แนะนำวิธีรักษาถุงใต้ตาอย่างเห็นผล จบปัญหาดวงตาไม่สดใสจนทำให้แก่กว่าวัย

ถุงใต้ตาถือเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อความมั่นใจของหลาย ๆ คนในปัจจุบัน เพราะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยหรือทำให้ดูอ่อนล้ากว่าวัย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้ หมอตวง AMARA จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสาเหตุของการเกิดถุงใต้ตา วิธีการรักษาที่ได้ผล พร้อมแนะนำการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังการรักษาถุงใต้ตา เพื่อให้คุณกลับมามั่นใจอีกครั้ง ถ้าพร้อมแล้วมาอ่านด้วยกันได้เลย

ถุงใต้ตา คืออะไร

ถุงใต้ตา (Eye Bags) คือภาวะที่ผิวหนังใต้ตาเกิดการหย่อนคล้อยและมีการสะสมของไขมัน ทำให้เห็นเป็นถุงนูนชัดเจนบริเวณใต้ดวงตา ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงวัยกลางคนขึ้นไป ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

• ถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมัน : มักมีลักษณะนูนเด่นชัด และไม่หายไปแม้จะพักผ่อนเพียงพอ

• ถุงใต้ตาที่เกิดจากการบวมน้ำ : มักเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ อาการจะดีขึ้นเมื่อได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่

แม้ว่าถุงใต้ตาจะไม่ใช่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง แต่ก็ส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจ ทำให้หลาย ๆ คนอยากลดถุงใต้ตา เพราะการมีถุงใต้ตาทำให้ใบหน้าดูอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น และดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง การเข้าใจสาเหตุของการเกิดถุงใต้ตาจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือการพบแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์นั่นเอง

ถุงใต้ตาเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง

สาเหตุหลักของการเกิดถุงใต้ตามักเกิดจากการเสื่อมของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อรอบดวงตาตามวัย ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นสูญเสียความยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังสามารถเกิดได้จากพันธุกรรม การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือการได้รับแสงแดดมากเกินไปอีกด้วย 

สามารถรักษาถุงใต้ตาด้วยตนเองได้ไหม

การรักษาถุงใต้ตาด้วยตนเองสามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และการดูแลผิวรอบดวงตาอย่างถูกวิธี ได้แก่

1. นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง และควรเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดอาการบวมของถุงใต้ตาที่อาจจะเกิดขึ้นได้
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 6-8 แก้ว เพื่อช่วยขับสารพิษและลดการบวมน้ำใต้ตา
3. ลดการรับประทานอาหารรสเค็ม เพราะโซเดียมจะทำให้ร่างกายเก็บกักน้ำ ส่งผลให้เกิดอาการบวม และกลายเป็นถุงใต้ตาได้ในภายหลัง
4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพราะสารเหล่านี้ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของถุงใต้ตา
5. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของวิตามินเค คาเฟอีน หรือเรตินอล ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและลดการบวม

การรักษาถุงใต้ตาให้ได้ผลดีที่สุด หมอตวง AMARA แนะนำควรเริ่มต้นจากการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปัญหาถุงใต้ตาแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย

แนะนำวิธีรักษาถุงใต้ตาทางการแพทย์ 

อย่างไรก็ตาม หากถุงใต้ตาเกิดจากกรรมพันธุ์หรือการเสื่อมสภาพของผิวตามวัย การรักษาด้วยตนเองอาจได้ผลไม่เต็มที่ ในกรณีนี้ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่งเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม โดยทาง AMARA มีบริการแนะนำดังนี้

1. ฉีดไขมันหน้าเด็ก

การฉีดไขมันหน้าเด็ก (Baby Fat Injection) เป็นวิธีการรักษาถุงใต้ตาที่ได้รับความนิยม เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย โดยใช้ไขมันจากร่างกายของผู้รับการรักษาเป็นหลักในการฉีด โดยจะเริ่มจากการดูดไขมันจากบริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น หน้าท้องหรือต้นขา จากนั้นนำไขมันมาผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ และฉีดเข้าบริเวณใต้ตาที่มีร่องลึกหรือถุงไขมัน เพื่อทำการรักษาถุงใต้ตา 

ทั้งนี้การรักษานี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง และมีข้อดีที่โดดเด่นคือ มีผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เกิดอาการแพ้ได้น้อย รวมถึงฟื้นตัวเร็ว จึงทำให้เป็นอีกวิธีการรักษาถุงใต้ตาที่ได้รับความนิยม

2. ผ่าตัดจัดเรียงไขมันใต้ตาใหม่

การผ่าตัดจัดเรียงไขมันใต้ตา (Lower Blepharoplasty) เป็นวิธีการผ่าตัดถุงใต้ตาเพื่อรักษาถุงใต้ตาแบบถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาจากไขมันที่หย่อนคล้อยหรือมีการสะสมตัวผิดตำแหน่ง โดยมีข้อดีคือ ให้ผลลัพธ์ถาวร แก้ไขปัญหาได้ครอบคลุม และมองเห็นรอยแผลได้ยาก ทั้งนี้หมอตวง AMARA แนะนำว่าควรปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล

3. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา (Under Eye Filler) เป็นวิธีการรักษาถุงใต้ตาแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มร่องลึกและปรับสมดุลของไขมันใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น อย่างไรก็ตามควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เนื่องจากบริเวณรอบดวงตาเป็นพื้นที่ที่บอบบางและต้องการความแม่นยำสูงในการรักษานั่นเอง