ในยุคสมัยที่ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝันจะมีหุ่นและสุขภาพที่ดี การออกกำลังกายและการควบคุมอาหารยังคงเป็นวิธีหลักในการลดน้ำหนัก แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบและการต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว การมองหาตัวช่วยลดน้ำหนักจึงกลายเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ ‘โกโก้ ลดความอ้วน’ เครื่องดื่มยอดนิยมที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการก็กลายเป็นตัวเลือกที่หลายคนเชื่อว่าช่วยลดน้ำหนักได้
แล้วโกโก้เหล่านี้มีประสิทธิภาพจริงหรือ ? ในบทความนี้หมอมะปราง AMARA จะพาผู้อ่านไปทำความเข้าและวิเคราะห์สารอาหารในโกโก้ว่ามีผลต่อการลดน้ำหนักอย่างไร พร้อมทั้งบอกเคล็ดลับการดื่มโกโก้ให้ได้ผลดีต่อสุขภาพมากที่สุดรวมถึงคำเตือนก่อนดื่มโกโก้ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม พร้อมแล้วก็ไปอ่าน ‘โกโก้ ลดความอ้วน ได้ผลจริงหรือหลอก ?’ กันเลยค่ะ
โกโก้ ลดความอ้วน จริงหรือหลอก ?
โกโก้ ลดความอ้วน ได้จริงหากทานอย่างเหมาะสม ! แต่ต้องบอกก่อนว่าโกโก้เป็นส่วนหนึ่งของการลดน้ำหนักเท่านั้น เพราะการลดความอ้วนอาศัยหลายปัจจัย พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราต้องสอดคล้องและเอื้อให้เกิดการลดน้ำหนักค่ะ ดังนั้น หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนอกจากการบริโภคโกโก้แล้ว ควรควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอควบคู่ไปด้วยค่ะ
หลายคนคงคุ้นเคยกับภาพจำที่ว่าช็อกโกแลตเป็นตัวการร้ายของความอ้วนและควรทานในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน โกโก้เองมีไขมันและน้ำตาลต่ำ ต่างจากช็อกโกแลตทั่วไปที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เติมน้ำตาล นม และมีไขมันอิ่มตัวมากมาย นอกจากนี้ โกโก้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ส่งผลให้ความอยากอาหารน้อยลง โดยสารอาหารในโกโก้ที่มีส่วนช่วยลดน้ำหนัก ได้แก่
-
ฟลาโวนอยด์
สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) พบได้ในผลไม้ ผัก ถั่ว เมล็ดพืช ธัญพืช และโกโก้ความเข้มข้นสูง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบในร่างกาย มีฤทธิ์ต้านเบาหวาน ชะลอการย่อยคาร์โบไฮเดรตและการดูดซึมในลำไส้ ที่สำคัญคือเพิ่มความไวของอินซูลิน อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยตับอ่อน ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ฟลาโวนอยส์จึงช่วยในการเผาผลาญน้ำตาลในเลือด ลดการสะสมของไขมันได้มากขึ้น
-
สารโพลีฟีนอลส์
สารโพลีฟีนอลส์ (Polyphenols) สามารถพบได้ในผักผลไม้ทั่วไป รวมทั้งในดาร์กช็อกโกแลต โพลีฟีนอลส์มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์จึงทำให้ไขมันส่วนเกินถูกนำมาใช้มากขึ้น เพิ่มความไวต่ออินซูลิน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดการสะสมไขมัน รวมทั้งขัดขวางการดูดซึมไขมันในลำไส้ เพิ่มความอิ่มท้องจากการกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน GLP-1 ลดความอยากอาหารได้
-
สารธีโอโบรมีนและคาเฟอีน
สารธีโอโบรมีน (Theobromine) และคาเฟอีน (Caffeine) จะมีปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของโกโก้ วิธีการผลิต และปริมาณโกโก้ที่ใช้ ทั้งสองมีฤทธิ์คล้ายกันคือกระตุ้นประสาทส่วนกลางและขัดขวางการทำงานของอะดิโนซีน (Adenosine) ทำให้ร่างกายตื่นตัว ช่วยลดความดันโลหิต มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แต่นอกจากนี้ทั้งสองสารยังเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่และลดความอยากอาหารได้มากขึ้น
-
ใยอาหาร
ใยอาหาร หรือ ไฟเบอร์ (Fiber) พบได้ในโกโก้ธรรมชาติหรือโกโก้ที่ไม่มีการปรุงแต่ง มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม ใยอาหารในโกโก้มีทั้งแบบละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ใยอาหารละลายน้ำเปรียบเสมือนไม้กวาด ช่วยกวาดล้างสิ่งตกค้าง สารพิษ และแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ส่วนใยอาหารแบบไม่ละลายน้ำ เปรียบเสมือนฟองน้ำช่วยดูดซึมน้ำและพองตัวขึ้น ทำให้พื้นที่ในกระเพาะอาหารน้อยลง อิ่มง่ายขึ้น ทั้งยังกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ขับถ่ายสะดวก ใยอาหารจะจับสารอาหารที่ไม่มีประโยชน์อย่างไขมันและแป้งออกจากร่างกายสะดวกขึ้น
-
คาร์โบไฮเดรตต่ำ
โกโก้ ลดความอ้วน เพราะมีคาร์โบไฮเดรตต่ำเมื่อเรารับประทานคาร์โบไฮเดรต ร่างกายจะย่อยเป็นน้ำตาลกลูโคสในเลือด กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน อินซูลินทำหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่เมื่อทานคาร์โบไฮเดรตต่ำร่างกายจะบังคับให้ดึงไขมันออกมาใช้เป็นพลังงานหลักแทนน้ำตาลที่มาจากคาร์โบไฮเดรต เป็นอีกทางที่ช่วยเผาผลาญไขมันและทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มนานขึ้น
โกโก้ลดน้ำหนัก ในเน็ต ได้ผลจริง ลดได้อย่างไร?
เราอาจจะเคยเห็นโกโก้ ลดความอ้วน มีวางขายอยู่ตามอินเทอร์เน็ตกันมากมาย ไม่ได้มีเพียงแค่โกโก้ ลดน้ำหนักเพียงอย่าง แต่ยังมีรสชาติอื่น ๆ ที่ฮิตกันอย่างชาเขียว ชาไทย หรือกาแฟลดความอ้วน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราก็จะมักเห็นรีวิวจากลูกค้าว่าสามารถลดได้จริง ดื่มแล้วน้ำหนักค่อย ๆ ลดลง หรือบางคนก็น้ำหนักลดลงเป็นสิบกิโลในไม่กี่สัปดาห์ หรือบางคนก็รู้สึกได้ว่าสัดส่วนลด แม้หมอจะเล่าแล้วว่าโกโก้นั้นมีส่วนได้ผลจริง แต่ก็แค่ ‘มีส่วน’ เท่านั้นครับ
การทานยาลดน้ำหนักในรูปของอาหารเสริมเครื่องดื่มที่ฮิตกันนั้น หากดูที่ส่วนผสมจริง ๆ เราอาจพบว่ามันไม่ได้มีผลมาจากแค่คุณสมบัติของตัวชาเขียว ชาไทย โกโก้ หรือกาแฟที่ช่วยเรื่องการเผาผลาญ แต่มันอาจจะมีผลมาจากส่วนผสมอื่น ๆ ที่เจาะจงกว่าเช่น แอลคาร์นิทีน เฟนเทอร์มีน ยาระบายชนิดต่าง ๆ ยากดประสาทเพื่อลดความอยากอาหาร หรือไซบูทรามีน (Sibutramine) ซึ่งเป็นสารอันตรายที่มักพบว่าใส่เข้ามาในอาหารกลุ่มลดน้ำหนัก
ดังนั้น การทานโกโก้ ลดความอ้วน บางตัวในอินเทอร์เน็ตจึงต้องผ่านการพิจารณาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนว่าได้ใส่สารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ เพราะบางแบรนด์อาจมีการโฆษณาเกินจริง หรือมีข้อน่าสงสัยหลายอย่าง เช่น ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วเกินไป หรือระหว่างทานมีอาการข้างเคียงหลายอย่าง แนะนำให้หลีกเลี่ยงและเลือกทานโกโก้ธรรมดาทั่วไปในปริมาณที่พอเหมาะ แบบไม่ใส่น้ำตาล นม หรือครีมเทียมจะปลอดภัยกว่าในระยะ ยาวครับ
วิธีทาน โกโก้ ลดความอ้วน ให้ถูกวิธี
หลังจากทราบสารอาหารในโกโก้ที่มีคุณสมบัติช่วยลดน้ำหนักแล้ว มาถึงขั้นตอนการทานและดื่มที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกันบ้างค่ะ การเลือกวิธีการทานโกโก้ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่ว่าจะทานแบบไหนก็ได้เพราะหากทานไม่เหมาะสมแทนที่จะลดน้ำหนักอาจเป็นเพิ่มน้ำหนักแทนได้ค่ะ หมอจึงได้เตรียมข้อมูลวิธีการทานและดื่มที่ถูกต้องสำหรับ โกโก้ลดน้ำหนัก ให้แล้วค่ะ
-
เลือกโกโก้เข้มข้น 70% ขึ้นไป
โกโก้และช็อกโกแลตแบ่งเป็นหลายแบบ ทั้งช็อกโกแลตนม (Milk Chocolate) ที่มีส่วนผสมของนมหรือนมข้นหวานหรือเนยเพิ่มความหอมมัน ไวท์ช็อกโกแลต (White Chocolate) ที่ไม่มีเนื้อโกโก้แต่เต็มไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมผง ครีมเทียม ไขมันนม และดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) ที่มีส่วนผสมโกโก้ตั้งแต่ 70 – 100% มีความเข้มข้นของโกโก้และสารฟลาโวนอยด์สูง พร้อมมีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฯลฯ แต่มีน้ำตาลต่ำ ช่วยลดคอเลสเตอรอลและทำให้ความอยากอาหารน้อยลง
-
ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล
สำหรับโกโก้แบบเครื่องดื่ม หลายคนมักเติมน้ำตาล ครีมเทียม หรือนมข้นหวานเพื่อกลบความขม แต่รู้หรือไม่ว่าความหวานเหล่านี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดี ไม่ว่าจะเพิ่มพลังงาน น้ำหนักตัวพุ่ง ฟันผุ สะสมไขมัน เสี่ยงโรคร้ายอย่างโรคเบาหวานและโรคหัวใจ การเติมความหวานเหล่านี้ยังเพิ่มความเสี่ยงระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดให้สูงขึ้น
- น้ำตาล : แม้จะเพิ่มพลังงานแต่หากทานมากไปสามารถทำให้น้ำหนักตัวพุ่ง ฟันผุ เสี่ยงโรคเบาหวานและหัวใจ มีไขมันสะสม
- ครีมเทียม : ผลิตจากน้ำมันพืช ผ่านกรรมวิธีแปรรูปกลายเป็นไขมันทรานส์ อันตรายต่อสุขภาพ เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ
- นมข้นหวาน : ส่วนผสมหลักคือน้ำตาลและนมข้นจืด แคลอรี่สูง ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่ม ฟันผุ เสี่ยงโรคเบาหวานและหัวใจ มีไขมันสะสม
หากต้องการเพิ่มความหวานควรเป็นหญ้าหวาน (Stevia) แอสปาแตม หรือซูคราโลส ซึ่งนิยมใช้สำหรับผู้ที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือโรคความดันโลหิต รวมถึงผู้ที่รักสุขภาพและกำลังควบคุมน้ำหนักด้วย เพราะสารให้ความหวานดังกล่าวมีรสหวานกว่าน้ำตาล 200 – 600 เท่า แต่กลับให้พลังงานน้อยมาก อย่างไรก็ตามไม่ควรบริโภคสารให้ความหวานมากจนเกินไปเพราะมีงานศึกษาว่าอาจเชื่อมโยงกับการปวดศีรษะและโรคไมเกรนในบางกรณี ทางที่ดีควรทานโกโก้แท้ที่รสขม อย่างคำที่ว่า ‘หวานเป็นลม ขมเป็นยา !’
3. ควรทานปริมาณที่เหมาะสม
โกโก้หรือดาร์กช็อกโกแลตสามารถทานได้แต่ก็มีปริมาณที่จำกัดเพราะอย่างไรก็ตามยังคงมีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่ ดังนั้นจึงควรทานไม่เกินวันละ 100 กรัม/วัน 2 – 3 ครั้ง/สัปดาห์ จะช่วยลดความต้องการของหวานได้ แต่หากต้องการทานดาร์กช็อกโกแลตทุกวันอาจต้องจำกัดอยู่ที่ 20 – 30 กรัม/วัน จะทำให้ได้รับปริมาณน้ำตาลและแคลอรี่ไม่มากเกินไป
โกโก้ลดน้ำหนัก มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ?
โกโก้ เครื่องดื่มยอดนิยมที่หลายคนคุ้นเคย มักถูกมองว่าเป็นตัวช่วยลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ ด้วยสรรพคุณมากมาย เช่น ช่วยให้อิ่มท้อง กระตุ้นการเผาผลาญ และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตาม การบริโภคโกโก้โดยไม่คำนึงถึงปริมาณและวิธีการอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้แทนได้ วันนี้หมอจะพามาดูข้อควรระวังในการบริโภค โกโก้ลดน้ำหนัก กันค่ะ
1. ผลข้างเคียงจากสารกระตุ้น
เนื่องจากโกโก้มีสารธีโอโบรมีนและคาเฟอีนที่ช่วยเผาผลาญไขมันขณะนอนหลับ หากบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น ใจสั่น นอนไม่หลับ กระวนกระวาย เหงื่อออก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีความไวต่อสารธีโอโบรมีนและคาเฟอีน ได้แก่ ผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้ให้นมบุตร เด็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรจำกัดปริมาณการบริโภคโกโก้
2. ผู้มีโรคประจำตัวที่ควรหลีกเลี่ยงการทานโกโก้
แม้ว่าโกโก้หรือดาร์กช็อกโกแลต (แบบไม่เติมนม น้ำตาล ครีมเทียม) จะมีฤทธิ์ลดความเสี่ยงการเกิดโรคบางชนิด เช่น มีสารฟลาโวนอยด์ต้านโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2 ลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน รวมทั้งช่วยป้องกันการกระจายเซลล์มะเร็ง, ลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น แต่ไม่ใช่ว่าโกโก้จะเหมาะกับทุกคน เพราะโกโก้กลับกระตุ้นบางอาการให้แย่ลง จากการศึกษาของ Tokyo Medical University Hospital ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการทานโกโก้ ดังนี้
- โรคไมเกรน : เพราะจะกระตุ้นให้อาการปวดหัวรุนแรงขึ้น
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร : เนื่องจากมีสารธีโอโบรมีนและคาเฟอีน และอาจกระทบการเจริญเติบโตได้ อาจทำให้เด็กในครรภ์คลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐาน หรือเด็กทารกอาจท้องเสียบ่อยได้
- อาการกรดไหลย้อนหรือลำไส้แปรปรวน : เนื่องจากโกโก้มีสารเมทิลแซนทีน (Methylxanthine) มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่าง ซึ่งกล้ามเนื้อส่วนนี้ป้องกันไม่ให้อาหารและกรดในกระเพาะไหลเข้าสู่หลอดอาหาร การทานโกโก้มากทำให้อาการของโรครุนแรงมากขึ้น
3. โกโก้ไม่ใช่ยาลดความอ้วน ! ต้องใช้เวลาในการลดน้ำหนัก
หากตั้งเป้าหมายว่าอยากลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วผ่านการทานโกโก้เข้มข้น รวมทั้งบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพและออกกำลังกาย นั่นอาจยังไม่เพียงพอให้น้ำหนักลดได้ไว เนื่องจากร่างกายจำเป็นต้องใช้เวลานานสักระยะในการปรับตัวและค่อย ๆ ลดสัดส่วนของร่างกายลง ดังนั้น โกโก้จึงไม่ใช่ยาลดน้ำหนักที่สามารถกำจัดไขมันหรือกระชับสัดส่วนแบบทันใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการกระชับสัดส่วน ทางเลือกเร่งด่วนอีกทางคือ การดูดไขมัน (Liposuction) แต่จริง ๆ แล้วการดูดไขมันไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อลดน้ำหนัก เพราะมวลไขมันมีน้ำหนักเบากว่ามวลกล้ามเนื้อ แม้จะดูดออกไปมากแล้วน้ำหนักตัวโดยรวมก็ไม่ได้ลดลงมากนัก แต่การดูดไขมันช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด สามารถกระชับสัดส่วนได้ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะต้นแขน, ต้นขา, แก้ม, เหนียง, หน้าท้อง, น่อง, ข้อเท้า และส่วนอื่น ๆ การดูดไขมันจึงช่วยให้มีหุ่นที่สวย ดูสุขภาพดีตามความคาดหวัง
ต้องการปรึกษาแพทย์ฟรี!
SCan OR Code เพื่อแอดไลน์ หรือ
สาขา รัชโยธิน กด 1
สาขา ราชพฤกษ์ กด 2
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ โกโก้ ลดความอ้วน
โกโก้เป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงด้านรสชาติเข้มข้นและหอมหวาน ที่สำคัญคือมีประโยชน์ต่อสุขภาพในแง่ของการลดน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ได้อ่านบทความอาจยังมีคำถามบางประการเกี่ยวกับการบริโภคโกโก้เพื่อลดน้ำหนัก ที่ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ดังนั้น หมอจึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อให้ทุกคนได้ข้อมูลอย่างชัดเจนแล้วค่ะ
แม้จะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่า ‘ดื่มหรือทานโกโก้ตอนไหนได้ประโยชน์สูงสุด’ แต่จากคำแนะนำของหลายแหล่ง พบว่า การบริโภคโกโก้ก่อนอาหาร 15-20 นาทีจะช่วยให้อิ่มท้อง ทานอาหารน้อยลง ส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนัก หรือจะทานเป็นของว่างระหว่างวันก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดื่มโกโก้นั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความชอบส่วนตัวของแต่ละคน ดังนี้
- มื้อเช้า : เติมพลังงาน เริ่มต้นเช้าวันใหม่ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
- ก่อนออกกำลังกาย : เพิ่มพลังและความทนทาน ช่วยให้เผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น
- มื้อเย็น : ทานแทนของหวาน ควบคุมความอยากอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
ไม่ได้ ! การลดน้ำหนักนอกจากทานโกโก้แล้ว ต้องควบคู่ไปกับองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย เช่น การควบคุมปริมาณอาหารจานหลัก ไม่ทานอาหารที่เต็มไปด้วยไขมัน น้ำตาล คอเลสเตอรอลสูง และควรออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที เพื่อลดไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงเรื่องการพักผ่อนให้เพียงพอก็ช่วยทำให้ระบบในร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพและเผาผลาญพลังงานช่วงที่นอนหลับได้ดีขึ้น
โกโก้ลดน้ำหนัก ที่มีโกโก้เข้มข้น 70% ขึ้นไปมีสารอาหารที่ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มไวขึ้น ทั้งนี้ ควรทานอาหารที่มีความหลากหลายทางโภชนาการเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยโกโก้สามารถทานคู่กับอาหารหลายประเภท แต่ควรเลือกอาหารที่ไขมันต่ำ ใยอาหารสูง โปรตีนสูง น้ำตาลน้อย ไขมันอิ่มตัวต่ำ ไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น
ผลไม้ : เช่น แอปเปิ้ล กล้วย ส้ม เบอร์รี่ กีวี
ธัญพืช : เช่น ข้าวโอ๊ต คินัว เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ อัลมอนด์ วอลนัท
โยเกิร์ตธรรมชาติ : ไม่มีน้ำตาล ไขมันต่ำ
ไข่ : ทานไข่ต้มทุกวันช่วยให้อิ่มนาน มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และสารอาหารครบถ้วน
อกไก่: ให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และแคลอรี่ต่ำ เผาผลาญพลังงาน
สรุป
โกโก้ ลดความอ้วน เนื่องจากมีสารอาหารที่ช่วยเผาผลาญพลังงานและลดความอยากอาหาร แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรทานโกโก้ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารจานหลัก เลี่ยงอาหารหวานและไขมันเยอะ และออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากนี้ ควรทานโกโก้ที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไป ในปริมาณที่เหมาะสมและไม่เติมความหวานเพิ่ม เท่านี้ก็ช่วยลดน้ำหนักได้แล้วค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย : https://lin.ee/801MUsB
ติดต่อเบอร์โทร :
062-789-1999⇒ สาขา รัชโยธิน กด 1
⇒ สาขา ราชพฤกษ์ กด 2
นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)
KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet