกระตุ้นให้สาร SVF ซึ่งเป็นเซลล์ที่ช่วยให้ไขมันติดดีผลิตออกมาเยอะกว่า และตัว Maft Gun ทำให้การเติมไขมันมีความสม่ำเสมอ ซึ่งการฉีดไขมันแบบเดิมด้วยแรงมือของหมอ ไม่สามารถทำให้เท่า ๆ กันได้

      เห็นได้ชัดว่าความสามารถในการสร้าง SVF ออกมาระหว่างกระบวนการเตรียมไขมัน เป็นข้อแตกต่างสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ในการฉีดไขมันแบบ FatSculpt+ ออกมาดีกว่าแบบดั้งเดิม แต่ SVF จะมีผลต่อการเติมไขมันขนาดไหน? หาคำตอบได้ในหัวข้อถัดไปเลยครับ

SVF (เซลล์ต้นกำเนิด) มีผลต่อการเติมไขมันอย่างไร?


      SVF (Stromal Vascular Fraction) คือ กลุ่มเซลล์ชนิดหนึ่งที่ได้มาจากการดูดไขมัน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘เซลล์ต้นกำเนิด’ มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างเส้นเลือด ซึ่งมีหน้าที่ในการหล่อเลี้ยงสารอาหารมายังเซลล์ไขมัน เมื่อเส้นเลือดมีเยอะขึ้น ก็จะช่วยให้การซ่อมแซมเซลล์เป็นไปอย่างรวดเร็วและแข็งแรงขึ้น

      โดยปกติ SVF จะถูกผลิตออกมาเมื่อเซลล์ได้รับบาดเจ็บ แต่จะไม่ถูกสร้างเมื่อเซลล์ตายไปแล้ว ดังนั้น ระหว่างการตัดเซลล์ไขมัน เซลล์นั้นได้รับบาดเจ็บแต่ยังมีชีวิตอยู่ SVF จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อมาซ่อมแซมเซลล์เรื่อย ๆ กล่าวคือ ยิ่งเซลล์ไขมันบาดเจ็บมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระตุ้นให้ SVF ออกมามากเท่านั้น

      ด้วยเหตุนี้ แนวทางการกระตุ้น SVF ดังกล่าวจึงถูกพัฒนาขึ้นมากลายเป็น ‘Lipocube’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการตัดเซลล์ไขมันให้มีขนาดเล็กลงถึงระดับ Nano ให้มีขนาดที่เท่ากันทุกเซลล์ ช่วยกระตุ้นให้ SVF ผลิตออกมาได้มากกว่านั่นเองครับ

Old Fat Grafting VS FatScuplt+ Techniqu

ฉีดไขมันแบบเก่าได้ SVF เท่าไหร่?

       เดิมแล้ว การฉีดไขมันแบบเก่า จะได้ปริมาณ SVF เพียง 1% จากไขมัน 100cc ครับ เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ถูกตัดโดยตะแกรงที่ผลิตโดยแพทย์ จะมีโอกาสเกิดความคลาดเคลื่อนสูง เซลล์ไขมันมีโอกาสตายมากกว่า ปริมาณการผลิตของ SVF จึงน้อยมาก ๆ และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลว่า ทำไมเวลาฉีดไขมันหนึ่งครั้ง จะต้องฉีดในปริมาณมาก ๆ จนบวมชัดเจน เพราะหมอต้องฉีดเผื่อในกรณีที่เซลล์ไขมันตาย ติดน้อย

ฉีดไขมันแบบ FatSculpt+ ได้ SVF มากขึ้นถึง 10 เท่า

       การฉีดไขมัน FatSculpt+ ที่นำ Lipocube เข้ามาช่วยตัดไขมันแบบละเอียดระดับ Nano Fat ช่วยกระตุ้นการสร้าง SVF ได้มากขึ้นกว่า 10 เท่า (หรือ 16 cc จากไขมัน 100cc) เมื่อเทียบกับการตัดไขมันแบบเดิม เนื่องจากความละเอียดของ Lipocube ทำให้เซลล์ไขมันมีโอกาสตายน้อยมาก ทำให้เปอร์เซ็นต์การติดสูง ไม่ต้องฉีดแน่น ฉีดเผื่อ

ฉีดไขมันแบบเก่าเสี่ยงเป็นก้อน ไขมันติดน้อย เกิดจากอะไร


       การที่เราฉีดไขมันแล้วเป็นก้อนแข็งหรือไขมันติดน้อย เนื่องจากมีการฉีดไขมันในปริมาณมากเกินไป อันเป็นสาเหตุจากขั้นตอนการเติมไขมัน แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ 100%

Cause of Oil Cyst after Fat grafting

ปัจจัยจากฝั่งแพทย์

      ในการฉีดไขมันแต่ละตำแหน่ง มักจะต้องใช้ปริมาณไขมันที่ไม่เท่ากัน ขนาดเซลล์ไขมันที่แตกต่างกัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดจากสาเหตุนี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของแพทย์

      หากหมอฉีดไขมันที่มีเซลล์ขนาดใหญ่เกินไปในใต้ตา ก็มีโอกาสที่จะเป็นก้อนสูงครับ เพราะใต้ตาเป็นพื้นที่ขนาดเล็กและบอบบาง เหมาะกับเซลล์ไขมันขนาดเล็กและเหลวมากกว่า เพื่อให้ไม่เป็นก้อน เป็นปุ่มนูน

      อีกกรณีหนึ่ง การฉีดไขมันแบบเก่ามี SVF ปริมาณน้อยมาก ทำให้ไม่มีตัวกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงสารอาหารมายังเซลล์ไขมัน ส่งผลให้เซลล์ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้จนตายไป และถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายกลายเป็นของเสีย เป็นสาเหตุของไขมันติดน้อยจนถึงไม่ติดเลยก็มี

ฉีดไขมัน FatSculpt+ amara clinic

       กรณีสุดท้ายที่น่ากังวลที่สุด คือการฉีดไขมันแน่นเกินไปหรือเยอะเกินไป จนสารอาหารไม่สามารถลำเลียงผ่านชั้นไขมันที่หนาแน่นเข้าไปข้างในได้ เหมือนเวลาเราพยายามทำความสะอาดฟองน้ำแต่งหน้า ข้างนอกสะอาด ข้างในที่น้ำยาทำความสะอาดเข้าไม่ถึงก็จะหมักหมม

       เมื่อเซลล์ไขมันด้านในไม่สามารถรับสารอาหาร ก็จะตายโดยมีเซลล์ไขมันรอบนอกที่รอดชีวิตปกคลุมอยู่กลายเป็นก้อนซีสต์ไขมัน (Oil Cyst) ทำให้ร่างกายมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและพยายามกำจัด โดยการส่งเม็ดเลือดขาวมาทำลาย ซึ่งซากของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายอยู่รอบ ๆ ก้อนซีสต์จะเกาะกลุ่มกันกลายเป็นหินปูน เมื่อเราสัมผัสจากภายนอกผิว จะรู้สึกได้ว่าเป็นก้อนแข็งหรือเป็นไตใต้ผิว

ปัจจัยจากฝั่งคนไข้

       การฉีดไขมันให้มีเปอร์เซ็นต์ติดสูงได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝีมือหมออย่างเดียวครับ แต่จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้ด้วย ซึ่งมันสำคัญมากถึง 70% เลย

       การที่เซลล์ไขมันจะยังมีชีวิตและติดได้ จะต้องไม่มีอะไรมาขัดขวางกระบวนการฟื้นตัวของเส้นเลือดครับ ซึ่งการสูบบุหรี่ เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำให้เซลล์ไขมันติดน้อย เพราะสารนิโคตินทำให้หลอดเลือดตีบ สารอาหารส่งไปได้น้อย ทำให้เซลล์ไขมันตาย ติดน้อย หรือเป็นก้อน

       ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งคืออายุครับ เมื่อเราอายุมาก กระบวนการฟื้นฟูของเซลล์จะเสื่อมลง ทำงานได้น้อยลง ไม่แข็งแรงเท่าตอนหนุ่มสาว ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เซลล์ไขมันติดน้อย บางรายเติมไปแล้วไม่ถึงปีก็กลับมาเหมือนเดิม ไขมันหายเร็ว มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย

       นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุที่หมอมักจะเตือนกันบ่อย ๆ คือการสัมผัสบริเวณที่ฉีดไขมันครับ บางเคสที่เติมไขมันหน้า หน้าอก หรือสะโพก มักจะมีการสัมผัสบ่อย ทำให้ไปรบกวนการฟื้นฟูเซลล์ไขมันจนตาย ไม่ติดหรือติดน้อย ติดไม่เรียบเสมอกัน หรืออีกสาเหตุที่เจอบ่อยคือรีบลดน้ำหนักหลังฉีดไขมัน ก็จะทำให้ไขมันที่ฉีดถูกดึงไปใช้หรือถูกดูดซึมกลับเข้าไป จนไม่ติดเลยนั่นเอง

ฉีดไขมันหน้ามาแล้วไม่ชอบ นวดให้สลายเองได้ไหม?

       หมอต้องขอห้ามเลยครับ เพราะการนวดไขมันที่ฉีดเข้าไป สามารถทำให้เซลล์ไขมันกระจุกผิดรูป กลายเป็นก้อนจนเซลล์ไขมันตายได้ และเมื่อเซลล์ไขมันตายก็จะทำให้เกิดก้อนซีสต์ พังผืด หรือหินปูนตามมา ซึ่งรักษาค่อนข้างลำบาก หากไม่ชอบจริง ๆ ควรปรึกษาแพทย์เท่านั้นครับ

การฉีดไขมันแบบ FatSculpt+ ดีกว่าฉีดไขมันแบบเก่า ทำไมหลายที่ไม่มี!


