‘สเต็มเซลล์’ คืออะไร? ประโยชน์เยอะจริงหรือเปล่า?

stem cells ปก

       สเต็มเซลล์ คือประเภทเซลล์ชนิดหนึ่งที่มักจะถูกนำมาใช้ในวงการเวชศาสตร์ฟื้นฟูอย่างหลากหลาย เนื่องจากสเต็มเซลล์สามารถซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อที่เสียหายไปขึ้นมาใหม่ได้ ทำให้การฉีดสเต็มเซลล์ได้รับความนิยมทั้งเพื่อรักษาโรคและความงาม

ดังนั้นในบทความนี้ หมอไอซ์ AMARA Liposuction Center จะพามาทำความรู้จักกันว่า สเต็มเซลล์คืออะไร? ทำไมมันถึงเป็นวิธีรักษาและฟื้นฟูร่างกายที่น่าสนใจขนาดนั้น มาดูไปพร้อม ๆ กันเลยครับ

สเต็มเซลล์ คืออะไร?

สเต็มเซลล์คืออะไร

       สเต็มเซลล์ (Stem cells) คือ เซลล์พื้นฐานของร่างกายทุก ๆ ส่วน ตั้งแต่อวัยวะ เนื้อเยื่อ และเซลล์ขนาดเล็กที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งแปลว่าเจ้าสเต็มเซลล์นี้ไม่ได้มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด อีกชื่อหนึ่งของสเต็มเซลล์ คือ ‘เซลล์ต้นเนิด’ อันมาจากการที่สเต็มเซลล์เป็นเพียงต้นกำเนิดที่สามารถเจริญไปเป็นเซลล์อื่น ๆ ได้

สเต็มเซลล์ คือเซลล์ที่สามารถเพิ่มจำนวนตัวเองได้ เมื่อสเต็มเซลล์เสียหายหรือตายไป ก็จะสร้างใหม่โดยการแบ่งเซลล์ออกมาเรื่อย ๆ และยังสามารถพัฒนาตัวเองไปเป็นเซลล์ต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ผิวหนัง เซลล์กระดูก เซลล์กระเพาะอาหาร เซลล์ตับ เซลล์ไขมัน เซลล์ประสาท หรือเซลล์เม็ดเลือด

สเต็มเซลล์ มาจากไหน?

       หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วสเต็มเซลล์มาจากไหน? คำตอบคือ มาจากตัวเรา จากผู้อื่น และจากสัตว์ครับ โดยทั้ง 3 ที่มาของสเต็มเซลล์นี้จะมีความแตกต่างกัน คือ

  • สเต็มเซลล์จากตัวเอง (Autograft) เป็นการคัดแยกสเต็มเซลล์จากเซลล์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายของตัวเราเอง และปลูกถ่ายในร่างกายตัวเอง 
  • สเต็มเซลล์จากผู้อื่น (Allograft) เป็นการคัดแยกสเต็มเซลล์จากเซลล์ของร่างกายผู้อื่น มักพบบ่อยจากการปลูกถ่ายอวัยวะ
  • สเต็มเซลล์จากสัตว์ (Xenograft) เป็นการคัดแยกสเต็มเซลล์จากสัตว์ ที่ใช้กันส่วนใหญ่คือ สเต็มเซลล์ปลาแซลมอน วัว หรือแพะ

       สเต็มเซลล์จากร่างกายของตัวเราเองนั้นมักจะได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นการสกัดเอาสเต็มเซลล์จากตัวเรามาปลูกถ่ายในตัวเรา โอกาสที่ระบบภูมิคุ้มกันจะปฏิเสธสเต็มเซลล์ตัวเองจึงมีน้อยจนถึงไม่แพ้เลย ซึ่งสเต็มเซลล์ที่มาจากร่างกายของตัวเราก็จะมีอยู่ด้วยกันเป็น 2 แหล่งที่มาของสเต็มเซลล์ คือ Embryonic stem cells และ Adult stem cells

  • Embryonic stem cells : เป็นสเต็มเซลล์ที่ได้จากตัวอ่อน มีหน้าที่ในการช่วยให้เอ็มบริโอเจริญเติบโตและพัฒนากลายเป็นเด็กทารกในครรภ์ สเต็มเซลล์ชนิดนี้สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่จำเพาะได้
  • Adult stem cells : เป็นเซลล์ต้นกำเนิดจากร่างกายส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์ พบได้ทั้งในวัยแรกเกิด เด็ก หรือผู้ใหญ่ สามารถพัฒนาตัวเองไปเป็นเซลล์ชนิดอื่น ๆ ได้เช่นกัน 

       อย่างไรก็ตาม การเก็บสเต็มเซลล์มาใช้งาน ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ ‘Adult stem cells’ มากกว่าครับ เพราะมันเป็นสเต็มเซลล์ที่ถูกนำมาใช้ได้ง่าย เพราะมีอยู่ในหลายส่วนของร่างกาย เก็บสเต็มเซลล์นี้ได้จากทั้งรก ไขกระดูก สมอง ผิวหนัง หรือเนื้อเยื่อไขมัน

       ในขณะเดียวกัน การเก็บสเต็มเซลล์ Embryonic stem cells นั้นจะต้องเก็บจากตัวอ่อนหรือเอ็มบริโอในครรภ์ระยะแรกที่ยังไม่ได้เจริญเป็นทารก ซึ่งจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยมหิดลอธิบายว่า ตัวอ่อนที่จะนำมาใช้ ต้องผ่านการอนุญาตจากสำนักงานจริยธรรมของสถาบัน ต้องได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ที่บริจาคตัวอ่อนให้ และส่วนใหญ่จะต้องเก็บจากตัวอ่อนที่มีโครโมโซมผิดปกติ (หากปล่อยให้เติบโต มีโอกาสพิการสูง) เพื่อความเป็นธรรม

ประเภทของสเต็มเซลล์จากร่างกายตัวเอง


       ประเภทที่แตกต่างกันของสเต็มเซลล์ คือสิ่งที่ช่วยให้เราระบุความสามารถในการพัฒนาตัวเองของสเต็มเซลล์นั้น ๆ รวมไปถึงแหล่งที่มาของสเต็มเซลล์ในร่างกายมนุษย์ได้ด้วย ในที่นี้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

Adult stem cells เป็นสเต็มเซลล์ที่สามารถพบในร่างกายหลายส่วนและพบได้ในทุกช่วงอายุ เช่น รก ไขกระดูก กล้ามเนื้อ สมอง ผิวหนัง ลำไส้ หรือเนื้อเยื่อไขมัน มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย และรักษาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ โดยจะแยกย่อยออกเป็นอีก 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  • Hematopoietic stem cells (HSCs) คือเซลล์ต้นกำเนิดที่สามารถพัฒนาเป็นเซลล์อื่น ๆ ในเม็ดเลือดได้ เช่น เซลล์เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว หรือเกร็ดเลือด มักใช้ในการรักษาโรคเกี่ยวกับเลือดและไขกระดูกเท่านั้น
  • Mesenchymal stem cells (MSCs) คือเซลล์ต้นกำเนิดที่สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้หลายชนิด มีอยู่ในไขกระดูก รก และเนื้อเยื่อไขมัน

สเต็มเซลล์ Mesenchymal

       ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้วสเต็มเซลล์ที่ถูกนำมาใช้กันบ่อยที่สุด คือ สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมัน เนื่องจากสามารถจัดเก็บได้ง่ายโดยการดูดไขมันและสามารถนำมาสกัดให้ได้สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดภายในระยะเวลาอันสั้น ทำทั้งสองอย่างได้ภายในการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว สามารถรักษาปัญหาต่าง ๆ ได้หลากหลาย เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า SVF (Stromal Vascular Fraction)

SVF เป็นหนึ่งในเซลล์ต้นกำเนิดชนิด Mesenchymal stem cells ซึ่งมีคุณสมบัติในการสร้างเส้นเลือดให้แข็งแรงและมีปริมาณมาก ดังนั้น ในด้านสเต็มเซลล์กับความงาม SVF จึงเป็นทางเลือกเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อหรือเซลล์ที่เสียหาย (ซึ่งก็ครอบคลุมปัญหาหลายอย่างอยู่แล้ว) หรือบางกรณีก็สามารถนำไปฉีดร่วมกับการเติมไขมัน เพื่อให้มีโอกาสติดมากขึ้นก็ได้เช่นกัน

สเต็มเซลล์รักษาโรคอะไรได้บ้าง?


      เซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ คือเซลล์ที่มีความสามารถหลากหลายมาก ๆ ครับ ด้วยคุณสมบัติในการพัฒนาไปเป็นเซลล์อื่น ๆ ได้ ทำให้ถูกนำมารักษาโรคต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น

  • รักษาโรคอะไมลอยด์โดสิส (Amyloidosis)
  • รักษาโรคไขข้ออักเสบ รูมาตอยด์ และข้อเข่าเสื่อม
  • รักษาเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • รักษาโรคทางระบบประสาท บำรุงประสาท
  • รักษาโรคไตวาย ลดโลหิตจาง
  • ใช้รักษามะเร็งหลายชนิด
  • รักษาภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ใช้รักษาโรคพันธุกรรมเมตาบอลิก (Inherited metabolic disorders)
  • ลดการอักเสบจากโรคในร่างกาย
  • รักษาปัญหาผิวหน้า เช่น หน้าหมองคล้ำ สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยแตกลาย

สเต็มเซลล์แบบกิน ต่างกับสเต็มเซลล์แบบฉีดไหม?

      ปัจจุบัน มักมีหลาย ๆ แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหรือยาสเต็มเซลล์ออกมาให้ลองกันเยอะมาก ๆ ครับ ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากกว่าสเต็มเซลล์แบบฉีดด้วย เพราะราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่า แต่รู้หรือเปล่าครับว่า ในปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานที่แน่ชัดและยืนยันได้เลยว่าสเต็มเซลล์ในรูปแบบยาหรืออาหารเสริมสามารถนำมารักษาโรคได้จริง ๆ เหมือนสเต็มเซลล์แบบฉีด ดังนั้น อย่าพึ่งตัดสินใจซื้อมากินดีกว่าครับ

อ้างอิงจาก หน่วยควบคุมดูแลการนำเข้าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สิงคโปร์ (HSA)

ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดสเต็มเซลล์จากไขมัน


       หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อาจจะสังเกตได้ว่า สเต็มเซลล์นั้นเต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมายต่อวงการแพทย์ และยังมีผลดีต่อการฉีดผิวเพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวโทรมได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หัตถการนี้ก็ยังมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ครับ

ข้อดีของการฉีดสเต็มเซลล์ไขมัน

  • โอกาสแพ้น้อย โดยเฉพาะสเต็มเซลล์จากที่มาร่างกายตัวเอง
  • มีเทคโนโลยีที่สามารถเก็บไว้ใช้งานได้ในภายหลัง โดยยังคงคุณสมบัติไว้เหมือนเดิม
  • ไม่ต้องเจ็บตัวบ่อย ๆ เพราะการดูดเพื่อเอาไขมันมาใช้หนึ่งครั้ง จะได้เซลล์ต้นกำเนิดปริมาณมากกว่าแหล่งอื่น ๆ

ข้อเสียของการฉีดสเต็มเซลล์ไขมัน

  • อาจรู้สึกเจ็บหรือมีอาการบวมระหว่างฉีด
  • ราคาค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับสเต็มเซลล์จากสัตว์
  • ความครอบคลุมของประกันชีวิตหรืออุบัติเหตุอาจไม่รับรอง หากเป็นการฉีดเพื่อความงามเท่านั้น

การปฏิบัติตัวในการฉีดสเต็มเซลล์ กับ AMARA

       AMARA Liposuction Center มีบริการฉีดสเต็มเซลล์จากไขมันสำหรับผู้ที่สนใจรักษาปัญหาผิวและรูปร่างครับ ทั้งนี้ การจะได้สเต็มเซลล์ไขมันมานั้นก็ต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง โดยเฉพาะการดูดไขมัน จึงต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้ารับบริการ ดังนี้

 การเตรียมตัวฉีดสเต็มเซลล์ AMARA

การเตรียมตัวก่อนฉีดสเต็มเซลล์

ศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงของการสเต็มเซลล์ เพื่อความเข้าใจที่ครบถ้วน

  • เตรียมข้อมูลและประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ที่จะฉีดให้
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ก่อนฉีดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  • งดยา วิตามิน และอาหารเสริมก่อนเข้ารับบริการ 2 สัปดาห์
  • เตรียมอุปกรณ์ สถานที่ และผู้ดูแลหลังผ่าตัด (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ข้อปฏิบัติตัวก่อนดูดไขมัน)
  • งดน้ำและอาหารก่อนวันที่ฉีดอย่างน้อย 8 ชั่วโมงขึ้นไป
  • งดทำหัตถการใด ๆ ก็ตามก่อนวันที่ฉีดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์

ข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์

  • ห้ามซื้อยามาทานเอง ทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • ห้ามสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (น้ำเปล่าดีที่สุด)
  • ห้ามออกกำลังกายหนัก งดกิจกรรมที่ใช้แรงมากช่วง 1-2 วันแรกหลังดูดไขมัน
  • หลีกเลี่ยงความร้อนไม่ให้ใกล้บริเวณที่ฉีดช่วง 3-4 วันหลังฉีด
  • ห้ามนวดบริเวณที่ฉีด ลดการสัมผัส กระแทก

เก็บสเต็มเซลล์จากไขมันกับ AMARA Liposuction Center


      การเก็บสเต็มเซลล์ไขมันที่ AMARA Liposuction Center จะมีขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเก็บเนื้อเยื่อไขมันเอาไว้ใช้ยามที่ผู้เข้ารับบริการต้องการ โดยไม่ทำให้เซลล์ไขมันเสียหาย และสามารถนำกลับมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่สูญเสียคุณภาพ

ขั้นตอนแรกในการเก็บสเต็มเซลล์ของเรา จะเริ่มจากการใช้เครื่องดูดไขมันที่ไม่ทำร้ายสเต็มเซลล์ คือ เครื่องดูดไขมัน Body-Jet ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความร้อน เนื้อเยื่อไขมันที่ได้จะยังมีชีวิตและได้คุณภาพมากพอที่จะนำไปสกัดสเต็มเซลล์

 สกัดสเต็มเซลล์ด้วย LipoCube SVF

      หากผู้เข้ารับบริการมีความประสงค์อยากฉีดสเต็มเซลล์ทันที หลังดูดไขมันจะทำการสกัดสเต็มเซลล์ผ่านอุปกรณ์ที่มีความละเอียดสูง และกระตุ้นให้เซลล์ต้นกำเนิด SVF ผลิตออกมามากที่สุดด้วย LipoCube SVF สามารถย่อยเซลล์ไขมันให้มีขนาดเล็กและคัดแยก SVF ออกมาได้ภายในไม่ถึงชั่วโมง

เก็บสเต็มเซลล์กับ Lipo Bank

      แต่สำหรับผู้ที่ต้องการดูดไขมันแล้วเก็บสเต็มเซลล์เอาไว้ใช้งานในภายหลัง เรามีธนาคารเก็บไขมันไว้ให้บริการ โดยจะบรรจุเนื้อเยื่อไขมันบริสุทธิ์ ปราศจากการปนเปื้อนของน้ำเลือดและยาชา เอาไว้ในบรรจุภัณฑ์ของ Lipo Bank ซึ่งทุกกระบวนการทำแบบระบบปิด เน้นความปลอดเชื้อ

      การเก็บสเต็มเซลล์กับ AMARA Liposuction Center สามารถจัดเก็บไว้ได้ยาวนานตลอด 1 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ดูดไขมัน เก็บสเต็มเซลล์ ณ อุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียสโดยไม่ใส่สารป้องกันความเย็น ทำให้ไม่มีสารปะปน ลดการเกิดผลข้างเคียงในภายหลังด้วยครับ

ต้องการปรึกษาแพทย์ฟรี!

SCan OR Code เพื่อแอดไลน์ หรือ

062 - 789 -1999

สาขา รัชโยธิน กด 1
สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

FAQs

       ปกติฉีดเพียง 1 ครั้งก็เห็นผลอย่างชัดเจนแล้วครับ เพราะสเต็มเซลล์ไม่ได้ต้องผ่านกระบวนการใด ๆ เหมือนการฉีดสารสังเคราะห์อื่น ๆ เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายได้ทันที แต่ถ้าปัญหาของเราอาการแย่มาก ๆ อาจจะต้องฉีดซ้ำ 2-3 ครั้งขึ้นไปครับ

       หลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์ในช่วง 3 สัปดาห์ขึ้นไปครับ เพราะเป็นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง เราฉีดเข้าไปเพื่อเพิ่มความสามารถในการซ่อมแซมเท่านั้น ไม่ได้เป็นการใช้สารเร่ง หรือสารอันตราย จึงต้องใช้เวลาแต่คุ้มค่าแน่นอนครับ!

       อยู่ได้นานอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไปจนถึงตลอดชีวิตเลยครับ เพราะสเต็มเซลล์เป็นเซลล์ที่มีชีวิตอยู่ได้ยาวนาน เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะสามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายอย่างต่อเนื่องได้ 1-2 ปี และเนื้อเยื่อที่ถูกซ่อมแซมแล้วจะคงสภาพถาวร แม้จะไม่ได้กลับมาฉีดซ้ำก็จะอยู่ในสภาพที่ฟื้นฟูแล้วเหมือนเดิมครับ

      ก่อนฉีดจะต้องมีการนำเซลล์ไขมันออกมาก่อน บวกกับต้องมีการเปิดใช้อุปกรณ์อย่าง LipoCube ซึ่งเป็นอุปกรณ์แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ราคาเริ่มต้นจึงอยู่ที่ 139,900 บาทครับ (เทียบราคาในต่างประเทศมีตั้งแต่ 150,000 – 1,800,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของสเต็มเซลล์ที่ใช้ กระบวนการ แหล่งที่มา และจุดประสงค์ที่จะใช้สเต็มเซลล์รักษาครับs)

       ไม่ได้มีเพดานอายุที่แน่นอนครับ ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายเรามีสุขภาพที่แข็งแรงพอหรือไม่ เพราะการเก็บสเต็มเซลล์บางชนิดมีกระบวนการไม่เหมือนกัน บางแบบต้องผ่านการผ่าตัด ซึ่งบางครั้งจะมีการใช้ยาชาหรือยาสลบร่วมด้วย ทางที่ดี ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจจะปลอดภัยที่สุดครับ

สรุป สเต็มเซลล์ ดีจริงไหม?


      สเต็มเซลล์ คือวิธีรักษาโรคและอาการต่าง ๆ หลากหลายชนิด ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยไปจนถึงโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง หรือโรคเกี่ยวกับสมอง อย่างไรก็ตาม การฉีดสเต็มเซลล์แต่ละชนิดก็เป็นแนวทางรักษาที่ได้ผลจริง มีประสิทธิภาพ และมีโอกาสแพ้น้อยจนถึงไม่มีเลย แต่ก็ต้องผ่านการพิจารณาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!

ลงทะเบียน คลิกที่นี่

สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย : https://lin.ee/801MUsB

ติดต่อเบอร์โทร : 

062-789-1999

⇒ สาขา รัชโยธิน กด 1
⇒ สาขา ราชพฤกษ์ กด 2

นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)

KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!