สายหวานต้องรู้ น้ำอัดลม กี่แคล? กินเยอะเสี่ยงโรคอะไรบ้าง!

ชอบกินของหวาน ขาดน้ำอัดลมไม่ได้! ปัญหานี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่พบได้อย่างทั่วไปในปัจจุบันเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนวัยไหนก็ต่างติดการกินน้ำอัดลมเป็นชีวิตจิตใจ แต่รู้ไหมคะว่าในน้ำอัดลมที่เรากินไปแต่ละวันประกอบไปด้วยอะไรบ้างแล้ว น้ำอัดลม กี่แคลอรี่? กินเยอะเสี่ยงโรคอะไรบ้าง และน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลที่เคลมว่าดีต่อสุขภาพ แท้จริงแล้วอันตรายแค่ไหน วันนี้หมอมะปรางอยากชวนทุกคนมาสำรวจเรื่องนี้กันอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจดื่มน้ำอัดลมในทุก ๆ ครั้ง 

แน่นอนว่าอากาสร้อน ๆ แบบไทยเรานั่น การได้ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ชื่นใจอย่าง “น้ำอัดลม” ย่อมทำให้ร่างกายมีแรงและรู้สึกสดชื่นขึ้น คนไทยเราจึงเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเป็นทั้งโรคอ้วนและโรคเบาหวานมากกว่าใคร เพราะว่าในน้ำอัดลมมีส่วนผสมสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคได้ (หากดื่มเป็นปริมาณมากติดต่อกันนานหลายปี) ซึ่งในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง/ขวด มีส่วนผสมที่สำคัญอยู่ 5 อย่างด้วยกันค่ะ

1. 1. น้ำ (Water) น้ำถือเป็นสำคัญในการทำเครื่องดื่มและเป็นส่วนผสมที่มีสัดส่วนเยอะที่สุด
   2. น้ำตาล (Sugar) ในเครื่องดื่มน้ำอัดลมมีน้ำตาลสูงถึง 7-10 ช้อนชา ซึ่งถือเป็นปริมาณน้ำตาลที่เยอะกว่าเกณฑ์ที่ร่างกายต้องการต่อวัน 
   3. กรดคาร์บอนิก (Carbonic acid) เป็นกรดที่ช่วยในเรื่องของความซ่า นอกจากจะเติมความสดชื่นให้กับเครื่องดื่มประเภทนี้แล้ว กรดคาร์บอนิกยังถือว่าเป็นกรดที่มีความอันตรายต่อสุขภาพ หากได้รับเข้าไปเป็นปริมาณมาก ซึ่งกรดชนิดนี้จะทำให้เกิดปัญหาฟันผุ ปวดเข่า และกระดูกเสื่อม 
   4. คาเฟอีน (Caffeine) พบในน้ำอัดลมรสโคล่ามากกว่าน้ำอัดลมที่ไม่ใช่โคล่า ซึ่งสารชนิดนี้มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว เกิดภาวะใจสั่น และมีผลกระทบต่อการนอนหลับ ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการเผาผลาญของร่างกายได้
   5. วัตถุกันเสีย (Preservatives) หรือที่เรารู้จักในชื่อสารกันบูด แม้ว่าจะสารชนิดนี้จะดีต่อการเก็บรักษาคุณภาพของอาหาร แต่ว่าหารร่างกายได้รับมากเกินไป จะทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ในอนาคต

นอกจากส่วนผสมที่ทั้ง 5 อย่างนี้แล้ว ในน้ำอัดลมยังพบสารอีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น สารเคมีสังเคราะห์ ที่ใช้ในการแต่งกลิ่น สี และรส ซึ่งในน้ำอัดลมแต่ละสีแต่ละยี่ห้อก็มีสัดส่วนของส่วนผสมนี้แตกต่างกันไป

ในบรรดาเครื่องดื่ม “น้ำอัดลม (soft drink)” จัดว่าเป็นอาหารกลุ่มที่ไม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายและมีปริมาณแคลอรี่และน้ำตาลที่สูงมาก การดื่มน้ำอัดลม 500 ml. จะได้รับแคลอรี่สูงถึง 250 kcal. และปริมาณน้ำตาลที่มากถึง 48 กรัม แค่เห็นตัวเลขพวกนี้ก็คงเดาคำตอบหมอได้ไม่ยากแล้วใช่ไหมคะ ว่าการดื่มน้ำอัดลมให้ไม่อ้วนเนี่ยเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และต่อให้เราจะเลี่ยงไปกินพวกน้ำอัดลม Zero, Light, Diet ก็ใช่ว่าจะดีต่อเราเสมอไป แม้ว่ากลุ่มน้ำอัดลมทางเลือกเหล่านี้จะบอกว่า 0 kcal. แต่หากพลิกดูที่ฉลากให้ดี เราก็จะเห็นส่วนผสมที่มีผลต่อสุขภาพอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ

หมอจึงอยากแนะนำว่าการดื่มน้ำอัดลมแค่นาน ๆ ครั้ง ถือเป็นเรื่องที่เราพอรับได้และไม่ส่งผลต่อสุขภาพหรือความอ้วน แต่หากเมื่อไหร่ที่เราปล่อยให้ร่างกายไปติดน้ำหวานชนิดนี้แล้ว โอกาสที่หุ่นพังและสุขภาพเสียก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ในบางเคสอาจรุนแรงถึงขั้นเสพติดน้ำอัดลมไปเลยก็มีค่ะ

จากหัวข้อที่แล้วที่หมอได้พูดถึง น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล อย่าง Zero, Light, Diet ไป คนที่รักสุขภาพหลายคนเป็นต้องสับสนว่าแท้จริงแล้วเครื่องดื่มทางเลือกชนิดนี้ดีต่อสุขภาพจริงแค่ไหน แม้ไม่มีแคลอรี่ที่ทำให้อ้วน แต่การที่จะพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเครื่องดื่มน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มสุขภาพคงยากจะเชื่อได้สนิทใจ! 

นั่นเป็นเพราะว่าใน “น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล” มีการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เมื่อร่างกายได้รับสารชนิดนี้เป็นประจำ ทำให้ความต้องการน้ำตาลในร่างกายสูงมากขึ้น หิวบ่อยขึ้นกว่าปกติมากถึง 30% เนื่องจากในสารให้ความหวานแทนน้ำตาล มีผลทำให้เกิดการกระตุ้นกลไกการทำงานของสมองให้รับรู้ถึงความหวาน เป็นผลให้ร่างกายเกิดอาการโหยหาน้ำตาลมากขึ้น ยิ่งกินน้ำอัดลม 0% มากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะอ้วนขึ้นก็มีมากไม่แพ้กว่าการดื่มน้ำอัดลมทั่วไปเลยค่ะ

สอบถามฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

หากพูดถึงอันตรายของน้ำอัดลม แน่นอนว่า โรคอ้วน โรคเบาหวาน คือสิ่งที่หมอเชื่อว่าหลาย ๆ คนทราบกันดี แต่จากงานวิจัยหลายแห่งทั่วโลก ได้มีผลออกมาว่าการดื่มน้ำอัดลมไม่เพียงแค่ทำให้เกิดโรคแค่ 2 ชนิดที่ว่าเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อร่างกายได้หลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น

• • ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
  • ฟันผุและทำลายสารเคลือบฟัน 
  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เกิดไขมันสะสมในร่างกาย
  • รู้สึกหิวบ่อยขึ้น อยากทานของหวานมากขึ้น
  • กรดคาร์บอนิกในน้ำอัดลม ส่งผลเสียต่อลำไส้ทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ 
  • กระดูกเสื่อมเร็วขึ้น 
  • เกิดภาวะนอนไม่หลับ (Insomnia)
  • ใจสั่น มือสั่น ส่งผลเสียต่อการทำงานของหัวใจ 
  • ประสาทการรับรสเปลี่ยน 

หลายคนอาจรู้สึกไม่ยุติธรรมที่ของอร่อยบนโลกมักมีโทษเยอะสะจนไม่กล้ากิน (แต่หมออยากจะบอกว่า ไม่ว่าอาหารชนิดไหนก็ล้วนมีคุณและโทษทั้งสิ้น หากเราเลือกทานมากหรือน้อยเกินไป)

สำหรับใครที่อ่านแล้วรู้สึกว่าอยากเลิกดื่มน้ำอัดลม หมอขอแนะนำว่า การค่อยปรับพฤติกรรมจะเป็นวิธีที่จะช่วยให้เราเลิกดื่มน้ำอัดลมหรือดื่มได้น้อยลงอย่างถาวร โดยเริ่มจากการ

• • ไม่ซื้อน้ำอัดลมมาตุนไว้ในตู้เย็น 
  • เปลี่ยนน้ำหวานในตู้ให้เป็นน้ำเปล่า 
  • จิบน้ำเปล่าตลอดวันอย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ หรือ รู้สึกกระหายน้ำ 
  • ลดปริมาณที่เคยดื่มต่อวันให้น้อยลงจนเลิกดื่มได้ 
  • ในเคสที่ติดน้ำอัดลมหนักมาก แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมจะดีที่สุดค่ะ

Amara Clinic (เอมาร่าคลินิก) เราเป็นศูนย์ดูดไขมัน-เติมไขมัน และยกกระชับผิวเฉพาะทาง ดังนั้นคนไข้ที่หมอและทีมดูแลจึงมักมีปัญหารูปร่างมาจากการติดของหวาน ไม่ว่าจะเป็น น้ำอัดลม ขนมหวาน และของทอดต่าง ๆ ที่มีน้ำตาลสูง ล้วนส่งผลให้หลายคนหุ่นพังจนต้องเข้ามาปรึกษากับ Amara Clinic 

ที่นี่เรายินดีให้การดูแลและให้คำปรึกษาเรื่องรูปร่างและความงามอย่างจริงใจ โดยมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในด้านนี้ให้การดูแลหลายท่าน พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย มีมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อมอบหุ่นดี หุ่นสวยในแบบที่คนไข้ต้องการให้กลายเป็นจริง หากใครที่มีปัญหารูปร่างเนื่องจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม สามารถเข้ามาปรึกษาลดหุ่นด้วยการดูดไขมัน หรือ ปรับพฤติกรรมการกินด้วย Amara Pen กับหมอได้เลยค่ะ 

หุ่นดีสร้างได้ที่ Amara Clinic No. 1 เรื่องดูดไขมัน!