หลายคนอาจจะสังเกตเห็นได้ว่าสเต็มเซลล์ไขมันอย่าง SVF กับ PRP ซึ่งเป็นการฉีดเกร็ดเลือดนั้นมีความคล้ายคลึงกันอยู่ ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นด้านการซ่อมแซมเซลล์เหมือนกัน และด้วยราคาที่แตกต่างกันเล็กน้อยจากการมีอุปกรณ์เสริมอย่าง LipoCube เข้ามา อันเป็นสาเหตุให้เราตัดสินใจลำบากว่าจะเลือก SVF หรือ PRP ดี ดังนั้น เรามาดูกันว่าจริง ๆ แล้วสองตัวนี้ต่างกันยังไงบ้าง? LipoCube จำเป็นจริง ๆ ไหม? หากไม่ใช้ LipoCube จะสามารถสกัดเอาสเต็มเซลล์ไขมันในราคาที่ถูกลงได้หรือเปล่า?
LipoCube SVF มีข้อดีอย่างไร?
SVF (Stromal Vascular Fraction) เป็นสเต็มเซลล์ที่สกัดมาจากไขมันตัวเอง พร้อมด้วย Regenerative Cells หรือเซลล์ต้นกำเนิดซึ่งสามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ประเภทอื่น ๆ ในร่างกาย ทำให้เมื่อใช้ LipoCube สกัด SVF เพิ่มเข้าไปในการฉีดไขมัน จะช่วยให้เซลล์ไขมันสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดีในการใช้ LipoCube สกัดเซลล์ต้นกำเนิดนั้นมีหลายข้อ เช่น ช่วยฟื้นฟูเซลล์และเร่งกระบวนการสมานแผล กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดและทำให้เส้นเลือดแข็งแรงยิ่งขึ้น จึงสามารถลำเลียงสารอาหารไปยังเซลล์อื่น ๆ ได้ดี โดยการฉีด SVF เพียงครั้งเดียวก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะเวลา 5-10 ปี แต่หากต้องการเติมเพิ่มก็ยังมีทางเลือกในการเก็บไขมันที่ดูดออกมาเอาไว้ใน Lipo Bank ซึ่งสามารถนำออกมาใช้สกัด SVF เพื่อนำมาเติมอีกได้
PRP เกร็ดเลือดมีข้อดีอย่างไร?
PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือที่เรียกว่าการฉีดเกร็ดเลือด สกัดมาจากเลือดของผู้เข้ารับบริการเอง โดยผ่านกระบวนการปั่นแยกเพื่อให้ได้เกร็ดเลือดเข้มข้นพร้อมกับ Growth Factor ซึ่งมีคุณสมบัติในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อโดยเฉพาะ
ข้อดีของเกร็ดเลือด PRP คือ ช่วยลดริ้วรอย ลดอักเสบจากการบาดเจ็บ ทำให้ใบหน้าดูสดใสมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้จะต้องฉีดซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผลชัดเจน และผลลัพธ์ต่อการฉีดหนึ่งครั้งจะอยู่ได้นานราว 6-9 เดือนเท่านั้น
เทียบกันชัด ๆ LipoCube SVF VS PRP แบบไหนดีกว่า?
เมื่อนำมาขมวดเป็นข้อสรุปแล้ว จะเห็นว่า การฉีด SVF กับการฉีด PRP นั้นมีข้อแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของผลลัพธ์ โดยสามารถเปรียบเทียบตามปัจจัยต่าง ๆ ได้ดังนี้
-
ระยะเวลาเห็นผล
SVF มีระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ยาวนานกว่าหลายปี หากดูแลตัวเองให้ดีก็สามารถอยู่ได้นานตลอดชีวิต โดยที่ไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อยครั้งเหมือน PRP ที่มีระยะเวลาเห็นผลเพียง 6-9 เดือนเท่านั้น ทั้งยังสามารถเก็บเซลล์ไขมันเอาไว้ใช้ในอนาคตได้ โดยไม่ต้องเจาะเลือดหรือดูดไขมันซ้ำไปมาหลายรอบ
-
คุณภาพของผลลัพธ์
SVF ไม่ใช่แค่สเต็มเซลล์จากไขมันเพียงอย่างเดียว แต่จะมีทั้ง Growth Factor พร้อมเซลล์อื่น ๆ ที่สำคัญต่อการฟื้นฟูผิว เช่น เซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคม์ (MSCs), เซลล์เยื่อบุหลอดเลือด (Endothelial Cell), ทีเซลล์ (T Cells) และไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ทำให้ช่วยทั้งการฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ ทำให้เส้นเลือดแข็งแรง มีการหล่อเลี้ยงสารอาหารไปยังผิวได้ดีขึ้น ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความแข็งแรงถึงชั้นโครงสร้าง
ส่วน PRP ประกอบด้วย Growth Factor เช่นกัน แต่การสกัดให้ได้เซลล์อื่น ๆ จำพวก Regenerative Cells นั้นโอกาสน้อยมาก จึงเหมาะกับการเน้นฟื้นฟูผิวชั้นบนและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนเท่านั้น ทำให้ยังไม่สามารถมอบผลลัพธ์ได้เทียบเท่ากับสเต็มเซลล์ไขมันอย่าง SVF ซึ่งมี Regenerative Cells มากนัก
-
เวลาในการทำ
LipoCube SVF ต้องผ่านการดูดไขมันและสกัดเซลล์ต้นกำเนิดด้วยเครื่อง LipoCube ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งจะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่าทำให้ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการประหยัดเวลาในการใช้บริการ ในขณะที่ PRP กระบวนการง่ายกว่า ใช้เวลาเพียง 30-60 นาที โดยการเจาะเลือดและปั่นแยกเกร็ดเลือด
-
ความเจ็บปวด
เดิมทีแล้ว การฉีดไขมันพร้อม SVF นั้นจะไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำเลย เพราะส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำเป็นการวางยาสลบ เพื่อให้ไม่ต้องรู้สึกตัวระหว่างทำ พร้อมกับการใช้ยาชาหรือ Tumescant เข้ามาช่วยในการดูดไขมัน ทำให้ผิวอักเสบน้อยลง ดูดเก็บไขมันได้ง่ายขึ้น
การฉีดไขมันพร้อม PRP นั้น จะเป็นการดูดไขมันเหมือนกัน และอาจจะต้องมีการเจาะเลือดที่ข้อพับแขนเพิ่ม เพื่อนำเลือดที่ได้มาปั่นแยกให้ได้เกร็ดเลือดสำหรับฉีด (เลือดที่มาจากการดูดไขมันไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากมีการปะปนกับยาชาหรือ Tumescent) จึงอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อต้องเจาะเลือด
อย่างไรก็ตาม การฉีด SVF หรือ PRP นั้นก็เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ที่มีประสบการณ์มาก่อน เพราะนอกจากจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาตรงตามความคาดหวังแล้ว ยังบ่งบอกถึงความปลอดภัยในแต่ละขั้นตอนอีกด้วย
อยากฉีด FatStem แบบไม่ใช้ LipoCube SVF ทำได้ไหม?
การฉีด FatStem หรือเซลล์ต้นกำเนิดจากไขมัน เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการแยกเซลล์ต้นกำเนิดออกจากเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะต้องผ่านอุปกรณ์อย่าง LipoCube SVF เพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ต้นกำเนิดจากเซลล์ไขมันที่ดูดออกมา แต่หากสงสัยว่าสามารถฉีด FatStem ได้โดยไม่ต้องใช้ LipoCube SVF หรือไม่? คำตอบคือ ทำได้ แต่มีข้อจำกัดและขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป
จากรายละเอียดที่กล่าวไปข้างต้นเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง LipoCube SVF และ PRP จะเห็นได้ว่าเราสามารถใช้เกร็ดเลือดผสมกับเซลล์ไขมันที่คัดกรองแล้วได้ แต่ทั้งนี้ ประสิทธิภาพก็จะมีความแตกต่างกันเพราะได้ปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดจาก LipoCube ไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงต้องพิจารณาและรับการประเมินจากแพทย์ก่อนว่า เราต้องการผลลัพธ์แบบไหน มีจุดประสงค์อะไรในการฉีดไขมัน แพทย์จึงจะสามารถแนะนำวิธีที่เหมาะกับเรามากที่สุดได้
LipoCube สำคัญอย่างไรในการสกัดสเต็มเซลล์ไขมัน?
LipoCube เป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างมากในกระบวนการสกัดสเต็มเซลล์จากไขมัน (Adipose-Derived Stem Cells หรือ ADSCs) เนื่องจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการกระตุ้นการผลิตเซลล์ต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อไขมันที่ดูดออกมา โดยเหตุผลที่ทำให้เราจำเป็นต้องมี LipoCube สำหรับเติมไขมัน ได้แก่
1. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเซลล์ต้นกำเนิด
LipoCube คืออุปกรณ์ที่ช่วยกรองเนื้อเยื่อไขมันให้มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการผลิตของเซลล์ต้นกำเนิด ก่อนจะนำไปเข้าเครื่องหมุนเหวี่ยงเพื่อแยกเซลล์ไขมันและเซลล์ต้นกำเนิดออกจากไขมันส่วนเกินที่ไม่ต้องการและของเหลวอื่น ๆ กระบวนการนี้ช่วยให้ได้เซลล์ต้นกำเนิดที่มีความเข้มข้นสูงและมีความบริสุทธิ์มากขึ้น เมื่อเทียบกับการแยกเซลล์ด้วยวิธีดั้งเดิม
2. ลดการสูญเสียเซลล์ต้นกำเนิด
การแยกเซลล์ต้นกำเนิดด้วยมือหรือเครื่องมือทั่วไปอาจทำให้เซลล์ต้นกำเนิดสูญเสียไปในระหว่างกระบวนการได้ LipoCube ออกแบบมาเพื่อลดการสูญเสียเซลล์ต้นกำเนิดให้น้อยที่สุด ทำให้ได้จำนวนเซลล์ต้นกำเนิดที่เพียงพอสำหรับการเติมไขมันเพื่อบำรุงผิวหรือเพิ่มโอกาสให้เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปติดดีมากขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบ SVF กับ PRP แล้ว ตัวเกร็ดเลือดอย่าง PRP ยังไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าเซลล์ต้นกำเนิดที่ได้จากการกรองผ่าน LipoCube
3. ประหยัดเวลา
กระบวนการกระตุ้นปริมาณของเซลล์ต้นกำเนิดด้วย LipoCube ใช้เวลาน้อยกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการดั้งเดิม โดยปกติแล้ว LipoCube สามารถกระตุ้นปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดได้ภายในเวลาเพียง 15-30 นาที ในขณะที่วิธีการแยกเซลล์ด้วยมืออาจใช้เวลานานกว่า เพราะต้องอาศัยความแม่นยำจากประสบการณ์ของแพทย์ซึ่งต้องระมัดระวังให้เกิด Human Error น้อยที่สุด
4. ได้เซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณภาพสูง
LipoCube ช่วยให้ได้เซลล์ต้นกำเนิดที่มีความสมบูรณ์และมีคุณภาพสูง เซลล์ต้นกำเนิดที่ได้จาก LipoCube ทำให้เซลล์ไขมันที่จะเติมเข้าไปมีโอกาสรอดชีวิตและทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยให้ผิวชั้นลึกแลดูสุขภาพดีมากขึ้นด้วย
5. ลดความเสี่ยงในการปนเปื้อน
LipoCube เป็นกระบวนการคัดกรองไขมันแบบระบบปิด ที่ช่วยลดโอกาสการปนเปื้อนจากเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมระหว่างการแยกเซลล์ ทำให้เซลล์ต้นกำเนิดที่ได้มีความปลอดภัยสำหรับการฉีดไขมันกลับเข้าไปในร่างกาย
6. เหมาะสำหรับการรักษาที่หลากหลาย
เซลล์ต้นกำเนิดที่สกัดด้วย LipoCube สามารถนำไปใช้ในการรักษาได้หลายรูปแบบ เช่น การฉีด FatStem เพื่อการฟื้นฟูผิวหน้า ลดริ้วรอย เสริมสร้างคอลลาเจน หรือแม้กระทั่งการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม (แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมเพื่อการรักษาที่เหมาะสม)
7. เพิ่มความแม่นยำในการรักษา
เนื่องจาก LipoCube ช่วยให้ได้เซลล์ต้นกำเนิดที่มีความเข้มข้นสูง แพทย์จึงสามารถคำนวณปริมาณเซลล์ที่ต้องการได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่มักเกิดกับการฉีดไขมันแบบเดิม ๆ หรือแบบ PRP เช่น ความบวมของผิว การอักเสบ ติดเชื้อ การปนเปื้อน คุณภาพของส่วนผสม เป็นต้น
LipoCube เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสกัดสเต็มเซลล์จากไขมัน เนื่องจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความปลอดภัยในกระบวนการกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิด การใช้ LipoCube ทำให้ได้เซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในการรักษาและฟื้นฟูร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากกำลังพิจารณาการฉีด FatStem หรือการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ไขมัน การเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ใช้ LipoCube จะช่วยให้เรามั่นใจยิ่งขึ้นว่าผลลัพธ์ที่ได้มีคุณภาพดี

สรุป LipoCube SVF ดีกว่าเกร็ดเลือด PRP หรือเปล่า?
สรุปคือ LipoCube ที่ช่วยสกัด SVF อาจดีกว่าในกรณีที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและมีการฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวชั้นลึก ส่วน PRP อาจดีกว่าในกรณีที่เราต้องการผลลัพธ์รวดเร็วและไม่ต้องการกระบวนการที่ซับซ้อน เพราะทั้งสองวิธีนี้สามารถนำมาผสมผสานกับการเติมไขมันได้ทั้งคู่ แต่จะให้ความแตกต่างในเรื่องประสิทธิภาพของผลลลัพธ์ ซึ่ง SVF เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณภาพล้ำลึกกว่าเมื่อเทียบกับ PRP ที่มีเพียง Growth Factor
อย่างไรก็ตาม การเลือกวิธีเติมไขมันที่ดีที่สุด ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญเพื่อประเมินสุขภาพ และความต้องการอื่น ๆ ส่วนบุคคลอย่างละเอียด เพื่อเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย และข้อจำกัดที่แตกต่างกันด้วย สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ สามารถติดต่อปรึกษาแพทย์ได้ที่ช่องทางได้ล่าง ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
หน้าใส ผิวสวย ไม่ต้องเสียเลือดเพิ่ม!
สกัดจากเซลล์ไขมันบริสุทธิ์ จบครั้งเดียว
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย : https://lin.ee/801MUsB
ติดต่อเบอร์โทร :
062-789-1999⇒ สาขา รัชโยธิน กด 1
⇒ สาขา ราชพฤกษ์ กด 2