SVF Skin Repair เป็นการฟื้นฟูผิวด้วยเซลล์ต้นกำเนิดใหม่ล่าสุดจาก AMARA Liposuction Center ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับการรักษาปัญหาผิวหนัง อาทิ จุดด่างดำ ริ้วรอย สิว ฝ้า กระ และปัญหาผิวโทรมจากอายุที่เพิ่มขึ้น พร้อมเพิ่มผลลัพธ์ในการฉีดไขมันให้ไขมันติดสูงถึง 70-90%
บริการ SVF Skin Repair จึงเป็นหนึ่งในบริการดูแลผิวควบคู่กับการฉีดไขมัน เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการฉีดไขมันและบำรุงผิวพรรณในขั้นตอนเดียวกัน ในบทความนี้จึงจะพามาสรุปข้อมูลเกี่ยวกับ SVF สเต็มเซลล์สารพัดประโยชน์ตัวนี้กัน! – หมอไอซ์ AMARA Liposuction Center
สารสกัด SVF คืออะไร?
SVF (Stromal Vascular Fraction) คือ กลุ่มเซลล์ที่ช่วยในการสร้างเส้นเลือดใหม่ และช่วยเสริมความแข็งแรงให้เส้นเลือด ซึ่งจะมีผลให้เส้นเลือดสามารถลำเลียงสารอาหารได้ดี เป็นเซลล์ที่ไม่ได้มีหน้าที่จำเพาะเจาะจง เรียกอีกอย่างว่า ‘เซลล์ต้นกำเนิด’ แต่สามารถรวมตัวพัฒนาเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่จำเพาะได้ด้วย
SVF เป็นสเต็มเซลล์ที่จะถูกสร้างขึ้นเมื่อเซลล์ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้น จึงมีการนำเนื้อเยื่อไขมันที่ได้จากการดูดไขมัน มาตัดแบ่งให้มีขนาดเล็กลงซึ่งจะเหมือนการทำให้เนื้อเยื่อนั้นได้รับบาดเจ็บและเส้นเลือดฉีกขาดแต่ไม่ถึงขั้นทำให้เซลล์ไขมันตาย สเต็มเซลล์ Stromal Vascular Fraction ก็จะถูกสร้างขึ้นเพื่อซ่อมแซมเส้นเลือดเหล่านั้น และสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้น
ส่วนประกอบ 4 ประเภทในสารสกัด SVF
เซลล์ต้นกำเนิดนั้นสามารถผลิตขึ้นจากร่างกายของเราเอง โดยสกัดจากเลือด ไขกระดูก ไขมัน และรก เป็นต้น ทำให้มีการจำแนกประเภทของส่วนประกอบ SVF ออกเป็น 4 องค์ประกอบที่มีหน้าที่แตกต่างกัน ได้แก่
- สเต็มเซลล์จากไขมัน (Adipose-derived Stem Cells หรือ ADSCs) เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มีบทบาทในการใช้งานเพื่อสุขภาพ ความงาม และเวชศาสตร์ฟื้นฟู
- เซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคม์ (Mesenchymal Stem Cells หรือ MSCs) เป็นสเต็มเซลล์ระบบเลือดที่สามารถเจริญไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เจาะจงได้ ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ให้ทำงานได้ดีขึ้น
- เซลล์เยื่อบุหลอดเลือด (Endothelial Cell) เป็นส่วนประกอบของผนังหลอดเลือด จะเรียงตัวกันเป็นพื้นผิวด้านในของหลอดเลือด มีบทบาทในการทำให้หลอดเลือดแข็งแรง
- เซลล์ต้นกำเนิดเยื่อบุผนังหลอดเลือด (Endothelial Progenitor Cells) เป็นส่วนประกอบของผนังหลอดเลือดเช่นกัน แต่จะมีบทบาทในการสร้างหลอดเลือดใหม่มากกว่า
- ทีเซลล์ (T Cells) เป็นส่วนประกอบของระบบภูมิคุ้มกัน มีบทบาทในการป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ
นอกจากส่วนประกอบหลักเหล่านี้แล้ว SVF ยังมี Growth Factors ช่วยซ่อมแซมเซลล์, ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน, เซลล์ Pericyte ช่วยคุมการไหลเวียนเลือด และเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่น ๆ ที่มีช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่
แม้สเต็มเซลล์อย่าง Stromal Vascular Fraction จะมีอยู่ในร่างกายหลายส่วน เช่น น้ำเลือด สายสะดือ รก อวัยวะบางชนิด หรือไขกระดูก และสามารถนำมาสกัดได้เหมือนกัน แต่จะได้ปริมาณที่ไม่เท่ากันและค่อนข้างเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย ทำให้นิยมใช้ไขมันจากส่วนเกินมากกว่า เพราะมีผลข้างเคียงกับร่างกายน้อยกว่าและได้ปริมาณสเต็มเซลล์สูงครับ
เนื้อเยื่อไขมันที่กรองแล้วมีสเต็มเซลล์ SVF มากที่สุด! – งานวิจัยจาก Springer Link
ปริมาณสเต็มเซลล์ SVF ในแต่ละที่มานั้นมีไม่เท่ากันครับ โดยจากวารสารงานวิจัยจาก Springer Link เกี่ยวกับการศึกษาสเต็มเซลล์ไขมันพบว่า เนื้อเยื่อไขมันที่ผ่านการกรองหรือถูกทำให้ได้รับบาดเจ็บมีปริมาณ Stromal Vascular Fraction มากกว่าสเต็มเซลล์ที่ได้จากไขกระดูก สายสะดือ หรือเนื้อเยื่อไขมันที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสูงกว่าราว ๆ 3 เท่าเลยทีเดียวครับ!
ขอบคุณข้อมูลจาก Springer Link
ประโยชน์ของ Stromal Vascular Fraction
SVF ที่มีคุณสมบัติในการสร้างเส้นเลือดทำให้สามารถนำไปปรับใช้ในการรักษาได้หลายอย่างครับ เพราะถ้าเส้นเลือดเราแข็งแรง ก็จะทำให้การลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ดีขึ้น! ทำให้เซลล์แข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการใช้ประโยชน์จากสเต็มเซลล์ไขมันถูกนำไปใช้ทั้งทางด้านการแพทย์และความงาม ได้แก่
ประโยชน์ด้านการแพทย์
- รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
- รักษาอาการบาดเจ็บของเส้นเอ็น
- รักษาอาการปวดไมเกรน
- รักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
- ช่วยสมานแผล แผลพุพอง กระดูกหัก
- รักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
- รักษาโรคผิวหนังแข็ง (Scleroderma)
- รักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง
- รักษาโรคเบาหวาน โรคปอด
- ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ
ประโยชน์ด้านความงาม
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดเลือนริ้วรอย
- เพิ่มความชุ่มชื้น ลดผิวแห้งเสีย
- เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
- ปรับสีผิวให้กระจ่างใส
- รักษาอาการผมร่วง
- รักษาแผลเป็น ช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิคุ้มกัน
- ลดการอักเสบในชั้นผิว
- กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว
- ช่วยเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ ชะลอวัย
ขั้นตอนการสกัดสเต็มเซลล์ไขมัน SVF
สำหรับขั้นตอนการสกัด SVF คลินิกส่วนใหญ่จะนิยมใช้ไขมัน ดังนั้น การสกัดสเต็มเซลล์ไขมันจึงจะต้องมีขั้นตอนการดูดไขมันเข้ามาร่วมด้วย จากนั้นจะเข้าสู่การเตรียมไขมันเพื่อสกัดสเต็มเซลล์ให้พร้อมสำหรับการฉีดเข้าสู่ร่างกาย
-
ดูดไขมันแบบอ่อนโยนที่สุด
เนื่องจาก SVF จะสร้างในปริมาณมากได้ก็ต่อเมื่อเซลล์ได้รับบาดเจ็บ หมายความว่าถ้าเซลล์ตายมันก็ไม่มีความจำเป็นต้องสร้าง ดังนั้น ถ้าจะให้ได้ SVF มากเพียงพอต่อความต้องการ ก็ต้องเลือกให้ดีตั้งแต่การดูดไขมันครับ
ปัจจุบันมีเครื่องดูดไขมันที่หลากหลายมาก แต่ที่อ่อนโยนที่สุดจะเป็นเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ ไม่ก่อให้เกิดความร้อนต่อเนื้อเยื่อไขมัน ทำให้ไขมันยังคงมีชีวิตอยู่ สามารถนำไปสกัดเซลล์ต้นกำเนิดได้ในขั้นตอนต่อไป
-
เตรียมสกัด SVF
เมื่อได้เนื้อเยื่อไขมันออกมาแล้ว เราจะต้องนำไปเข้าเครื่องปั่นแยกก่อนครับ เพราะไขมันที่ดูดออกมาด้วยเครื่องพลังงานน้ำ จะมีทั้งยาชาและน้ำเลือดปะปนอยู่เยอะ เมื่อเกิดการแยกชั้นก็จะสามารถเอายาชาและน้ำเลือดออกได้ เหลือแค่เนื้อเยื่อไขมันเท่านั้น
เบื้องต้น เนื้อเยื่อไขมันที่ได้ตอนแรกก็มี SVF อยู่แล้วครับ แต่จะมีในปริมาณที่น้อยมาก ส่วนใหญ่มักจะได้ไม่ถึง 1cc ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ จึงต้องมีอุปกรณ์ในการเพิ่มปริมาณการสร้างเซลล์ต้นกำเนิดนี้ให้เพียงพอ
ปัจจุบัน อุปกรณ์ที่สามารถทำให้เนื้อเยื่อไขมันได้รับบาดเจ็บโดยที่เซลล์ไม่ตายคือ LipoCube ครับ อุปกรณ์นี้จะช่วยกรองเซลล์ไขมันให้มีขนาดเล็กระดับนาโน ทำให้กระบวนการสร้างสเต็มเซลล์ถูกกระตุ้นสูง จนได้ปริมาณเยอะขึ้นกว่า 16 เท่า (เมื่อเทียบกับการสกัด SVF แบบเดิม) และยังสามารถสกัดเซลล์แบบระบบปิด ช่วยให้ปลอดเชื้อ
เมื่อกรองเนื้อเยื่อไขมันจนได้เซลล์ต้นกำเนิดที่เพียงพอแล้ว ก็จะนำไปเข้าเครื่องปั่นเพื่อให้เกิดการแยกชั้นระหว่างเซลล์ไขมันบริสุทธิ์และสเต็มเซลล์อีกครั้ง ก็ได้สเต็มเซลล์ที่พร้อมนำไปใช้งานต่อได้ (แต่สำหรับคนที่อยากเติมไขมันด้วย สามารถเติมผสมกันไปเลยก็ได้ ไม่ต้องแยกชั้นครับ ช่วยให้ไขมันติดดีขึ้นด้วย)
-
ฉีด SVF เข้าสู่ผิว
การฉีด SVF จะเหมือนกับการฉีดเมโสหน้าใสหรือฉีดสารบำรุงผิวเลยครับ ร่างกายจะสามารถรับเอา สเต็มเซลล์ชนิดนี้เข้าไปซ่อมแซมผิวที่เสียหายหรือมีการอักเสบได้เลย ช่วยฟื้นฟูเส้นเลือดในผิว ทำให้หน้าอิ่มฟู เลือดไหลเวียนดีขึ้น หรือสำหรับคนที่กลัวเข็มก็สามารถนำมาทาผิวได้เช่นกัน!
LipoCube ไอเทมอัพปริมาณสเต็มเซลล์แห่งยุค
อุปกรณ์ที่ช่วยในการสกัด SVF อย่าง LipoCube เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ทำให้เนื้อเยื่อไขมันถูกคัดกรองให้มีขนาดเล็กเท่า ๆ กัน ความละเอียดสูงสุดถึงระดับนาโน ทำให้การฉีดไขมันมีคุณภาพกว่าการกรองไขมันแบบเดิม ๆ และช่วยกระตุ้นการสร้างสเต็มเซลล์สูงโดยไม่ทำให้เซลล์ตาย ได้ปริมาณมากกว่าการกรรมวิธีแบบเดิม ๆ ถึง 16 เท่า (16 CC : ไขมัน 100 ml.)
ฉีด SVF ตำแหน่งไหนได้บ้าง?
การฉีด SVF Skin Repair เหมาะสำหรับฉีดในบริเวณผิวหน้า อาทิ ใต้ตา ร่องแก้ม ลำคอ หรือฉีดทั่วใบหน้าก็ได้เช่นกัน การฉีด SVF มีจุดประสงค์เพื่อให้ผิวพรรณดีขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดเลือนริ้วรอย รอยแผล กระชับรูขุมขน ผิวแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
ทั้งนี้ การฉีดสเต็มเซลล์นั้นมักจะถูกเคลมว่าสามารถนำไปฉีดช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ที่เป็นโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง (Systemic illness) ได้ ซึ่งในความเป็นจริงยังไม่มีงานวิจัยชัดเจนว่าสามารถทำอย่างนั้นได้จริงและปลอดภัย แนะนำให้ระมัดระวังและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจนะครับ
การเตรียมตัวก่อนฉีดสเต็มเซลล์
- แจ้งประวัติการรักษาและสิ่งที่แพ้ตอนปรึกษาแพทย์
- เตรียมร่างกายตามวิธีเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
- งดทานยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- งดดื่มแอลกอฮอล์และงดบุหรี่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป
- ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น ชา กาแฟ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้เลือดไหลเวียนดี (แต่ต้องงดน้ำและอาหารก่อนดูดไขมัน 8 ชั่วโมงในเคสที่ใช้ยาสลบ)
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์และยาต้านการอักเสบ 2 สัปดาห์ขึ้นไป
- นอนพักผ่อนอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงขึ้นไป
การดูแลตัวเองหลังฉีดสเต็มเซลล์
- ดูแลร่างกายตามวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
- งดทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์และบุหรี่
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ
- ทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- เลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดสเต็มเซลล์
- ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- หากพบอาการผิดปกติหรือรู้สึกไม่สบายใจ ให้ติดต่อแพทย์ทันที
ผลข้างเคียงของการฉีด SVF
การฉีดสเต็มเซลล์ SVF Skin Repair นั้นไม่ได้มีอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใดครับ เพราะเป็นสเต็มเซลล์ที่มาจากร่างกายของเราเอง จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาการแพ้แต่อย่างใด ทว่าขั้นตอนการฉีดสเต็มเซลล์ก็มีผลข้างเคียงทางอ้อมอยู่ ได้แก่
-
อาการหลังดูดไขมัน
เมื่อเราดูดไขมันออกมาเพื่อสกัดสเต็มเซลล์ จะทำให้บริเวณที่ดูดไขมันอักเสบได้ครับ ถึงแม้จะใช้เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำก็ตาม แต่จะหายบวมได้ภายใน 1-7 วัน หรือมากกว่าในกรณีที่ดูดไขมันหลายตำแหน่ง
-
ความรู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำ
เนื่องจากต้องใช้เข็มฉีดยา ทำให้บางคนอาจจะรู้สึกเจ็บได้ครับ แต่ในขั้นตอนการฉีดต้องมีการทายาชาก่อนเสมอ ทำให้ไม่เจ็บระหว่างทำ หรือสำหรับคนที่เลือกดูดไขมันพร้อมฉีดสเต็มเซลล์ทันที ก็จะไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะวางยาสลบก่อนดูดไขมันแล้วครับ
-
ความบวมของผิวบริเวณที่ฉีด
ผลข้างเคียงข้อนี้แม้จะมีโอกาสเกิดได้ แต่ก็มีความรุนแรงน้อยมากครับ โดยเฉพาะในเคสที่ต้องการฉีดไขมันพร้อมสเต็มเซลล์ ก็อาจจะบวมเล็กน้อย แต่ก็หายได้อย่างเร็วที่สุดแค่ 2-4 วันครับ
ยกผิวสวยระดับเซลล์ด้วย SVF Skin Repair จาก AMARA
บริการ SVF Skin Repair จากเอมาร่า เราให้ความสำคัญกับคุณภาพของ SVF ตั้งแต่ขั้นตอนการดูดไขมันไปจนถึงขั้นตอนการฉีดเลยครับ เริ่มจากการเลือกเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำอย่าง Body-Jet บวกกับประสบการณ์การดูดไขมันมากกว่า 10,000 เคส การันตีจากรางวัล The Most Body-jet Users ถึง 6 ปีซ้อน รับรองว่าได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงแน่นอน
ที่สำคัญที่สุดสำหรับ SVF Skin Repair คือ การเตรียมไขมัน ซึ่งทางเอมาร่าได้นำเข้าอุปกรณ์อย่าง ‘LipoCube SVF’ ที่จะช่วยเพิ่มอัตราการสกัด SVF ความเข้มข้นสูง เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้เข้ารับบริการ ในการซ่อมแซมผิวให้เกิดใหม่ได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ กระบวนการทุกอย่างทำเป็นระบบปิด เพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนเข้ามาในสารสเต็มเซลล์ที่คัดแยกพร้อมฉีด
สำหรับผู้เข้ารับบริการที่มาดูดไขมันและต้องการเก็บสเต็มเซลล์ไว้ใช้ภายหลัง เราก็มีบริการเสริมอย่าง ‘Lipo Bank’ มารองรับ เพื่อให้สามารถฝากเนื้อเยื่อไขมันที่ได้เก็บไว้ในธนาคารไขมันของเรายาวนานเป็นปี ด้วยวิธีเก็บรักษาที่ดีที่สุด สามารถนำไปไขมันกลับมาสกัดสเต็มเซลล์ได้เมื่อต้องการ
นอกจากนี้ หากเป็นกังวลเรื่องดูดไขมัน เราก็มีบริการ After Care ดูแลหลังดูดไขมัน เพื่อลดระยะเวลาพักฟื้น ลดผลข้างเคียง และทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม โดยไม่ต้องไปหาคอร์สเสริมจากที่อื่น พร้อมบริการดูแลตลอดหลังเข้ารับบริการผ่านช่องทาง AMARA Customer Care ติดต่อส่วนตัวเฉพาะลูกค้าเอมาร่าเลยครับ
FAQs
: สเต็มเซลล์ที่สกัดจากไขมันตัวเอง แน่นอนว่าต้องเป็นสารสกัดจากธรรมชาติครับ เพราะสเต็มเซลล์ที่ได้ก็มาจากเซลล์ไขมันจากร่างกายของตัวเองผลิตขึ้นมา และหากจะฉีดก็ต้องดูดไขมันออกมาเข้าสู่กระบวนการสกัด ณ ตอนนั้นเลย ไม่มีการผสมอย่างอื่นครับ
: เพราะการนำเนื้อเยื่อไขมันออกจากร่างกายมาใช้ เมื่อเทียบกับไขกระดูก หรือจากอวัยวะส่วนอื่น ๆ แล้ว จะได้ปริมาณสเต็มเซลล์ที่เยอะโดยไม่ต้องเจ็บตัวมากครับ การเจาะไขกระดูกนั้นเจ็บมาก บางอวัยวะเราก็ไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ และถ้าใช้เลือดก็เสี่ยงเสียเลือดมากแต่ได้สเต็มเซลล์แค่นิดเดียว ไม่คุ้มเท่ากับการสกัดจากเนื้อเยื่อไขมันครับ
: การดูดไขมันเพื่อสกัดสเต็มเซลล์ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องพลังงานน้ำ เพราะทำลายเซลล์น้อยที่สุด ซึ่งพลังงานน้ำจะไม่ก่อให้เกิดการสะสมความร้อน ผิวไม่ไหม้ อักเสบน้อย จึงไม่เจ็บเท่าการดูดไขมันด้วยเครื่องอื่น ๆ ครับ
: SVF Skin Repair ทำเพียงครั้งเดียวก็เห็นผลชัดเจนแล้วครับ เพราะสเต็มเซลล์สามารถเข้าไปซ่อมแซมผิวที่เสียหายได้โดยตรงทันที แต่หลังจากทำไปแล้ว ก็ควรดูแลผิวให้แข็งแรงเสมอ จะได้คงผลลัพธ์ไปนาน ๆ หรือสามารถมาฉีดซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
: ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่มีผลให้คุณสมบัติของสเต็มเซลล์ให้ผลไม่เหมือนกัน จะเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้มากกว่าครับ เช่น การทานอาหาร ความเครียด อายุ การใช้ชีวิตประจำวัน แต่ก็ยังมีปัจจัยภายในอย่างระบบการฟื้นฟูตัวเองหรือโครงสร้างผิวแต่ละคนว่าจะดีแค่ไหน หากเราแผลหายช้าก็อาจจะแปลว่าฟื้นฟูด้วยสเต็มเซลล์ช้าก็ได้ครับ
: มีครับ นั่นก็คือการสกัดสเต็มเซลล์จากรกหรืออวัยวะอื่น ๆ แต่อย่างที่บอกไปว่าเราไม่สามารถเอาอวัยวะตัวเองออกมาใช้ได้ จึงจะต้องรับ SVF จากที่อื่นอย่างสเต็มเซลล์แซลมอนที่นิยมกัน ซึ่งราคาก็จะค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับการดูดไขมัน แต่ก็มีโอกาสแพ้เยอะกว่าครับ
: ได้ครับ แต่สเต็มเซลล์ที่มาจากบุคคลอื่นก็มีโอกาสแพ้ ติดเชื้อ หรือไม่เห็นผลที่ชัดเจน การฉีดสเต็มเซลล์ จึงต้องผ่านขั้นตอนการผลิต รวบรวม และคัดกรองสเต็มเซลล์ที่เข้ากับร่างกายเราก่อนนำมาฉีดเท่านั้น เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อหรือมีสิ่งแปลกปลอมปะปนครับ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic