การบำบัดด้วยแสง LED ผิวสวย แผลหายเร็ว ฟื้นฟูเซลล์ ลดบวมช้ำ!

What is LED

       แสง LED เป็นการบำบัดด้วยแสงที่จะช่วยปัญหาผิวหลายหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น การรักษาสิว ริ้วรอย ไปจนถึงลดการอักเสบ ซึ่งแสงชนิดนี้ก็จะมีด้วยกันหลายชนิด ทำให้มีประโยชน์และความเสี่ยงในการใช้งานที่แตกต่างกัน จะมีรายละเอียดยังไงบ้าง? มาดูกันเลยค่ะ

แสง LED คืออะไร?


      แสง LED (Light emitting diode) หรือ LED Light Therapy คือ วิธีดูแลผิวด้วยการใช้ความเข้มข้นของแสงในอัตราหนึ่ง ซึ่งจะสามารถปรับปรุงสภาพผิวได้แบบไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง ทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น มีทั้งแบบเครื่องมือทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับทำเองได้ที่บ้าน

 แสง LED บำบัด

ประเภทของแสง LED เพื่อการบำบัด


       มีด้วยกันทั้งหมด 5 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ แสงสีเหลือง, แสงสีน้ำเงิน, แสงสีแดง, แสงสีเขียว และแสง Near Infrared (NIR) ซึ่งจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้

LED therapy type

Blue Light (สีน้ำเงิน)

       สามารถให้พลังงานลึกถึงผิวชั้นหนังกำพร้า (ลึก 0.5-1 มิลลิเมตร) เหมาะกับการลดการอักเสบ ปลอบประโลมผิวที่อ่อนแอ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นซึ่งจะช่วยลดการทำงานของต่อมน้ำมันในผิว และฆ่าเชื้อแบคทีเรียอันตรายที่อยู่ตามผิวหนังได้ มักนำมาใช้เพื่อรักษาสิวเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็นำมาใช้เพื่อให้ผิวสะอาดและป้องกันการติดเชื้อได้

Green Light (สีเขียว)

       ให้พลังงานถึงชั้นหนังกำพร้าไปจนถึงชั้นหนังแท้ (ลึก 1-2 มิลลิเมตร) ถูกนำมาใช้เพื่อการลดเลือนริ้วรอยตามวัย เพราะแสงสีเขียวจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความเรียบเนียน ยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยปลอบประโลมผิว ปรับสีผิว ลดจุดด่างดำ ทำให้ผิวเปล่งปลั่งมากขึ้นด้วย

Yellow Light (สีเหลือง)

       ให้พลังงานลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (ลึก 2-4 มิลลิเมตร) มีจุดเด่นในการช่วยลดรอยดำรอยแดง มักถูกนำมาใช้ในการรักษาร่วมกับ LED สีแดงเพื่อลดเลือนริ้วรอยและอาการอักเสบ ทั้งนี้ แสงสีเหลืองยังช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เสริมการทำงานของระบบน้ำเหลือง รักษาผิวไหม้แดด-ผิวอักเสบโรซาเชีย และช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานินได้ด้วย

Red Light (สีแดง)

       ให้พลังงานลึกถึงชั้นหนังแท้ชั้นใน (ลึกสูงสุด 8-10 มิลลิเมตร) แสง LED สีแดงโดดเด่นในเรื่องของการลดการอักเสบของผิวโดยเฉพาะเลยค่ะ เพราะมีความยาวคลื่นมากที่สุด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี ช่วยสร้างอนุมูลอิสระและสารอาหารให้ผิว ช่วยลดรอยแดง อาการบวม รวมไปถึงเร่งให้การรักษาแผลหายเร็วขึ้น ช่วยลดริ้วรอย ทำให้ผิวดูเด็กลงได้

Near-Infrared (NIR : สีแดงเข้ม) 

       เป็นแสงที่สามารถเข้าถึงผิวได้ลึกที่สุด (เข้าถึงชั้นไขมันที่ 20-40 มิลลิเมตร) เน้นให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ให้มีประสิทธิภาพ กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic acid) เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ลดการอักเสบ อาการปวด ลดการผลิตเม็ดสี กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

ฉายแสง LED ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?


