หลังดูดไขมันเหนียง ต้องดูแลตัวเองอย่างไรให้พักฟื้นได้ไวขึ้น

การดูดไขมันเหนียง เป็นหนึ่งในวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถช่วยแก้ปัญหาหน้าบวม หน้ากลม หรือจัดการเหนียงที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเป็นรูปหน้าเรียวกระชับได้อย่างเห็นผลจริง แต่ถึงกระนั้นการดูดไขมันเหนียงก็มีความเสี่ยง และข้อควรระวังหลายประการ เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม พักฟื้นได้ไวขึ้น ในบทความนี้ AMARA และหมอมะปรางจะพาไปดูวิธีการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันเหนียงอย่างเหมาะสมกัน จะต้องทำอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย!

ดูดไขมันเหนียง พักฟื้นนานแค่ไหน?

หลังจากดูดไขมันเหนียงแล้ว หมอมะปรางแนะนำให้พักฟื้นอยู่ที่บ้านก่อน 2-3 วัน หลังจากนั้นก็สามารถกลับไปชีวิตได้ตามปกติ แต่จะต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย และช่วยให้ผลลัพธ์การดูดไขมันเหนียงออกมาดีที่สุด

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันเหนียงโดยทั่วไป

• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานยาตามที่คุณหมอสั่ง และปฏิบัติตามคำแนะนำทุกประการอย่างเคร่งครัด 
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ และงดทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก ๆ ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
• นอนพักให้เพียงพอ การนอนพักอย่างเพียงพอและนอนในท่าที่เหมาะสม เช่น นอนยกศีรษะสูง จะช่วยลดอาการบวม และช่วยกระตุ้นให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว
• ประคบเย็นบริเวณที่ผ่าตัดในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม และช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ดี

แนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันเหนียงให้ฟื้นตัวไวขึ้น

สำหรับใครที่ดูดไขมันเหนียงกับ AMARA หมอมะปรางมีบริการ After Care หลังดูดไขมันเหนียงที่จะช่วยให้ฟื้นตัวและเข้าที่ได้ไว้ขึ้น จะต้องทำอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย!

1. กินยาลดบวม

สิ่งแรกที่ผู้เข้ารับบริการต้องทำเลยก็คือ รับประทานยาลดบวมที่ทางคลินิกให้ไป รวมถึงดื่มน้ำที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอย่างใบบัวบก ฟัก หรือมะพร้าว และงดรับประทานอาหารที่มีโซเดียมเยอะ และอาหารหมักดอง ก็จะช่วยให้อาการบวมน้อยลง

2. ฉายแสง LED ลดบวม

อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยลดอาการบวมได้ก็คือการฉายแสง LED สีแดงที่มีความยาวคลื่น 640 นาโนเมตร เป็นแสงที่เข้าไปช่วยลดการอักเสบใต้ผิวหนัง ทำให้อาการบวมช้ำดีขึ้นอย่างรวดเร็ว สาว ๆ หนุ่ม ๆ สามารถมาฉายแสงลดบวมที่ AMARA ควบคู่กับการกินยาลดบวมได้เลย

3. ลดรอยดำรอยแดงด้วยเลเซอร์

สำหรับสาว ๆ หนุ่ม ๆ คนไหนที่เข้าใช้บริการดูดไขมันเหนียงแล้ว เกิดรอยดำ หรือรอยแดง สามารถเข้ามาทำเลเซอร์ลดรอยที่ AMARA ได้เลย โดยเราจะมี PICO Laser ที่มีคุณสมบัติในการลดรอยดำได้อย่างเห็นผล และ IPL Laser ที่ช่วยจัดการรอยแดงต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวลเลย

4. นวดและยกกระชับบริเวณที่ดูดไขมันเหนียงด้วย ThermaTight

ThermaTight เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยจัดการปัญหาผิวหย่อนคล้อยหลังดูดไขมันได้อย่างเห็นผล โดยจะเป็นเครื่องที่ปล่อยคลื่นวิทยุชนิดพิเศษเข้าไปที่ใต้ชั้นผิว ทำให้เกิดความร้อนประมาณ 60 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เส้นใยคอลลาเจนและเนื้อเยื่อต่าง ๆ หดตัว ปรับโครงสร้างผิวใหม่ให้แข็งแรง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวใหม่ พร้อมสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างตรงจุด จึงทำให้ผิวบริเวณนั้นกระชับและแน่นขึ้นนั่นเอง

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังดูดไขมันเหนียง

หลังจากที่ดูดไขมันเหนียงเสร็จแล้ว ในระหว่างที่พักฟื้น นอกจากจะต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดแล้ว ผู้เข้ารับบริการจะต้องคอยสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย เพื่อที่จะได้ดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม และทำให้การดูดไขมันเหนียงเป็นไปอย่างปลอดภัย

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังดูดไขมันเหนียง

• อาการบวมและช้ำ : เป็นผลข้างเคียงที่หมอมะปรางพบได้บ่อยหลังการดูดไขมัน แต่จะค่อย ๆ หายไปได้เองในระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
• อาการเจ็บปวด : อาจมีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณที่ทำการดูดไขมัน 
• อาการชา : สำหรับบางคนอาจมีอาการชา หรือสูญเสียความรู้สึก ณ บริเวณที่ดูดไขมันชั่วคราว ซึ่งอาการนี้มักจะค่อย ๆ หายไปได้เองในระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน
• ใบหน้าทั้ง 2 ข้างไม่สมดุล : ในบางเคสผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เช่น เกิดความไม่สมดุลของใบหน้าจากทั้ง 2 ฝั่ง หรือเกิดความไม่เรียบเนียนของผิวได้ 

“แผลติดเชื้อ” ผลข้างเคียงหลังดูดไขมันเหนียงที่ต้องไปพบแพทย์ทันที

แม้ว่าการติดเชื้อจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่หากมีการดูแลแผลหลังทำหัตถการด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม หรือทำจากคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจเกิดการติดเชื้อได้ โดยลักษณะของแผลติดเชื้อทั่วไป ได้แก่ 

• รู้สึกอุ่น ๆ บริเวณแผลผ่าตัด 
• รู้สึกเจ็บแผลมากขึ้นเรื่อย ๆ  
• แผลผ่าตัดมีกลิ่นเหม็น
• บาดแผลมีเลือดออก หรือมีหนอง 
• บาดแผลมีรอยแดง เจ็บ และบวม

ในบางคนอาจมีไข้หนาวสั่น ชาที่บริเวณบาดแผล หายใจไม่เต็มที่ หรือมีภาวะอาการซึมลงด้วย ถ้ามีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม