สาว ๆ ทั้งหลายที่มีไขมันส่วนเกินรอบพุงหรือรอบต้นขา อาจจะกำลังมองทางลัดในการจัดการไขมันอยู่ใช่ไหมคะ? ซึ่งวิธีลดส่วนเกินก็มีให้เลือกเยอะมาก การสลายไขมันด้วยความเย็นอย่าง CoolSculpting ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ ในบทความนี้หมอมะปราง Amara Clinic จะมาช่วยคลายข้อสงสัยให้ว่าการลดไขมันด้วยความเย็นมันมีข้อดีและข้อเสียยังไงบ้าง? การทำงานของมันล่ะเป็นยังไง? และถ้าเปรียบเทียบกับการดูดไขมันแล้ว การทำ CoolSculpting สู้ได้มากน้อยแค่ไหน!? ติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ
Coolsculpting คืออะไร?
CoolSculpting หรือ Cryolipolysis คือนวัตกรรมใหม่ในการกำจัดไขมัน ที่ใช้ความเย็นสลายไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง (กําจัดไขมันด้วยความเย็น) โดยการใช้อุณหภูมิความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง ทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัว ก่อนที่จะสลายตัวตายไป และเซลล์ไขมันนั้นจะถูกกำจัดออกไป ด้วยกระบวนการกำจัดของเสียตามธรรมชาติของร่างกาย
เครื่อง CoolSculpting เป็นเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก U.S. FDA สามารถลดปริมาณเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และบรรดาไขมันดื้อได้จริง ด้วยงานวิจัยกว่า 50 ฉบับเลยค่ะ ระหว่างทำค่อนข้างชิลมาก เพราะไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดใด ๆ สามารถกำจัดไขมันจากภายนอกได้เลย
Coolsculpting สลายไขมันได้ยังไง?
หัวของอุปกรณ์สลายไขมันด้วยความเย็น (Applicator) จะเป็นหัวดูดแบบสุญญากาศ (Vacuum) เมื่อนำไปแนบสนิทกับผิวของเรา ตัวหัวดูดจะดูดชั้นไขมันและผิวหนังขึ้นมา และส่งความเย็นเข้าไปที่ชั้นไขมัน ด้วยอุณหภูมิความเย็นประมาณ -11°C ถึง -13°C ซึ่งเป็นความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง ที่เย็นมาก ๆ
พอเซลล์ไขมันได้รับความเย็นจัดแบบนี้ จึงทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัว หยุดการทำงาน หยุดการพัฒนาเซลล์ไขมัน และตายไป เปลี่ยนจากเซลล์ไขมันดี เป็นของเสียที่ไร้ประโยชน์กับร่างกาย เซลล์ไขมันที่ตายนี้ จึงถูกขับออกจากร่างกายทางระบบน้ำเหลืองนั่นเอง
ข้อดีของการทำ Coolsculpting
- ใช้เวลาในการทำเพียง 35 นาที – 1 ชั่วโมงเท่านั้น
- ไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดใด ๆ ไม่ต้องเสียเลือด
- ไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นหลังทำ
- ปริมาณเซลล์ไขมันลดลง ทำให้สัดส่วนเล็กลง
- ได้รับการรับรองจากอย. สหรัฐอเมริกา
สลายไขมันด้วยความเย็นทำตรงไหนได้บ้าง?
CoolSculpting สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินใตั้ชั้นผิวหนังได้ทุกบริเวณ ด้วยหัวอุปกรณ์ที่มีให้เลือกหลายขนาด หลายฟังก์ชั่น เนื่องจากแต่ละบริเวณจะมีลักษณะทางกายภาพ ความหนาของชั้นไขมัน ที่แตกต่างกันออกไปของคนไข้แต่ละคน จึงต้องเลือกใช้ตามความเหมาะสม บริเวณที่สามารถสลายไขมันด้วยความเย็นได้ คือ
- หน้าท้อง
- เอวเอส
- ปีกหลัง
- ต้นแขน
- ต้นขา
- สะโพก
- เหนียงใต้คาง
- หน้าอก (ผู้ชาย)
CoolSculpting เหมาะกับใคร?
- คนที่มีไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวหนัง
- คนที่มีไขมันดื้อ ลดด้วยวิธีอื่นไม่เห็นผล
- คนที่ไม่อยากเปิดแผลผ่าตัด เพื่อดูดไขมัน
- คุณแม่หลังคลอดที่มีหน้าท้องหลังคลอด
- คนที่ไม่ได้เร่งรีบในการลดสัดส่วน หรือกำจัดไขมัน
- คนที่ต้องการลดขนาดหน้าอกให้เล็กลง เช่น ผู้ชายมีนม
- คนที่ไม่สะดวกออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก
ขั้นตอนในการทำ Coolsculpting
ขั้นตอนในการสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting เริ่มจากการพูดคุยปรึกษาปัญหาไขมันส่วนเกินที่กังวลใจกับแพทย์ค่ะ พอเรารู้ตำแหน่งที่จะสลายไขมันด้วยความเย็นแล้ว แพทย์ก็จะทำการวางแผนจำนวนครั้งในการหนีบไขมัน และการใช้ขนาดของหัวสลายไขมัน (Applicator) ให้เหมาะสมกับแต่ละบริเวณ สำหรับคนไข้แต่ละเคสค่ะต่อไปเราก็จะเริ่มขั้นตอนการทำ CoolSculpting หรือสลายไขมันด้วยความเย็นกันเลยค่ะ!
- ประคบผิวในบริเวณที่จะทำด้วยแผ่นเจล
- นำหัวอุปกรณ์สลายไขมันวางในบริเวณที่ต้องการ
- หัวอุปกรณ์จะดูดชั้นไขมันขึ้นมา และส่งความเย็นลงไป
- ในระหว่างที่จะรู้สึกว่าผิวโดนดึงดูดและมีความตึง (5 นาที)
- จากนั้นจะรู้สึกชา ๆ ไปจนจบเวลาสลายไขมันด้วยความเย็น
- ใช้เวลาในการทำประมาณ 35 นาที – 1 ชั่วโมง (แล้วแต่บริเวณ)
- เมื่อหนีบไขมันเสร็จ ก็จะนวดบริเวณดังกล่าวต่ออีก 5 นาที
ตอนทำ Coolsculpting เจ็บไหม?
การสลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis) ไม่ได้มีการเปิดแผลผ่าตัด ไม่ได้มีการฉีดยาชาใด ๆ จึงไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างที่กำจัดไขมันด้วยความเย็น แต่จะรู้สึกได้ว่าผิวหนังของเราถูกดึงขึ้นไป มีความรู้สึกเหมือนถูกบีบรัด ทำให้ไม่สบายตัวและผิวเท่าไหร่ แต่อาการก็จะค่อย ๆ หายไป จนเหลือแต่อาการชาจากความเย็นค่ะ โดยหลังจากที่สลายไขมันด้วยความเย็นเสร็จ บริเวณดังกล่าวจะมีอาการบอบช้ำจากความเย็น และอาจทำให้รู้สึกถึงอาการเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย
Coolsculpting ได้ผลไหม?
การทำ CoolSculpting ได้ผลไหม? เห็นผลจริงรึเปล่า? ไขมันหายไปหมดเลยไหม? จากคำถามที่หลายคนสงสัยมานี้ หมอขอบอกว่าการสลายไขมันด้วยความเย็น ช่วยลดปริมาณไขมันลงได้จริงค่ะ แต่อาจจะไม่ได้มากเท่าวิธีอื่น ๆ อย่างการดูดไขมันออกไป
การทำ CoolSculpting จะทำให้ไขมันหายไปประมาณ 20-30% ของบริเวณที่ทำการรักษา หากต้องการให้สัดส่วนมีขนาดเล็กลง เกิดการเปลี่ยนแปลงของไซซ์เสื้อผ้า ควรทำซ้ำกันหลาย ๆ ครั้ง และหมั่นออกกำลังกายร่วมด้วย ก็จะช่วยให้เห็นผลชัดมากขึ้นค่ะ
ข้อจำกัดของการทำ CoolSculpting
การทำ CoolSculpting ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างนะคะ สำหรับคนที่มีชั้นไขมันที่หนามาก ๆ หรือเป็นคนตัวใหญ่มาก การกำจัดไขมันด้วยความเย็นอาจจะไม่ได้เห็นผลมากเท่าไหร่ค่ะ เพราะไขมันลดลงเพียง 30% อาจจะดูไม่แตกต่างจากเดิม สำหรับคนที่มีไขมันเยอะมาก ๆ แนะนำให้ดูดไขมันแทนค่ะ
คนที่ไม่เหมาะกับการทำ CoolSculpting
- คนที่เป็นโรคแพ้ความเย็น
- คนตัวใหญ่ ที่มีชั้นไขมันหนามาก
- ผู้หญิงที่กำลังเป็นประจำเดือนอยู่
- คนที่เป็นไส้เลื่อน หรือกำลังรักษาอยู่
- คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ หรือคุณแม่เพิ่งคลอด
- คุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมลูกอยู่
- คนที่มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือด
- คนที่เพิ่งผ่าตัดบริเวณเดียวกัน มาไม่เกิน 6 เดือน
- คนที่ใช้อุปกรณ์ควบคุมการเต้นของหัวใจ
Coolsculpting VS การดูดไขมัน
มีคนสงสัยแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ? ว่าการทำสลายไขมันด้วยความเย็น หรือการทำ Coolsculpting นี้ ถ้าเทียบการดูดไขมันออกไป อะไรดีกว่ากัน เห็นผลมากกว่ากัน และอะไรมีความคุ้มค่ามากกว่า??
Coolsculpting
- กำจัดไขมันได้เพียง 30%
- ต้องทำซ้ำหลายครั้งถึงจะเห็นผลชัด
- ไม่เจ็บ ไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัด
- ไม่เสียเลือด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น
- ราคาต่อครั้ง เบากว่าราคาดูดไขมัน
- อาจมีแผลขนาดใหญ่ ที่เกิดจากความเย็นได้
การดูดไขมัน
- กำจัดไขมันได้ทันที เท่าที่ต้องการ
- ทำครั้งเดียวเห็นผลชัด ลดไซซ์ลงทันที
- เปิดแผลผ่าตัด มีความเจ็บได้
- ทำได้โดยการใช้ยาชา หรือวางยาสลบ
- เสียเลือด มีความระบมช้ำ ต้องพักฟื้น
- ราคาเหมาบริเวณ ทำครั้งเดียวจบ (คุ้มค่า)
- แผลขนาดเล็กประมาณ 3-4 mm. สามารถเลเซอร์ลบได้
สรุป
สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีกำจัดไขมันอยู่นะคะ การทำ Coolsculpting ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ สำหรับคนที่อยากลดไขมัน กำจัดส่วนเกิน ลองเข้ามาปรึกษาหมอมะปรางได้ที่ Amara Clinic ก่อนได้นะคะ ปรึกษาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย เดี๋ยวหมอช่วยดูให้ว่าคนไข้มีปัญหาตรงไหน และเหมาะกับการสลายไขมันด้วยความเย็น หรือวิธีอื่นมากกว่าค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic
Q&A : เรื่อง Coolsculpting
ดีค่ะ สำหรับคนที่มีไขมันไม่เยอะ
ไม่เจ็บค่ะ จะรู้สึกตึง ๆ แบบโดนดึงผิว
ได้ผลค่ะ ไขมันลดลงประมาณ 30%
อาจจะมีไขมันเยอะ จึงทำให้เห็นผลน้อยค่ะ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมัน
พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)
อาจารย์แพทย์ด้านการดูดไขมัน body-jet