       ปัจจุบันในต่างประเทศนั้น มีการใช้ Lipocube เข้ามาสนับสนุนคุณภาพของการเตรียมไขมันอย่างแพร่หลายมาก ๆ ครับ เนื่องจากสาร SVF ที่ได้จากการตัดเซลล์ไขมัน สามารถนำมาบำรุงผิว เพิ่มอัตราการติดของเซลล์ไขมัน ทว่าด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมาก ๆ ทำให้หลายที่ในไทยไม่มีการนำ Lipocube เข้ามาใช้

       Amara Liposuction Center เป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่นำ Lipocube เข้ามาใช้ครับ เพราะเรามองเห็นว่า Lipocube เป็นทางเลือกให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการฉีดไขมัน ทุบเพดานประสิทธิภาพในวงการฉีดไขมันในไทยให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น

       ทั้งนี้ตัว Lipocube ยังได้รับการวิจัยจาก NCBI ว่าสามารถกระตุ้นการสร้าง SVF ออกมาได้มากกว่าการตัดไขมันแบบอื่น ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสการติดของไขมันมากขึ้นเกือบ 100% ยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับ Maft Gun ที่ช่วยให้การฉีดไขมันมีความสม่ำเสมอ ไม่กระจุกกันเป็นก้อน ยิ่งช่วยยกระดับการฉีดไขมันให้สมบูรณ์มากกว่าเดิมครับ

Amara Liposuction Center ที่แรกในไทยฉีดไขมันแบบ FatSculpt+

FatSculpt+ is the new era of Fat Grafting

       เทคนิคการฉีดไขมันแบบ FatSculpt+ เป็นการผสมผสานกันระหว่างเครื่องมือที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดไขมัน Body-Jet เครื่องคัดกรองไขมันคุณภาพสูงอย่าง Lipocube หรือเครื่องฉีดไขมันอย่าง Maft Gun ทุกขั้นตอนมีส่วนร่วมเพื่อเพิ่มโอกาสการติดของไขมันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

       ความเป็นศูนย์ดูดไขมัน-เติมไขมันเฉพาะทาง ที่พร้อมด้วยทีมแพทย์มากประสบการณ์กว่าหมื่นเคสร่วมกับแพทย์ผู้สอนการดูดไขมัน-เติมไขมัน KOL Trainer ทำให้เราเชี่ยวชาญด้านการฉีดไขมันหลากหลายเคส หลากหลายไซซ์ หลากหลายปัญหา

“The New Era of Fat Grafting : ยุคใหม่ของการเติมไขมัน
ผิวเด็กด้วยไขมันตัวเอง ไม่เสี่ยงแพ้ เพิ่ม % การติดของไขมันด้วยเซลล์ต้นกำเนิด SVF”

       การฉีดไขมัน FatSculpt+ นอกจากจะช่วยให้ไขมันติดดีขึ้นแล้ว ยังมีข้อดีอีกมากมายต่างจากการเติมสารเติมเต็มทั่วไป สาร SVF ที่ได้จากไขมันตัวเองจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ช่วยบำรุงผิวให้สดใสและแข็งแรงขึ้น เป็นที่มาของสิ่งที่เอมาร่ายึดมั่นว่าต้องทำให้ลูกค้าเป็น Best Version ของตัวเองครับ!

ต้องการปรึกษาแพทย์ฟรี!

SCan OR Code เพื่อแอดไลน์ หรือ

062 - 789 -1999

สาขา รัชโยธิน กด 1
สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

สรุปฉีดไขมันแบบเก่า VS  ฉีดไขมัน FatSculpt+ เลือกแบบไหนคุ้มค่าที่สุด


        การฉีดไขมันแบบเก่าสามารถทำได้ โอกาสติดของไขมันก็สูงกว่า 70% ครับ แต่หากต้องการให้ไขมันติดดีที่สุด หมอแนะนำให้เลือกการฉีดไขมันแบบใหม่หรือ FatSculpt+ ที่มีองค์ประกอบอย่าง Lipocube และ Maft Gun ซึ่งช่วยให้ไขมันติดกว่า พร้อมได้รับการบำรุงผิวและฟื้นฟูเซลล์ให้แข็งแรงจากสาร SVF ที่ผลิตออกมาได้มากกว่า คุ้มค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอนครับ

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก

dvcstem
NCBI
PubMed

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!

ลงทะเบียน คลิกที่นี่

สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย : https://lin.ee/801MUsB

ติดต่อเบอร์โทร : 

062-789-1999

⇒ สาขา รัชโยธิน กด 1
⇒ สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)

KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!