อยากคอสวยต้องรู้! ‘วิธีลดเหนียงคอ’ บอกลาปัญหาสะสมไขมันใต้คาง

        การจะหาวิธีลดเหนียงให้ได้ผล เราก็ต้องทราบก่อนครับว่าสาเหตุที่ทำให้เรามีเหนียงคอ มันเกิดจากอะไรได้บ้าง? หมอจะขอแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุให้ทราบกันคร่าว ๆ ดังนี้ครับ

• การเสื่อมสภาพของผิว

        เป็นเหนียงคออันเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นครับ เมื่อย่างเข้าเลขสาม ผิวจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจน สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวเหี่ยวหย่อนคล้อย กลายเป็นเหนียงคอห้อยชัดเจน นอกจากนี้ ความหย่อยคล้อยยังเกิดได้จากสิ่งแวดล้อมหรือปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ เช่น การโดนแสงแดดมากเกินไป ไม่ยอมทากันแดด ทำให้ผิวเหี่ยวแห้ง ถ้าเราดื่มสุราหรือสูบบุหรี่เป็นประจำก็ยิ่งทำให้คอลลาเจนถูกทำลาย หน้าเหี่ยวไวขึ้นครับ

• ไขมันสะสมเยอะเกินไป

        เหนียงคอเกิดจากการสะสมของไขมัน มักจะมีต้นเหตุมาจากการกินเยอะ กินของมันของทอด น้ำหนักเกิน ทำให้อ้วนขึ้นจนเหนียงออกนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้ ก็อาจจะมาจากสาเหตุอื่น เช่น โครงสร้างของร่างกายที่ทำให้ดูเหมือนมีเหนียงชัดกว่าคนอื่น การกินยาบางชนิดหรือโรคประจำตัวก็ทำให้อ้วนง่ายกว่าปกติได้เหมือนกันครับ

13 วิธีลดเหนียงคอมีอะไรบ้าง? หน้าเรียว เหนียงหายเหมือนไม่เคยมี

         หลังจากทราบสาเหตุแล้วก็มาดูวิธีลดเหนียงคอกันครับว่ามีอะไรบ้าง? แต่ละวิธีต่อไปนี้จะขึ้นอยู่กับสาเหตุการเกิดเหนียงคอของแต่ละคนด้วย ดังนั้น หมอจะแจ้งไว้ว่าวิธีลดเหนียงวิธีไหนเหมาะกับสาเหตุอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ

1.ออกกำลังกายด้วยท่าลดเหนียงคอ 

      ท่าลดเหนียงคอเป็นวิธียอดนิยมที่คนชอบใช้กันครับ ซึ่งก็มีหลายท่ามาก ๆ สามารถช่วยลดเหนียงคอได้ในระดับหนึ่ง เห็นผลจริง แต่ก็อย่าลืมว่าการออกกำลังกายมันต้องใช้เวลาครับ หากอยากให้ลดเร็วขึ้นก็อาจจะต้องมีอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มแรงต้านเข้ามาด้วย โดยท่าลดเหนียงคอที่หมอแนะนำเช่น

• Neck Lifts : หลังตรง ก้มหน้าและเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ให้สูงที่สุดโดยใช้กล้ามเนื้อคอ

• Neck Turn : ยืนหน้าตรง หันหน้าไปด้านข้างช้า ๆ โดยไม่ต้องขยับตัว ทำสลับซ้ายขวา

• Head Tilt : ยืนหน้าตรง เอียงคอไปด้านข้างช้า ๆ ไม่ต้องขยับตัว ทำสลับซ้ายขวา

• Fish Face : หลังตรง มองไปด้านหน้าแล้วทำท่าสูดลมหายใจค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ

• Kiss The Ceiling : เป็นท่าที่เหมือนท่า Fish Face แต่ต้องทำแบบเงยหน้าขึ้น ได้ผลดีกว่าครับ

      ทั้งนี้ ท่าลดเหนียงคอที่หมอแนะนำอาจจะไม่ได้ผลในเร็ววัน เพราะต้องใช้เวลาและวินัยมาก ๆ ครับ ยิ่งถ้าไขมันบริเวณนั้นเป็นไขมันดื้อ สำหรับคนเคยอ้วนแล้วมาลดทีหลัง ก็อาจจะต้องใช้เวลากันสักหน่อย ดังนั้น วิธีลดเหนียงคอด้วยท่าลดเหนียงคอทั้งหมดนี้จึงเหมาะกับเหนียงคอที่เกิดจากไขมันสะสมมากกว่าครับ

2. ลดน้ำหนัก ลดไขมัน ปรับการกิน

      อย่างที่หมอได้บอกไปครับว่าสาเหตุของเหนียงคอมักจะมาจากไขมันสะสม ดังนั้น เราก็ต้องหันกลับมาสังเกตตัวเองก่อนว่ามีพฤติกรรมการกินแบบไหน ถ้าสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ ชอบกินของทอด ของมัน เวลากินหมูกระทะกับเพื่อน ๆ หมูสามชั้นนี่ห้ามขาด ดื่มน้ำอัดลมเหมือนบ้านเป็นโรงงานผลิต เวลาว่างชอบนอนแล้วก็กิน กินแล้วก็นอน ฯลฯ หากเรามีพฤติกรรมแบบนี้ ต้องหยุดเลยครับ

      วิธีลดเหนียงคอที่เกิดจากไขมันสะสม จะต้องเริ่มด้วยการลดน้ำหนักควบคู่กับการออกกำลังกายที่หมอแนะนำไว้ข้างต้นครับ หากเราไม่ปรับการกิน ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะช้ามาก ๆ เริ่มด้วยการเน้นทานโปรตีนให้เพียงพอ ลดของมันของทอด อาหารไขมันสูง และเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมเยอะ ๆ เพราะจะทำให้บวมน้ำ ดูมีเหนียงกว่าเดิมได้ด้วย

3. นวดกระชับผิวด้วยความร้อน

      การนวดกระชับผิวนั้นมีมานานมาก ๆ แล้วครับ ที่หมอหยิบมาแนะนำคือการนวดกระชับผิวด้วยตัวเอง และนวดกระชับผิวด้วยความร้อนครับ ซึ่งการนวดด้วยตัวเองที่ได้รับความนิยมคือการนวดด้วยหินกัวซาหน้าครับ แต่มันจะช่วยลดการบวมของใบหน้า กระตุ้นการไหลเวียน แต่จะใช้ได้ผลกับเหนียงคอที่เกิดจากการบวมน้ำเท่านั้น

      กลับกัน การนวดกระชับผิวด้วยความร้อนจะได้ผลมากกว่า เพราะความร้อนสามารถกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ช่วยลดริ้วรอย ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น ผลที่ได้คือผิวที่นุ่ม เด้ง กระชับเต่งตึง วิธีลดเหนียงคอประเภทนี้จะเหมาะกับเหนียงคอที่เหี่ยวย่น หย่อนคล้อยครับ

4. นวดผิวด้วยน้ำมันอัลมอนด์

       อัลมอนด์ อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิดเลยครับ ที่โดดเด่นเลยก็คือวิตามินอี ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งกร้าน ช่วยบำรุงผิว ต่อต้านการเกิดริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดความไม่สม่ำเสมอของสีผิว และถ้านำมานวดน้ำมันยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองได้ด้วยครับ วิธีลดเหนียงคอด้วยการนวดน้ำมันอัลมอนด์จึงจะเห็นผลคล้ายกับการนวดด้วยหินกัวซา แต่จะได้งานผิวเพิ่มขึ้นมาครับ

5. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

       วิธีกำจัดเหนียงคอด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว จะเหมาะกับเหนียงคอที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวครับ โดยเฉพาะกรณีที่โดดแดดทำร้ายผิวมา หรือไม่ค่อยบำรุงผิว จนทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูเซลล์ผิว จะเลือกเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ดี ๆ สักตัวก็ได้ครับ ปกติเราก็ควรจะมีมอยส์เจอไรเซอร์อยู่ในสกินแคร์รูทีนอยู่แล้ว ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวได้ดีเลย

6. ฉีดโบท็อกกระชับกล้ามเนื้อ

      นอกจากโบท็อกจะช่วยลดเลือนและป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ดีแล้ว ยังเป็นวิธีลดเหนียงคอที่ได้ผลชัดเจนอีกหนึ่งวิธีครับ ตัวโบท็อกจะเข้าไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณคอ (ไม่ใช่หยุดการทำงานนะครับ) ทำให้กล้ามเนื้อขยับได้ไม่เยอะ เมื่อถูกใช้งานน้อยลงก็จะทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง เรียกว่าการโบท็อกลิฟหน้า เหมาะกับคนที่มีเหนียงคอเนื่องมาจากกล้ามเนื้อหย่อนคล้อยครั

7. ร้อยไหมยกกรอบหน้า

      วิธีลดแบบนี้ เหมาะกับคนที่มีอายุแล้วผิวเหี่ยวมาก ๆ ครับ เพราะการร้อยไหมจะเป็นการสอดไหมทางการแพทย์เข้าไปใต้ผิวหนังแล้วยกขึ้นมายึดไว้ ให้ได้รูปหน้าแบบที่เราต้องการ คนที่มีผิวหย่อนคล้อย หรือมีไขมันเหนียงคอระดับปานกลางจะสามารถใช้วิธีนี้ช่วยได้ดีครับ แต่ต้องระวังอาการแพ้ไหม ไหมปลอม หรือไหมชนิดที่อันตรายต่อร่างกายด้วยนะครับ

8. ยกกระชับเหนียงด้วยอัลตราซาวด์

    วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่เหนียงคอห้อยเพราะกล้ามเนื้อหย่อนคล้อยโดยเฉพาะครับ เครื่องยกกระชับกล้ามเนื้อที่ได้รับความนิยมกันคือ Ultraformer III ครับ สามารถยกกระชับ ลดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ด้วย ส่วนอีกตัวที่ได้ยินกันบ่อย ๆ คือ Ulthera แต่ราคาจะค่อนข้างสูงมากกว่าครับ

9. ลดผิวย้วยด้วย Microneedling

      เป็นอีกหนึ่งวิธีลดเหนียงคอยอดนิยมในต่างประเทศเลยครับกับเทคโนโลยี Microneedle ที่เป็นการใช้เข็มขนาดเล็กส่งพลังงานเข้าไปในผิว เครื่องมือที่เห็นกันบ่อย ๆ คือ Morpheus8 ครับ นอกจากจะช่วยยกกระชับเหนียงคอที่หย่อนคล้อย ยังช่วยลดรอยยับย่นของผิวที่เกิดจากการเสื่อมสลายของคอลลาเจน ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้หน้าอิ่มฟูมากขึ้น ริ้วรอยลดลง ผิวสว่างกระจ่างใส ดูเด็กลงด้วยครับ

 10. ฉีดสลายไขมันลดเหนียงคอ

      มาถึงวิธีลดเหนียงที่เกิดจากไขมันสะสมกันบ้างครับ การฉีดสลายไขมันเหนียงหรือที่เรียกกันติดหูว่า เมโสแฟต (Meso Fat) จะเป็นการใช้สารที่ช่วยสลายไขมันฉีดเข้าไปในชั้นไขมัน และไขมันที่สลายนั้นก็จะกลายเป็นของเหลวที่ร่างกายสามารถขับออกได้เองตามธรรมชาติครับ ถ้าเรามีไขมันสะสมเยอะมากก็ต้องฉีดบ่อย ฉีดซ้ำหลายครั้งกว่าจะลด ทำให้เหมาะกับคนที่มีเหนียงคอจากไขมันสะสมเล็กน้อยเท่านั้น

 11. สลายไขมันด้วยความเย็น

      เป็นการแช่แข็งไขมันโดยตรงเลยครับ ซึ่งไม่ต้องทำการผ่าตัดหรือฉีดอะไรเข้าไปในผิว เรียกเทคโนโลยีแช่แข็งไขมันนี้ว่า CoolSculpting ครับ จะเป็นการสลายไขมันด้วยกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) ทำให้เซลล์ไขมันเข้าสู่ความเย็นระดับจุดเยือกแข็ง เมื่อเซลล์ไขมันกลายเป็นน้ำแข็ง เซลล์ก็จะตาย หลังจากนั้นจะสลายและถูกขับออกมาตามธรรมชาติเหมือนการฉีดสลายไขมันครับ

12. ผ่าตัดเหนียงคอ ยกผิว

      สำหรับคนที่มีปัญหาเหนียงคอจากกล้ามเนื้อหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ และมีไขมันสะสมร่วมด้วย หมอแนะนำให้ลองการผ่าตัดเหนียงเลยครับ วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถเก็บกรอบหน้าได้ชัดมากขึ้น ลดไขมันเหนียงได้ถึง 90% หลังทำทันที สามารถแก้ปัญหากล้ามเนื้อไม่กระชับได้ ตรงจุดกว่าการฉีดสลายไขมันครับ

 13. ดูดไขมันลดเหนียงคอ

      การดูดไขมันเป็นวิธีลดเหนียงคอที่ได้รับความนิยมมาก ๆ อีกวิธีหนึ่งครับ เพราะการดูดไขมันเหนียงจะมีความตรงจุดมากกว่า เหมาะที่สุดกับคนที่มีปัญหาเหนียงคอจากไขมันสะสม จะไขมันเยอะหรือน้อยก็ช่วยได้ เห็นผลทันทีหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้นนาน แผลเล็ก ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้ดีมาก ๆ ครับ

ลดเหนียงคอด้วยวิธีไหนดีที่สุด?

       เป็นคำถามที่ถูกถามมาเยอะและบ่อยมาก ๆ ครับ หมอจะแนะนำว่าวิธีลดเหนียงที่ดีที่สุดและเห็นผลที่สุดไม่มีจริงครับ จะมีก็แค่คำว่าเหมาะกับเราที่สุดครับ เพราะการลดเหนียงคอให้เห็นผลชัดเจนจะต้องทราบถึงปัญหาของเราก่อนเป็นอันดับแรก จึงค่อยเข้าสู่การตัดสินใจว่าจะเลือกวิธีไหนดี ทั้งนี้ ถ้าจะให้หมอแนะนำจริง ๆ ก็ขอแนะนำเป็นการผ่าตัดเหนียงครับ จะเหมาะกับการยกกระชับเหนียงอย่างตรงจุดที่สุด แต่ถ้าอยากกำจัดไขมันส่วนเกินก็แนะนำเป็นการดูดไขมันเหนียงก็จะตรงจุดกว่าวิธีอื่นเช่นกัน

       การที่หมอนำสาเหตุการเกิดเหนียงคอมาให้อ่านด้วย เพราะเราจะได้ทราบก่อนว่าเหนียงคอที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มันมีต้นเหตุมาจากอะไร หากเป็นที่ไขมันสะสมเยอะก็ต้องเลือกวิธีที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกได้ แต่ถ้าเป็นเหนียงคอหย่อนคล้อยก็ต้องเลือกวิธีที่สามารถช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อ กระชับผิวของเราได้

       ทางที่ดี ก่อนที่สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ จะตัดสินใจเลือกวิธีลดเหนียงคอ ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูก่อนครับว่ามันเกิดจากอะไร แพทย์จะสามารถวิเคราะห์แนวทางการรักษาอย่างตรงจุดได้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาและเปลืองค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์ครับ