      แสง LED มีประโยชน์หลัก ๆ ในเรื่องของผิวค่ะ ส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้ในการบำบัดเพื่อความงาม ดูแลปัญหาผิวแบบต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งก็จะใช้บำบัดร่วมกับการรักษาผิวแบบอื่น ๆ เช่น การลงทรีทเมนต์ การนวด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งการฉายแสงจะนำมาช่วยรักษาอะไรได้บ้าง มาดูกันเลยค่ะ

 LED therapy benefits

ช่วยลดการอักเสบของผิว 

     LED เกือบทุกสี โดยเฉพาะสีแดง จะโดดเด่นในเรื่องลดการอักเสบของผิวได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ เพราะมันสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวของเรา ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ช่วยกระตุ้นการผลิตพลังงานของผิวและลด Oxidative Stress เพื่อให้ผิวผ่อนคลาย ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น (ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถรักษาผิวหนังอักเสบโรซาเชียและโรคกลากได้ด้วยค่ะ)

ช่วยรักษาสิวได้ในระดับหนึ่ง 

       เราสามารถนำ LED มาช่วยในการฆ่าเชื้อสิวได้ค่ะ โดยจะเข้าไปลดการทำงานของต่อมน้ำมันในผิว ทำให้ผิวผลิตน้ำมันได้น้อยลง ซึ่งน้ำมันนี้มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการอุดตันเป็นสิวจนกลายเป็นสิวอักเสบได้ ทำให้ช่วยลดต้นตอของสิวที่เกิดจากผิวมันได้

ช่วยรักษาโรคสะเก็ดเงิน 

       การบำบัดด้วยการฉายแสงสีแดงและสีน้ำเงินจะช่วยลดความรุนแรงของโรคสะเก็ดเงิน โดยการลดการอักเสบและรอยแดงค่ะ ทั้งยังช่วยลดการเกิดสิว รักษาผื่นแดง รอยแดง รวมทั้งฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งอาจทำให้ผิวติดเชื้อได้ ซึ่งความอ่อนโยนของแสง LED เหมาะกับคนที่รู้สึกระคายเคืองผิวได้ง่ายอย่างโรคสะเก็ดเงินด้วยค่ะ

ช่วยรักษามะเร็งผิวหนัง 

       เราอาจจะเคยได้ยินบ่อย ๆ เกี่ยวกับการฉายแสงรักษามะเร็ง โดยจะใช้แสงสีน้ำเงินเป็นหลัก ซึ่งมันสามารถช่วยได้จริงค่ะ โดยจะเข้าไปจับกับเซลล์ที่ผิดปกติ ทำให้เซลล์นั้นขยายตัวออกจากกันจนเสียไป เรียกว่าเป็นการฆ่าเซลล์มะเร็งที่ผิวหนังโดยตรงเลยค่ะ

ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด 

       หากเราอยู่กลางแสงแดดนานเกินไปโดยไม่มีตัวป้องกัน ผิวของเราจะถูกทำร้ายจนเกิดผิวไหม้ ผิวเบิร์น หรือมีการอักเสบ มีผดผื่น ซึ่งคุณสมบัติของแสงสีแดงหรือสีเหลืองในการรักษาอาการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือกระตุ้นการไหลเวียนเลือดจะช่วยให้ผิวไหม้แดดของเรากลับมาสุขภาพดีเหมือนเดิมได้

ช่วยลดรอยแผลเป็น ช่วยสมานแผล 

       การสมานตัวของรอยแผลเป็นนั้นต้องการคอลลาเจนอย่างมากค่ะ จึงเน้นใช้แสงสีแดงเป็นหลัก ซึ่งเมื่อเราฉายแสงกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ก็จะช่วยให้เซลล์ผิวสามารถซ่อมแซมตัวเองได้เร็ว แผลก็จะหายไว แถมได้ผิวสวยขึ้นด้วย

ช่วยลดฝ้า กระ

       ฝ้าหรือกระเกิดจากเม็ดสีมีปริมาณที่ผิดปกติจนทำให้สีผิวเปลี่ยนไปเป็นจุด ๆ ค่ะ ซึ่งคุณสมบัติที่ช่วยลดการอักเสบ ส่งเสริมการสร้างตัวใหม่ของคอลลาเจน จะเข้าไปช่วยผิวที่เป็นฝ้า กระ โดยเฉพาะฝ้าแดด สุขภาพดีขึ้นได้ มักจะใช้แสงสีแดงเป็นหลักค่ะ

ช่วยลดริ้วรอย

       เมื่อเราฉาย LED สีเขียว สีแดง หรือ Near-infrared ไปที่ผิวเป็นสิว จะทำให้เซลล์ผิวไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีไว้สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ถูกกระตุ้นการทำงาน เมื่อไฟโบรบลาสต์ทำการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ผิวของเราก็จะนุ่ม เนียน ยืดหยุ่น จนริ้วรอยแลดูจางลงค่ะ

ช่วยลดอาการผมร่วงง่าย 

       มักใช้แสงสีแดงช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยการส่งพลังงานเข้าไปในชั้นผิวหนังเพื่อสร้าง ATP (Adenosine Triphosphate) ซึ่งเป็นตัวที่จะช่วยสร้างพลังงานระดับเซลล์ ทำให้เซลล์กำเนิดเส้นผมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผมแข็งแรง ร่วงน้อยลง

