การฉีดไขมัน ปลูกถ่ายไขมัน หรือ Fat Grafting เป็นการปรับสัดส่วนที่มีการพัฒนามาอย่างยาวนานครับ แต่เนื่องจากการจะเติมไขมันได้นั้น เราจะต้องดูไขมันของตัวเองออกมาซะก่อน ทำให้บางเคสมีการตั้งข้อสงสัยว่าเราสามารถฉีดไขมันเทียมได้ไหม? มีไขมันเทียมให้ฉีดแทนไขมันตัวเองได้หรือเปล่า? วันนี้ หมอไอซ์จะพามาหาคำตอบกัน!
แท้จริงแล้ว การฉีดไขมันเทียม คืออะไรกันแน่?
หากจำกัดขอบเขตเฉพาะการฉีดไขมันเทียมสำหรับเสริมความงามแล้ว การฉีดไขมันเทียม คือเรื่องที่ยังไม่สามารถใช้ได้จริง ๆ อย่างแพร่หลายครับ แต่ถ้ามองในภาพวงกว้าง การฉีดไขมันเทียมนั้นเป็นที่แพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหารมากกว่าครับ
ยกตัวอย่างการฉีดไขมันเทียมในอาหารเช่น งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็เป็นการฉีดไขมันเทียมเข้าไปในเนื้อสัตว์ เพื่อจำลองไขมันที่แทรกอยู่ตามเนื้อ ซึ่งมันเป็นการทดลองใช้ไขมันเทียมเพื่อวงการอาหาร ไม่ได้ทดลองฉีดเพื่อปรับรูปร่างสัดส่วนในมนุษย์
หากถามว่าแล้วมันมีไขมันเทียมให้ฉีดในคนบ้างไหม? หมอต้องขอตอบว่าจริง ๆ ก็มีครับ แต่ยังไม่ค่อยนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเนื่องจากการฉีดไขมันเทียมที่ว่าเป็นการนำไขมันที่ได้รับบริจาคจากคนอื่น ทำให้เสี่ยงต่อการแพ้มากกว่าการเติมไขมันด้วยเซลล์ไขมันของตัวเอง
เทคโนโลยีไขมันเทียมที่เป็นที่นิยมในอเมริกาคือ Renuva ครับ จะเป็นการสกัดเอาสารตั้งต้นของไขมันได้แก่ คอลลาเจน, Growth factors และโปรตีนปลูกถ่ายเข้าไปในส่วนที่ต้องการ แล้วสารตั้งต้นนี้จะกระตุ้นในบริเวณที่ฉีดมีการเจริญเติบโตของไขมันขึ้นมาอีกที ใช้เวลาราว ๆ 3 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล ซึ่งจะสังเกตได้ว่ามันไม่ใช่เซลล์ไขมันเทียมจริง ๆ แต่เป็นการฉีดกระตุ้นการเจริญเติบโตของไขมันให้ร่างกายเรามากกว่า
ฉีดไขมันเทียม VS ฉีดไขมันตัวเอง แบบไหนดีกว่า?
หมอต้องขอตอบว่าในแง่ของความงามเช่นการเติมไขมันหน้า การใช้ไขมันตัวเองย่อมดีกว่าการใช้ไขมันจากแหล่งที่มาอื่นอย่างแน่นอนครับ เพราะการฉีดไขมันเทียมเมื่อเทียบกับการฉีดไขมันตัวเองแล้วยังมีข้อแตกต่างอยู่มาก ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ที่ต้องการฉีดด้วย อยากได้แบบไหน? ชอบอะไร? รวมไปถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่จะทำการฉีดไขมันให้ด้วย ยกตัวอย่างคร่าว ๆ เช่น
- ความปลอดภัยของการใช้งาน แน่นอนว่าต้องเป็นอันดับแรกที่เราให้ความสำคัญ สำหรับการฉีดไขมันเทียมนั้น จะต้องพิจารณาเรื่องความเสี่ยงในการแพ้ไขมันเทียมนั้น ๆ เหมือนการฉีดฟิลเลอร์เลยครับ เพราะมันไม่ได้สกัดมาจากเซลล์ไขมันของเราเหมือนการฉีดไขมันตัวเอง
- ผลลัพธ์หลังทำ ทั้งการฉีดไขมันเทียมและการฉีดไขมันตัวเองนั้นมีจุดประสงค์ที่เหมือนกันคือ เพื่อปรับสัดส่วนหรือเติมเต็มรูปร่างตามที่ต้องการครับ ดังนั้นจึงไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ครับว่าหลังฉีดไขมันเทียมแล้วจะเห็นผลดีได้จริง ๆ
- ขั้นตอนการทำ ปัจจัยนี้เป็นส่วนสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับการฉีดไขมันทั้งสองวิธีเลยครับ โดยการฉีดไขมันตัวเองจะต้องมีการดูดไขมันส่วนอื่นของร่างกายออกมาก่อน แต่การฉีดไขมันเทียมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เรียกว่าเหมาะกับคนที่ไม่อยากเจ็บตัวแต่ก็มีความเสี่ยงไม่น้อยเลยครับ
ทั้งนี้ หมอแนะนำว่าหากเรามีความกังวลเรื่องอาการแพ้อย่างมาก ก็ควรเลือกฉีดไขมันตัวเองจะดีกว่าครับ เพราะการฉีดไขมันเทียมโอกาสแพ้ค่อนข้างสูง ทั้งยังไม่อาจทราบได้ว่าไขมันเทียมที่ฉีดเข้าไปนั้นจะสามารถเจริญเป็นไขมันจริง ๆ ของเราเองได้ขนาดไหน ในขณะที่การฉีดไขมันตัวเอง แพทย์สามารถกำหนดรูปร่างหรือรูปหน้าหลังฉีดได้ง่ายกว่า เห็นผลและเห็นภาพชัดเจนกว่าด้วย
การฉีดไขมันเทียมที่สลายได้เอง คืออะไร?
