อยากหุ่นดีขึ้นควรเริ่มต้นอย่างไรดี

“การมีรูปร่างที่ดี” ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย ซึ่งหลาย ๆ คนอาจเคยลองลดน้ำหนัก หรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อให้ได้รูปร่างที่ดีขึ้น แต่กลับพบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาซะเลย การเริ่มต้นดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม จัดเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้ 

AMARA เรามี 10 แนวทางการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง เพื่อให้มีหุ่นดีได้อย่างยั่งยืนมาฝากกัน เรามาเริ่มต้นการเดินทางเพื่อหุ่นที่ดีขึ้นไปพร้อม ๆ กันได้เลย

10 วิธีเปลี่ยนแปลงหุ่นดีขึ้น หุ่นเป๊ะ พร้อมสุขภาพดี

การมีหุ่นดี และสุขภาพที่ดี เป็นเป้าหมายสำคัญของหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเพื่อเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง หรือเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน แต่การจะหุ่นดีได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความพยายามและการวางแผนที่ดีในการดูแลสุขภาพ  โดยมีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณได้ ดังนี้

1. อย่าอดอาหาร

การอดอาหาร เป็นวิธีลดหุ่นที่ไม่ยั่งยืนเอาซะเลย ทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดเก็บสะสมพลังงานมากขึ้น ส่งผลให้อ้วนง่ายขึ้น ลดน้ำหนักยากขึ้น และเสี่ยงต่อการที่น้ำหนักตัวกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นอีกด้วย  ดังนั้นการรับประทานอาหารที่สมดุลและเพียงพอ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการมีหุ่นดีอย่างยั่งยืนนั่นเอง 

2. รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ

การรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ โดยเฉพาะอาหารเช้า มีความสำคัญต่อการเริ่มต้นวันอย่างสดใส อีกทั้งอาหารเช้ายังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย และให้พลังงานที่จำเป็นในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน ซึ่งหากอดอาหาร ก็อาจทำให้คุณหิวมากขึ้นและนำไปสู่การกินในปริมาณที่เยอะมากเกินในมื้อถัดไปแทนได้

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำ เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการรักษาสุขภาพและช่วยในการลดน้ำหนัก เพราะน้ำช่วยจะให้อิ่มเร็ว กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญและส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร อีกทั้งยังช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วต่อวันหรือมากกว่านั้น หากต้องทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานและเสียเหงื่อมาก ๆ

4. รับประทานอาหารอย่างมีสติ

การรับประทานอาหารอย่างมีสติ คือ การใส่ใจในสิ่งที่เรากินและการเคี้ยวอาหารอย่างละเอียด ทำให้เราได้รับประทานอาหารในปริมาณที่พอดี รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และมีหุ่นดีที่ดีได้ ทั้งนี้คุณควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารในขณะทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูโทรทัศน์หรือใช้โทรศัพท์ เพราะจะทำให้เราไม่สามารถควบคุมปริมาณการกินได้ และอาจกินมากไปแบบไม่รู้ตัว  

5. เน้นอาหารที่มีกากใยอาหารสัดส่วนเพิ่มขึ้น

การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และถั่ว สิ่งนี้จะมีประโยชน์ต่อการย่อยอาหาร และการควบคุมน้ำหนัก ที่สำคัญสามารถช่วยลดไขมัน หน้าท้องได้เพราะกากใยจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหาร และช่วยปรับสมดุลในการขับถ่ายให้เป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน พร้อมลดการสะสมไขมันได้ด้วยนั่นเอง

6. รับประทานอาหารที่มีพลังงานต่ำ

การเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำ เช่น ผักสด ผลไม้ และโปรตีนไม่ติดมัน จะช่วยลดปริมาณแคลอรีที่บริโภคต่อวันได้โดยไม่ต้องอดอาหาร โดยเน้นหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน และอาหารจานด่วน เพราะนั่นจะยิ่งทำให้คุณน้ำหนักเพิ่มง่ายขึ้นจากไขมันส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น หากคุณไม่มั่นใจว่าอาหารชนิดไหนมีพลังงานมากน้อยเท่าไหร่ ก็สามารถเช็กได้ง่าย ๆ บน google หรือโหลดแอปนับแคลอรีมาเป็นตัวช่วยได้เลย

7. หลีกเลี่ยงอาหารขยะ

การเลี่ยงทานอาหารขยะถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีหุ่นดีเช่นกัน โดยควรเลี่ยงการทานอาหารฟาสต์ฟูด อย่างมันฝรั่งทอด  อาหารจานด่วนที่มีแคลอรีสูง รวมทั้งขนมหวาน และขนมกรุบกรอบ ซึ่งมีค่าน้ำตาลและไขมันสูง จะช่วยลดปริมาณแคลอรีที่บริโภคต่อวันได้ และช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้านอีกด้วย เพราะฉะนั้นใครที่ชอบทานอาหารขยะเป็นประจำ ก็คงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินกันใหม่แล้วล่ะ

8. ควบคุมน้ำตาล

การควบคุมน้ำตาลในอาหารเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากน้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานที่ให้แคลอรีสูงแต่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปสามารถทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ ดังนั้นจึงควรเลือกบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลจากธรรมชาติ ที่ไม่หวานมากจนเกินไป อย่างเช่น การทานผลไม้ แทนการบริโภคขนมหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เป็นต้น   

9. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้มีหุ่นดีและสุขภาพที่แข็งแรง เพราะจะช่วยเผาผลาญพลังงาน เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นจึงควรออกกำลังกายในแบบที่คุณชอบอย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือการฝึกโยคะ โดยควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 5 วัน ครั้งละประมาณ 30 นาทีขึ้นไป ถึงจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและสร้างกล้ามเนื้อที่เป็นเตาเผาพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ มีความสำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกายและการเผาผลาญพลังงาน หากนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็มักจะทำให้ร่างกายเครียด และกระตุ้นระดับความอยากอาหารให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ดังนั้นจึงควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