ความเสี่ยงในการใช้แสง LED บำบัด


       เดิมทีแล้วการฉายแสง LED เพื่อรักษาปัญหาผิวนั้นไม่ได้มีอันตรายค่ะ ยกเว้นการฉายแสงเพื่อรักษาโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งที่เกิดกับอวัยวะภายใน ซึ่งอาจจะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างพังผืดขึ้นมาบริเวณที่ฉายแสงได้ แต่อย่างไรก็ตาม การฉายแสงก็มีความเสี่ยงในการใช้งานอยู่ค่ะ

อย่างแรกคือการซื้อเครื่อง LED มาใช้เองที่บ้านค่ะ สิ่งที่อันตรายก็คือเราไม่อาจตรวจสอบได้ลึกขนาดนั้นว่าเครื่องที่เราซื้อมามีคุณภาพหรือไม่ น่าเชื่อถือแค่ไหน เป็นเครื่องที่ได้มาตรฐานหรือเปล่า เพราะปัจจุบันนี้ มิจฉาชีพค่อนข้างเยอะมาก ๆ ค่ะ การรู้เท่าทันเกี่ยวกับการเสริมความงามจึงสำคัญมาก

นอกจากเครื่องมือแล้ว การฉายแสงในบางครั้งก็จะมีการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ร่วมด้วย ซึ่งตัวยาเหล่านั้นอาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้ในคนบางกลุ่ม ก่อนจะไปฉายแสง LED ที่คลินิกหรือทำเอง ก็ควรจะรู้รายละเอียดการแพ้สาร หรือทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ด้วย

การฉายแสงนั้นสามารถทำร้ายดวงตาของเราได้เหมือนการยิงเลเซอร์หรือฉายรังสี เพราะฉะนั้น เวลาเราไปฉายแสง ที่คลินิกก็ควรจะเตรียมอุปกรณ์หรือวิธีป้องกันดวงตาของเราด้วย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการฉายแสงเพื่อรักษาผิว

การจะเลือกฉายแสงจึงต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับผลข้างเคียง ประเภท และผลลัพธืให้ดีค่ะ รวมไปถึงการตรวจสอบเกรดของอุปกรณ์หรือเครื่อง เพื่อให้มีความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่มีปัญหาในภายหลัง

บริการ After Care ‘ฉายแสง LED ลดบวม’ หลังดูดไขมันกับเอมาร่า


       ในวงการดูดไขมัน มักจะนำการฉายแสง LED เข้ามาใช้เพื่อบรรเทาอาการหลังดูดไขมันค่ะ เนื่องจากหลังดูดไขมัน ผิวบริเวณนั้น ๆ จะมีอาการบวม แดง หรือมีรอยแผลเป็นจากการเปิดแผลดูดไขมันด้วย ซึ่งก็สามารถหายเองได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่การฉายแสงจะช่วยเร่งให้หายเร็วขึ้น

ผลข้างเคียงหลังดูดไขมันเหล่านี้ ไม่ควรรักษาด้วยวิธีที่ทำให้ผิวระคายเคืองค่ะ เพราะใต้ผิวกำลังมีการอักเสบจากการเสียดสีระหว่างดูดไขมัน การบำบัดด้วยแสงจึงเหมาะกับการดูดไขมัน เพราะรุกรานผิวน้อยกว่า ไม่ทำให้อักเสบหรือช้ำมากกว่าเดิม กลับกัน ยังทำให้ผิวดูดีขึ้นด้วย

เอมาร่าจึงเลือกนำเอาเครื่อง LED เข้ามาเป็นหนึ่งในบริการ After Care หลังดูดไขมันและศัลยกรรม เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้รับความสะดวกสบายในการดูดไขมันและทำศัลยกรรมมากขึ้น หลายคนมักจะกังวลว่าดูดไขมันหรือทำศัลยกรรมแล้วต้องพักฟื้นนาน ไม่มีเวลาขนาดนั้น เครื่อง LED จะช่วยตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ไม่ต้องรอให้หายเองเป็นปี ๆ

นอกจากนี้ หากหนุ่ม ๆ สาว ๆ ยังมีความกังวลเรื่องเวลาอยู่ ส่วนตัวหมอแนะนำให้เลือกเครื่องดูดไขมันที่ไม่ทำให้ผิวเกิดความร้อนค่ะ อย่างเจ้าตัว Body-Jet ที่ใช้พลังน้ำในการสลายไขมัน จะไม่ทำให้ผิวอักเสบเท่าเครื่องที่ใช้พลังงานความร้อน จะทำให้พักฟื้นน้อยกว่า เข้าที่เร็ว และไม่เจ็บมาก กลับไปทำงานต่อได้สบายขึ้น

ส่วนการศัลยกรรม หมอแนะนำให้เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์หลากหลายค่ะ เพราะการเจอเคสที่แตกต่างกันมาหลายเคส จะทำให้แพทย์วิเคราะห์ทางเลือกในการศัลยกรรมที่เหมาะสมที่สุดได้ และความเชี่ยวชาญของแพทย์หมายถึงการมีเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยให้การผ่าตัดทำศัลยกรรมทำร้ายผิวน้อยที่สุดนั่นเอง

ทั้งนี้ เครื่องฉายแสงที่เอมาร่า ยังสามารถปรับเปลี่ยนประเภทแสงได้ ทำให้แพทย์สามารถเลือกใช้แสงแต่ละประเภทให้เหมาะกับปัญหาผิวของผู้เข้ารับบริการ โดยหลัก ๆ จะใช้แสงสีแดงที่มีความยาวคลื่นสูง เน้นรักษาอาการอักเสบ ร่วมกับการใช้แสงชนิดอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

แสง LED

ต้องการปรึกษาแพทย์ฟรี!

SCan OR Code เพื่อแอดไลน์ หรือ

062 - 789 -1999

สาขา รัชโยธิน กด 1
สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

FAQs

A : โดยทั่วไป จะต้องฉายแสงประมาณ 10-20 นาทีต่อครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ ระมัดระวังการฉายแสงนานเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผิวระคายเคืองได้

A : ประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ติดต่อกัน 4-5 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย จะทำให้เห็นผลดีที่สุดค่ะ ทั้งนี้ ก็ไม่ควรฉายแสงบ่อยเกินไป ไม่ควรทำทุกวัน เพราะอาจจะทำให้ผิวและดวงตาได้รับอันตรายได้

A : ต่างกันในแง่ของคุณภาพและความปลอดภัยค่ะ การฉายแสงที่คลินิกมีโอกาสที่จะได้เครื่องที่มีมาตรฐานมากกว่า ทั้งยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ซึ่งจะทำให้ปลอดภัยกว่าด้วย

A : ผลข้างเคียงของการฉายแสง LED คืออาจจะรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณที่ฉายแสง ซึ่งเป็นอาการปกติ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บปวด แสบร้อน มีรอยแดงหรืออักเสบกว่าเดิม มีผื่นเหมือนเป็นลมพิษ อาจจะเกิดจากการตั้งค่าแสงที่แรงเกินไปค่ะ

A : สามารถสลายไขมันได้เล็กน้อยค่ะ แต่จะต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงมากและอาจต้องทำหลายครั้ง ซึ่งผลลัพธ์จะค่อนข้างไม่แน่นอน จึงไม่เหมาะกับการนำมาสลายไขมันเป็นหลัก แนะนำการดูดไขมันหน้าท้องจะตรงจุดกว่าค่ะ

A : จริง ๆ เราสามารถปล่อยให้อาการหลังดูดไขมันหายเองได้ค่ะ แต่จะใช้เวลานานกว่าปกติ การฉายแสง LED จะช่วยลดระยะเวลาพักฟื้นเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องฉายแสงหลังดูดไขมันเสมอไป แต่หมอแนะนำให้ทำดีกว่า เพราะนอกจากจะลดเวลาพักฟื้นแล้ว ยังช่วยทำให้ผิวดีขึ้นด้วยค่ะ

A : สามารถทำได้ทุกคน ยกเว้นคนที่กำลังเป็นโรคมะเร็งหรือเคยมีประวัติเป็นมะเร็งมาก่อน เพราะอาจจะทำให้เซลล์มะเร็งโตมากขึ้นได้ รวมไปถึงคนที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา เช่น ต้อ เบาหวานขึ้นตา จะต้องขอคำปรึกษาจากจักษุแพทย์ก่อนทำค่ะ

A : หลังดูดไขมันที่เอมาร่า มี After Care หลายตัวเพื่อช่วยดูแลรูปร่างของผู้เข้ารับบริการหลังดูดไขมันเลยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น การนวดผิวด้วย Venus Legacy จะช่วยให้ยุบบวมเร็วขึ้น ได้หุ่นและผิวสวยเหมือนกันค่ะ

สรุป


      แสง LED คือ แสงชนิดหนึ่งที่มีความเข้มสูง ซึ่งแต่ละสีจะให้ผลที่แตกต่างกัน เช่น สีแดง-ลดการอักเสบ สีฟ้า-ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น สามารถทำทั้งที่คลินิกและทำได้เองที่บ้าน แต่จะต้องระวังความเสี่ยงในการใช้อุปกรณ์ที่อาจไม่ได้คุณภาพ โดยเฉพาะการฉายแสงหลังดูดไขมันหรือทำศัยกรรม เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองกว่าเดิมจนหายช้าได้ค่ะ

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!

ลงทะเบียน คลิกที่นี่

สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย : https://lin.ee/801MUsB

ติดต่อเบอร์โทร : 

062-789-1999

⇒ สาขา รัชโยธิน กด 1
⇒ สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)

KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!