อาหารหลัก 5 หมู่ สิ่งที่เราเรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าควรเลือกรับประทานให้ครบถ้วนในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง สุขภาพดีได้ ซึ่งอาหารหลัก 5 หมู่นั้นมีอะไรบ้าง? แต่ละหมู่สามารถเลือกทานจากแหล่งอาหารใด? เพื่อให้ได้ประโยชน์แบบเน้น ๆ ทั้งนี้ควรจะได้รับสารอาหารนั้น ๆ ต่อวันมากน้อยแค่ไหน ถึงจะไม่มากจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ สามารถติดตามได้ในบทความนี้
อาหารหลัก 5 หมู่มีอะไรบ้าง
ตามหลักโภชนาการแล้ว เราสามารถแบ่งอาหารหลักออกเป็น 5 หมู่ด้วยกัน ซึ่งอาหารแต่ละหมู่จะมีคุณประโยชน์ และหน้าที่ในการดูแลสุขภาพร่างกายที่แตกต่างกันออกไป แต่เมื่อได้รับครบถ้วน ก็ยิ่งเสริมการทำงานของร่างกายได้ดี โดยอาหารหลัก 5 หมู่ มีดังนี้
1. หมู่ 1 โปรตีน
อาหารหลัก 5 หมู่ หมู่ที่ 1 ก็คือโปรตีน เป็นกลุ่มอาหารที่มีความสำคัญสูง เพราะจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้อย่างครอบคลุม พร้อมมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ตลอดจนช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของโปรตีน
- ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต
- ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
- ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ
- ช่วยลดความอยากอาหาร และมีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนัก
ผลข้างเคียงเมื่อร่างกายขาดโปรตีน
- เกิดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ทำให้มัดกล้ามเนื้อต่าง ๆ มีขนาดเล็กลง และอาจเสี่ยงเป็นภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
- ส่งผลต่อสุขภาพเส้นผม และเล็บ ทำให้ผมขาดหลุดร่วง และเล็บเปราะ แตก หักได้ง่าย
- ในวัยเด็ก หากขาดโปรตีน จะเพิ่มโอกาสที่ร่างกายแคระแกร็น และเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่
แหล่งอาหารและปริมาณโปรตีนที่ควรได้รับ
แหล่งอาหารโปรตีนที่พบได้บ่อย ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ นม ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่ว และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากถั่ว โดยปริมาณเหมาะสมที่ร่างกายควรได้รับโปรตีนต่อวันจะอยู่ที่ 46-56 กรัม
2. หมู่ 2 คาร์โบไฮเดรต
อาหารหลัก 5 หมู่ หมู่ถัดมาคือ คาร์โบไฮเดรต ที่ถือเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายได้ดี และดีต่อระบบการทำงานของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงานของประสาทและสมอง ระบบเผาผลาญ และระบบทางเดินหายใจ
ประโยชน์ของคาร์โบไฮเดรต
- ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย เพิ่มเรี่ยวแรงในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน
- ช่วยให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้เป็นปกติและเต็มประสิทธิภาพ
- มีส่วนช่วยในการทำงานของสมองและประสาทให้สมดุล
ผลข้างเคียงเมื่อร่างกายขาดคาร์โบไฮเดรต
- ทำให้ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง อ่อนเพลียง่าย
- มีส่วนทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันไม่สมบูรณ์จนส่งผลเสียต่อร่างกาย
- ส่งผลให้อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
แหล่งอาหารและปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ควรได้รับ:
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ ข้าว แป้งทุกชนิด เมนูเส้นทุกชนิด ขนมปังทุกชนิด น้ำตาล รวมถึงพืชหัวใต้ดินอย่างเผือก และมัน โดยปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายควรได้รับจะอยู่ที่ 3-5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทั้งนี้ควรควบคุมปริมาณการรับประทานคาร์โบไฮเดรตให้เหมาะสม มิเช่นนั้นอาจสะสมเป็นไขมันส่วนเกินและส่งผลต่อน้ำหนักตัวได้
3. หมู่ 3 ไขมัน
ไขมัน หนึ่งในอาหารหลัก 5 หมู่ ที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งพลังงานของร่างกาย สามารถช่วยให้ร่างกายมีเรี่ยวแรงในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และคอยดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ
ประโยชน์ของไขมัน
- ช่วยให้พลังงานและสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย
- ทำหน้าที่เป็นตัวนำวิตามินที่สำคัญต่อร่างกายเข้าสู่กระแสเลือด เช่น A D E และ K
- ช่วยเสริมสร้างการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย และป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย ๆ
ผลข้างเคียงเมื่อร่างกายขาดไขมัน
- รู้สึกหนาวง่าย
- มีส่วนทำให้สุขภาพผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ
- มีส่วนทำให้สมาธิสั้น ระบบการทำงานประสาทและสมองผิดปกติ
แหล่งอาหารและปริมาณไขมันที่ควรได้รับ
ไขมันเป็นอาหารหลักที่สามารถพบได้ในไขมันทั้งจากพืชและไขมันจากสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปาล์ม น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดพืชต่าง ๆ น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว กะทิ หรือแม้กระทั่งเนย ซึ่งควรทานไขมันต่อวันประมาณ 70 กรัม หรือราว ๆ 400-600 แคลอรีเท่านั้น ไม่ควรทานมากเกินไป เพราะไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อน้ำหนักตัวแล้ว ยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย
4. หมู่ 4 วิตามิน
วิตามินแม้ว่าจะเป็นสารอาหารที่ไม่ได้ให้พลังงานเหมือนอาหารหลัก 5 หมู่อย่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันนั้น แต่ก็จำเป็นต่อกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายไม่น้อย ซึ่งมีวิตามินอยู่ 6 ประเภทที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ A D E K C และ B รวม โดยวิตามินแต่ละตัวก็จะมีคุณประโยชน์ในการดูแลสุขภาพร่างกายที่แตกต่างกันออกไป
ประโยชน์ของวิตามิน
- ช่วยดูแลสุขภาพดวงตาและการมองเห็น
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง
- เสริมสร้างการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย
- ช่วยชะลอวัย และป้องกันความเสื่อมของร่างกาย
ผลข้างเคียงเมื่อร่างกายขาดวิตามิน
- มีส่วนทำให้ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย เนื่องจากระบบภูมิต้านทาน หรือภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง
- เสี่ยงต่อภาวะเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ เช่น โรคกระดูกพรุน โรคเกี่ยวกับสายตา โรคเกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาทและสมอง
- สุขภาพผิวพรรณไม่ดี ผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งกร้าน
แหล่งอาหารและปริมาณวิตามินที่ควรได้รับ
วิตามินสามารถพบได้ทั่วไปในผัก ผลไม้ทุกชนิด โดยอาหารแต่ละอย่างก็จะอุดมไปด้วยวิตามินที่แตกต่างกันออกไป เช่น
- ส้ม และฝรั่งมีวิตามิน C สูง
- ผักใบเขียวมีวิตามิน B สูง
- ถั่ว และข้าวโพด มีวิตามิน E สูง เป็นต้น
โดยปริมาณที่แนะนำให้บริโภควิตามินต่อวันจะอยู่ที่ราว ๆ 60 มิลลิกรัม หรือถ้าเป็นหญิงตั้งครรภ์ ก็อาจต้องการวิตามินมากถึง 70-96 มิลลิกรัมต่อวัน
ทั้งนี้การทานผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายแทนได้ เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเสี่ยงเป็นเบาหวาน หรือมีภาวะน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ง่ายด้วยนั่นเอง
5. หมู่ 5 เกลือแร่และแร่ธาตุสำคัญ
เกลือแร่ หรือแร่ธาตุสำคัญ ก็เป็นอีกหนึ่งอาหารหลัก 5 หมู่ที่ไม่ได้มอบพลังงานให้ร่างกาย แต่ร่างกายก็ขาดไม่ได้เช่นเดียวกับวิตามิน ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายสามารถทำงานได้เป็นปกติ และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของเกลือแร่ แร่ธาตุ
- ช่วยเสริมภูมิต้านทานร่างกายให้แข็งแรง
- ช่วยเสริมสร้างการทำงานและความแข็งแรงของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
- ดีต่อระบบขับถ่ายของเสีย
- เกลือแร่บางชนิดดีต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย
- ช่วยรักษาสมดุลภายในและภายนอกเซลล์
ผลข้างเคียงเมื่อร่างกายขาดเกลือแร่ แร่ธาตุ
- ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติ เช่น ระบบเผาผลาญ ระบบประสาท และระบบขับถ่าย
- มีภาวะสุขภาพที่ไม่ดี เช่น ภาวะเครียด โลหิตจาง หรือกระดูกพรุน
- รู้สึกอ่อนเพลียง่าย และนอนไม่หลับ
แหล่งอาหารและปริมาณเกลือแร่ แร่ธาตุที่ควรได้รับ
สำหรับอาหารหลัก 5 หมู่อย่างเกลือแร่ หรือแร่ธาตุสำคัญต่าง ๆ ก็สามารถพบได้บ่อยในผัก ผลไม้ทุกชนิด โดยปริมาณที่ร่างกายควรได้รับแร่ธาตุจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละแร่ธาตุ ทั้งนี้หากรับแร่ธาตุบางชนิดมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับแร่ธาตุในปริมาณที่เหมาะสม และสมดุลกับความต้องการของร่างกาย
สรุป
อาหารหลัก 5 หมู่ ประกอบไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ ล้วนเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเป็นอย่างมาก หากขาดอาหารหมู่ใดหมู่หนึ่งไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายนานัปการตามมาได้ ซึ่งนอกจากจะรับประทานอาหารให้เพียงพอและครบ 5 หมู่แล้ว ก็อย่าลืมหมั่นออกกำลังกายอย่างเป็นประจำเพื่อลดไขมัน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ดูแลสุขภาพร่างกายแบบองค์รวม และควบคุมน้ำหนักไปในตัว
หากคุณต้องการตัวช่วยในการดูแลสุขภาพ เพื่อให้มีหุ่นที่ดี และลดไขมันส่วนเกิน โดยไม่ต้องหักโหมในการคุมอาหารและออกกำลังกายมากนัก AMARA ด้วยเทคโนโลยีดูดไขมันสุดล้ำ มีรีวิวดูดไขมันมากมาย หมดความกังวลได้เลยว่าดูดไขมันอันตรายไหม? มั่นใจได้ในความปลอดภัย เรายินดีให้บริการทุกท่านเป็นอย่างดี พร้อมให้คำปรึกษาฟรี
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย : https://lin.ee/801MUsB
ติดต่อเบอร์โทร :
062-789-1999⇒ สาขา รัชโยธิน กด 1
⇒ สาขา ราชพฤกษ์ กด 2
นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)
KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet