ต้นแขนใหญ่เป็นปัญหาที่บั่นทอนความมั่นใจในการแต่งตัวกันเยอะมากค่ะ การฉีดแฟตแขนหรือเมโสแฟตแขน จึงเป็นอีกทางเลือกที่สาว ๆ หลายคนใช้ โดยหวังว่าจะช่วยลดต้นแขนให้กลับมาเล็กลงหรือมีความเข้ารูปมากขึ้น แต่ก่อนจะตัดสินใจไปฉีดแฟตแขน มีเรื่องอะไรที่ต้องรู้บ้าง? หมอมะปรางเอาข้อมูลมาฝากกันค่ะ
ฉีดแฟตแขน คืออะไร? อันตรายไหม?
การฉีดแฟตแขน (Meso Fat) คือการฉีดสารชนิดเข้มข้นเข้าไปในชั้นไขมัน สารนั้นจะทำปฏิกิริยากับเนื้อไขมัน ทำให้เกิดการสลายตัว กลายเป็นน้ำเหลืองซึ่งจะถูกขับออกเองตามธรรมชาติ ทำให้แขนเล็กลงโดยไม่ต้องผ่าตัด หัตถการประเภทนี้จะช่วยลดไขมันและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวได้ในระดับหนึ่งด้วย
หากถามว่าการฉีดแฟตแขนอันตรายไหม คำตอบคือ ไม่อันตรายถ้าฉีดถูกวิธีโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ค่ะ แต่สาว ๆ อย่าลืมว่าเมโสแฟตนั้นมีของปลอมเยอะมาก ๆ ถ้าฉีดของปลอมเข้าไปก็อันตรายกับร่างกายเราแน่นอนค่ะ!
เมโสแฟต ฉีดแฟตแขน กี่วันเห็นผล?
สำหรับระยะเห็นผลของการฉีดแฟตแขน คือ 1-2 สัปดาห์ขึ้นไปค่ะ ในช่วงนี้ไขมันของร่างกายตรงจุดที่ฉีดแฟตแขนเข้าไปจะเริ่มทำปฏิกิริยากัน ไขมันจะเริ่มเกิดกระบวนการสลายตัวอย่างช้า ๆ และถูกขับออกจากร่างกายไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นผลลัพธ์ของการฉีดแฟตแขนอย่างชัดเจนที่สุด ณ สัปดาห์ที่ 3 ค่ะ
ฉีดเมโสแฟตแขน อยู่ได้นานไหม?
คนที่ฉีดแฟตแขนจะอยู่ได้นานประมาณ 3 เดือนขึ้นไปค่ะ ซึ่งเป็นกรณีที่เราดูแลตัวเองดี ไม่กินอาหารไขมันสูงหรืออาหารที่กระตุ้นการสะสมไขมันในร่างกายค่ะ ถ้าทำได้เรื่อย ๆ ผลลัพธ์ของการฉีดแฟตแขนก็จะสามารถอยู่ได้นานขึ้น
แต่ถ้าเราดูแลตัวเองไม่ดี จัดชาบูหมูกระทะกี่แคลก็ไม่หวาดหวั่นทุกวันหยุด ก็ไม่มีทางที่ผลลัพธ์ของการฉีดแฟตแขนจะอยู่ได้นานขนาดนั้นค่ะ เพราะไขมันที่สลายไปก็สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ถ้าเราเติมไขมันที่ไม่ดีเข้าร่างกายทุกวัน
ฉีดแฟตแขน ราคาเท่าไหร่นะ?
โดยเฉลี่ยแล้ว หนึ่งครั้งของการฉีดเมโสแฟต ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2,000 บาทขึ้นไปถึงหลักหมื่น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารสกัดเมโสแฟตที่นับเป็น cc สูตรของเมโสแฟตที่แตกต่างกัน และค่าบริการส่วนอื่น ๆ ของแต่ละคลินิก
หากเป็นการฉีดแฟตแขนก็จะใช้ปริมาณ cc เยอะกว่าการฉีดแฟตบริเวณใบหน้า การฉีดแฟตแขน ราคาจึงเริ่มต้นราว ๆ 5,000-30,000 บาท โดยปริมาณ cc ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันต้นแขนของเราว่าเยอะแค่ไหน
แล้วเมโสแฟตแขน ต้องฉีดแฟตแขน กี่ cc ถึงจะพอ?
สำหรับปริมาณ cc ที่ชัดเจนนั้นไม่สามารถตอบได้อย่างแน่นอนค่ะ เพราะปริมาณที่ต้องใช้เมโสแฟตนั้นแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคน หากสาว ๆ มีไขมันสะสมน้อยก็ฉีดแฟตแขนน้อย แต่ถ้ามีไขมันส่วนเกินเยอะก็ต้องปรับปริมาณตาม (โดยเมโสแฟต 1 ขวดมีปริมาณ 10cc ในขณะที่การฉีดเมโสแฟตเพื่อปรับรูปร่างต้องใช้ 20-40cc กันเลย)
ดังนั้น การฉีดแฟตแขนจึงอาจจะต้องใช้เมโสแฟตค่อนข้างมาก และการฉีดแฟตแขนแต่ละครั้งก็จะเห็นผลแค่ 10-15% เท่านั้น หากไขมันส่วนเกินเยอะก็อาจจะต้องมาฉีดซ้ำหลายรอบ บางคนเป็นสิบรอบก็มีค่ะ
ฉีดแฟตแขน VS ดูดไขมันต้นแขน อันไหนดีกว่า?
การดูดไขมันต้นแขนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สาว ๆ มักจะถามหมอบ่อย ๆ ว่าอันไหนดีกว่ากัน เพราะฉะนั้น หมอจะมาตอบข้อสงสัยนี้ค่ะว่าระหว่างการฉีดแฟตแขน vs การดูดไขมันต้นแขน มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันยังไงบ้าง?
ฉีดแฟตกับดูดไขมัน จะมีจุดประสงค์ในการกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดเหมือนกันค่ะ ช่วยในการปรับสัดส่วนของร่างกายแต่ละส่วน ทั้งยังมีประโยชน์ในการลดเซลลูไลท์ที่เกิดจากการสะสมไขมันด้วย จะต่างกันแค่หลักการทำงานเท่านั้น
การที่เมโสแฟตทำงานโดยการฉีดสารสกัดเพื่อสลายไขมัน ทำให้ต้องใช้เวลาในการทำปฏิริยาค่อนข้างนาน ไม่เหมือนการดูดไขมันต้นแขนที่เป็นใช้เครื่องมือเข้าไปกำจัดไขมันใต้ผิวโดยตรง แล้วดูดทิ้งไป จึงเห็นผลชัดทันที โดยไม่ต้องมาทำซ้ำ ๆ เหมือนการฉีดแฟตแขน ซึ่งกว่าจะปรับสัดส่วนต้นแขนให้เล็กลงได้ ก็ต้องทำซ้ำ 4-5 ครั้งขึ้นไป
เมื่อการฉีดแฟตแขนต้องมาฉีดซ้ำหลายรอบ ทำให้ราคายิ่งสูง จึงไม่เหมาะกับคนที่ไขมันสะสมเยอะมาก ๆ นอกจากต้นแขนจะไม่ลดลงแล้ว ยังเปลืองค่าใช้จ่ายและเปลืองเวลาโดยใช่เหตุ คนที่มีไขมันส่วนเกินเยอะจึงเหมาะกับการดูดไขมันต้นแขนมากกว่า (ยังไม่นับกรณีที่คนไขมันเยอะ จะมีไขมันหนาแน่น ก็ต้องฉีดแฟตแขนเยอะมาก)
สำหรับการพักฟื้นหลังทำ ฉีดแฟตแขนไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเพราะไม่ได้ผ่าตัด ซึ่งเป็นข้อเสียของการดูดไขมันที่ต้องพักฟื้นหลายวัน แต่ปัจจุบันก็มีนวัตกรรมหลายอย่างเพื่อร่นระยะเวลาพักฟื้น เร็วที่สุดไม่ถึงสัปดาห์ก็ใช้ชีวิตได้ปกติแล้วค่ะ
ในอดีต หลายคนอาจจะมองว่าการฉีดแฟตแขนนั้นมีข้อดีมากกว่า เพราะเป็นการสลายไขมันที่ตรงจุดแบบไม่ต้องเจ็บตัวมาก แต่ปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในวงการดูดไขมันนั้นไปไกลมาก ๆ แล้วค่ะ เครื่องมือหลากหลายขึ้นประกอบกับบริการอื่น ๆ ที่ช่วยให้เราไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้นนานเกินไป สามารถทดแทนข้อเสียของการดูดไขมันได้เลยค่ะ
ดูดไขมันต้นแขนที่ Amara Liposuction Center ดียังไงนะ?
การดูดไขมันต้นแขนที่เอมาร่า ครอบคลุมปัญหาผิวหลังดูดไขมัน ไม่ว่าจะเป็นเซลลูไลท์ พังผืดใต้ผิว หรือความหย่อนคล้อยไม่กระชับ ก็แก้ได้ด้วยเครื่องดูดไขมันที่ทันสมัย ไม่ใช่แค่การดูดไขมันทิ้งอย่างเดียว
หากกังวลเรื่องปัญหาหลังดูดไขมัน ก็สบายใจหายห่วง!
เพราะเรามีบริการ After Care ดูแลหลังดูดไขมันแบบครบครัน รักษารอยแผลเป็นด้วยเลเซอร์ ฉายแสง LED ลดบวม นวดสลายก้อนไตหรือพังผืดใต้ผิวด้วยเครื่องนวด RF ชุดกระชับหลังดูดไขมันแขน โดยเฉพาะ และอื่น ๆ อีกมากมาย!
ปรับสัดส่วนและรูปร่างแบบรายบุคคล รู้ผลลัพธ์ล่วงหน้าด้วย StyKu 3D Body Scannerมีห้องผ่าตัดใหญ่ คลินิกทันสมัย ได้รับการรับรองจาก AACI มาตรฐานระดับโลก!
สรุป
การฉีดแฟตแขน นับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ต้องการพักฟื้นหลังทำค่ะ แต่จะมีข้อเสียคือไม่สามารถกำจัดไขมันได้หมดในรอบเดียว จึงต้องฉีดซ้ำหลายครั้งกว่าจะเห็นผล แต่ถ้าใครไม่อยากเจ็บตัวหลายรอบ ไขมันส่วนเกินเยอะ อยากกำจัดไขมันแบบตรงจุด การดูดไขมันก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าค่ะ ไม่ได้มีการกำจัดไขมันแบบไหนดีที่สุด เลือกวิธีลดต้นแขนที่เหมาะกับเราที่สุดก็พอค่ะ ทั้งนี้ ก็ควรอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดนะคะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic
KOL Trainer
แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet
พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)