หลายคนอาจจะเคยเจอว่ามันมีไขมันเทียมที่สลายเองได้ หมอต้องเท้าความก่อนว่าการเติมเต็มเพื่อปรับรูปหน้านั้นไม่ได้มีแค่ไขมันตัวเองหรือไขมันเทียมเพียงอย่างเดียวครับ แต่ยังมี ‘ฟิลเลอร์’ นวัตกรรมอีกตัวที่นิยมนำมาใช้กัน ซึ่งมันก็เข้าข่ายคุณสมบัติที่ว่าสามารถสลายไปเองได้ เพราะฟิลเลอร์จะสลายตัวเองภายในไม่กี่เดือนนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดความเข้าใจผิดว่าในปัจจุบันนั้นมีไขมันเทียมหรือไขมันสังเคราะห์ให้ฉีดกันบ่อย ๆ ทั้งที่ความเป็นจริงมันคือฟิลเลอร์ ซึ่งมันก็ไม่เหมือนไขมันเทียมแบบที่หมอพูดถึงข้างต้น ต่างกันตั้งแต่กระบวนการทำงานเลยครับ
เซลล์ไขมันเองสามารถสลายได้ก็จริง แต่จะหายไปเพียงส่วนหนึ่งจากไขมันที่เติมไปทั้งหมด เพราะเซลล์ไขมันส่วนหนึ่งถูกดูดซึมกลับเข้าร่างกาย ไม่ได้เป็นสารเติมเต็มที่สังเคราะห์ขึ้นมาเหมือนฟิลเลอร์ที่จะสลายไปตามกาลเวลา จึงอาจทำให้มีการบิดเบือนความเข้าใจกันได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์นั้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ไม่อยากดูดไขมันครับ แต่จะมีข้อควรระวังเช่นกันคือ เวลาฉีดเข้าไปก็มีโอกาสที่จะแพ้ได้สูง และฟิลเลอร์ปลอมค่อนข้างเกลื่อนตลาด จึงต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ให้ดีครับ
ฉีดไขมันตัวเองดีกว่าการฉีดไขมันเทียมอย่างไร?
การฉีดไขมันด้วยไขมันตัวเอง เป็นการนำไขมันส่วนหนึ่งของร่างกายมาใช้ ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับอาการแพ้ได้ หลังเติมจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เพราะเป็นไขมันจากตัวเราเอง ส่งผลให้ไขมันนั้น ๆ อยู่ได้นานหลายปี สามารถเติมได้ในปริมาณมาก ช่วยฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ของผิว ให้ผิวกลับมาเต่งตึง กระจ่างใส ดูเด็กลง นอกจากนี้ยังช่วยปรับสัดส่วน สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนสัดส่วนและนำไขมันที่ดูดออกมาใช้ประโยชน์อีกต่อ เป็นการตัดสินใจที่คุ้ม 2 ต่อเลยก็ว่าได้ครับ
สรุป
ไม่ว่าจะเลือกการฉีดไขมันเทียมหรือฉีดไขมันตัวเอง คำตอบว่าฉีดอะไรถึงจะดีกว่า ก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของเรา ซึ่งต้องพิจารณาร่วมกับการประเมินของแพทย์ด้วยครับ หากต้องการฉีดไขมันจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์หลากหลาย เพื่อที่จะได้ฉีดไขมันกันอย่างปลอดภัยและตรงตามความต้องการของเราด้วยครับ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic
KOL Trainer
แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet
นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)
