ใบหน้ามักเป็นส่วนที่หลายคนให้ความสนใจและดูแลมากพิเศษเป็นอันดับต้น ๆ ทั้งการครีมบำรุงผิวหน้าที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย เพราะหมอเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากหน้าแก่ก่อนวัยหรอกครับ แต่ยังมีอีกหนึ่งสัดส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันและเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับใบหน้าอีกด้วย นั่นก็คือ “ลำคอ” หลายคนทาครีมแค่ที่หน้า แต่ลำคอล่ะครับ หลงลืมกันไปหรือเปล่า? นี่แหละครับจึงอาจเป็นที่มาของคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนคล้อยจากการละเลยการดูแล รวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้หรือหลบหลีกได้ยาก ทั้งอายุที่มากขึ้น แสงแดด มลภาวะ การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงสาเหตุที่เราอาจไม่คาดคิดต่าง ๆ มากมายครับ
วันนี้หมอจะพาทุกคนมาเอาใจใส่ดูแลผิวหนังบริเวณลำคอกันให้มากขึ้น เพื่อผิวหน้าและลำคอที่อ่อนเยาว์ไปพร้อม ๆ กัน ลดปัญหาเรื่องคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนคล้อย ด้วยเทคนิคยกกระชับคอด้วยตัวเอง รวมไปถึงทางเลือกในการลดคอเหี่ยวด้วยนวัตกรรมกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด J Plasma ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ครับ
ผิวหย่อนคล้อยในแต่ละช่วงวัย
เมื่อเรายังเด็กหรือสังเกตจากผิวของเด็ก ๆ ก็จะพบว่า ผิวนั้นมีความเต่งตึงกระชับ ผิวพรรณสดใส ผิวเรียบเนียน นั่นก็เป็นเพราะโครงสร้างผิวในวัยเด็กมีทั้งไขมันเรียงตัวกัน มีการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินอยู่อย่างต่อเนื่อง ในชั้นผิวมีการอุ้มน้ำได้ดี และแน่นอนครับว่าเมื่ออายุที่มากขึ้น โครงสร้างผิวของเราก็ยิ่งอ่อนแอลง ซึ่งร่างกายเราจะสร้างคอลลาเจนได้เองถึงอายุ 20 ปี จากนั้นคอลลาเจนและอีลาสตินจะลดลง ชั้นไขมันก็ฝ่อตัวลง การอุ้มน้ำในผิวก็ลดลง ส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องผิวพรรณที่หย่อนคล้อยตามมา นี่ก็รวมไปถึงปัญหาผิวหนังลำคอกันด้วย เป็นที่มาของคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนคล้อย เราลองมาดูโครงสร้างผิวของเราในแต่ละช่วงวัยกันหน่อยครับว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง โดยความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้จะเริ่มตั้งแต่เมื่อเราอายุเข้า 20 ปีขึ้นไป ก็จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงกันได้บ้างแล้วครับ
อายุ 20 ปีขึ้นไป
เริ่มมีการเสื่อมสลายของคอลลาเจน ที่ทำหน้าที่คล้ายกาวที่ยึดส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและสร้างความตึงกระชับให้ผิว รวมไปถึงยังมีการลดลงของอิลาสตินที่เป็นโปรตีนอีกหนึ่งชนิด ที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นเหมือนติดสปริงครับ เมื่ออายุเข้า 20 ปี ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินได้น้อยลง ผิวพรรณเริ่มไม่สดใสเหมือนตอนวัยรุ่นและเริ่มมีเส้นริ้วรอยบาง ๆ ครับ
อายุ 30 ปีขึ้นไป
เมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป โครงสร้างชั้นผิวหนังแท้เริ่มมีปัญหาเพิ่มขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนและอิลาสตินลดลงมาก บวกกับปัจจัยที่การผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกทำได้ช้าลงอีกด้วย เราจะเริ่มสังเกตได้ว่าผิวหนังมีความแห้งกร้าน แห้งลอก จึงทำให้เห็นริ้วรอยที่ลึกขึ้น รวมไปถึงผิวหนังมีความหย่อนคล้อยร่วมด้วยครับ นอกจากนี้ยังมีปัญหาชั้นไขมันเริ่มบางตัวลง โครงสร้างผิวบางส่วนมีการยุบตัวลงเนื่องจาก Baby Fat หายไป
อายุ 40 ปีขึ้นไป
ในวัย 40 ปีขึ้นไป โครงสร้างผิวอ่อนแอลงมาก ทั้งคอลลาเจน อิลาสติน และการกักเก็บน้ำในชั้นผิวเสื่อมสลายไป ทำให้ผิวมีปัญหาลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ลึกกว่าชั้นไขมัน และมีโครงสร้างเป็นเนื้อเยื่อพังผืดห่อหุ้มกล้ามเนื้อ โดยมีความสำคัญในการช่วยยกกระชับผิวหนัง เมื่อผิวชั้น SMAS ทรุดโทรมลงก็จะทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อย เริ่มเห็นเป็นชั้นคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัดในช่วงวัยนี้ครับ
อายุ 50 ปีขึ้นไป
รูปหน้าในวัย 50 ปีจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดครับ เนื่องจากผิวหนังมีความหย่อนคล้อยมาก ชั้นไขมันหายไป ผิวหนังบางลง โครงสร้างของกระดูกและกล้ามเนื้อบนใบหน้าอ่อนแอและยุบตัวลง ใบหน้าตอบ บางจุดบุ๋มลง รูปหน้าไม่สมส่วน
อายุ 60 ปีขึ้นไป
ความหนาแน่นของผิวลดลงมาก ไม่มีไขมันพยุงผิว ผิวแห้งขาดน้ำ เกิดริ้วรอยที่ลึกลงมาก ผิวไม่กระชับ มีความหย่อนคล้อยเหี่ยวย่น โดยเฉพาะบริเวณลำคอเหี่ยว คอย่น และผิวหนังลำคอหย่อนคล้อย
คอเหี่ยวเกิดจากอะไร
เมื่ออายุมากขึ้น เป็นธรรมดาครับที่โครงสร้างของผิวจะเริ่มเสื่อมโทรมลง ส่งผลให้ผิวเหี่ยวย่น มีริ้วรอย และมีความหย่อนคล้อยลงตามอายุและแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งคอเหี่ยวเกิดจากการที่คอลลาเจนและอิลาสตินเสื่อมสลายลงและไม่มีการผลิตขึ้นมาใหม่ ผิวบริเวณลำคอจึงสูญเสียความแข็งแรงและความยืดหยุ่น
ขอบคุณภาพประกอบจาก : learnmuscles.com
กล้ามเนื้อแพลทิสมา Platysma
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยของกล้ามเนื้อบริเวณลำคออ่อนแอลง ซึ่งกล้ามเนื้อบริเวณลำคอที่เรียกว่า “แพลทิสมา Platysma” ที่แผ่คลุมตั้งแต่ไหปลาร้าไปยังบริเวณใบหน้าส่วนล่าง (บริเวณขอบขากรรไกรไปถึงกล้ามเนื้อมุมปาก) ซึ่งกล้ามเนื้อแพลทิสมาจะทำหน้าที่ต่อเมื่อเราเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณลำคอพร้อมกับการดึงมุมปากออกด้านข้างและลงด้านล่างครับ สังเกตได้ง่าย ๆ ให้ลองเงยหน้ามองเพดานแล้วกัดฟันแน่น ๆ จะสังเกตเห็นเส้นกล้ามเนื้อที่ลากยาวจากลำคอถึงไหปลาร้ามันจะนูนตึงออกมาครับ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นเวลาที่เราแสดงสีหน้าและเวลาที่ต้องออกแรงยกของหนัก ๆ ครับ
ดังนั้น เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อแพลทิสมาถูกใช้งานบ่อย ๆ ก็จะทำให้อ่อนแอลง บวกกับคอลลาเจนและอีลาสตินที่ลดลงก็ผิวหนังบริเวณลำคอขาดความยืดหยุ่น เกิดเป็นคอเหี่ยว ผิวลำคอหย่อนคล้อย โดยจะพบได้มากในคนอายุตั้งแต่ 30-40 ปีขึ้นไปครับ
สาเหตุของคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนคล้อย
นอกจากเรื่องของอายุที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ปัญหาคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนคล้อยเกิดได้จากปัจจัยอื่น ๆ รอบตัว รวมไปถึงพฤติกรรมบางอย่างที่เราอาจคาดไม่ถึงครับ ดังนั้น ไม่ต้องรอให้อายุขึ้นเลข 3 หรือเลข 4 ถ้าหากมีปัจจัยเสี่ยงก็อาจเจอกับปัญหาเรื่องคอเหี่ยว คอหย่อนคล้อยกันก่อนวัยได้ครับ
- ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เมื่ออายุมากขึ้น ฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้โครงสร้างผิวเสื่อมลง
- สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื่น ส่งผลให้ผิวแห้ง มีริ้วรอย และเหี่ยวย่น
- ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว การหักโหมลดน้ำหนักรวดเร็ว เช่น การอดอาหารหรือทานอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ผิวที่เคยขยายตัวเกิดการหดตัวอย่างรวดเร็วเกินไป ส่งผลให้คอลลาเจนและอิลาสตินถูกทำลาย
- ไม่ทาครีมกันแดด หลายคนละเลยการทาครีมกันแดดที่ลำคอ จึงทำให้แสง UV ทำร้ายผิวให้เกิดริ้วรอยและผิวขาดความกระชับ
- ก้มคอบ่อย ๆ การใช้กล้ามเนื้อคอบ่อย ๆ เช่น การก้มคอ หรือ การนอนหมอนเตี้ย ๆ เป็นเวลานาน ๆ ท่าเดิมซ้ำ ๆ ยิ่งทำให้ผิวเกิดรอยพับ และทำลายความยืดหยุ่นของผิวลำคอ
ป้องกันและฟื้นฟูคอเหี่ยว เริ่มต้นง่าย ๆ ที่ตัวเรา
ถึงแม้ว่าอายุเราจะยังน้อยอยู่และอย่าเพิ่งชะล่าใจไปนะครับ เพราะหากเราละเลยไม่ดูแลตัวเอง ปัญหาคอเหี่ยว คอหย่อนคล้อย อาจมาเยือนก่อนวัยได้ รวมไปถึงหากใครที่เริ่มสังเกตได้ว่าตัวเองเริ่มมีปัญหาผิวพรรณที่หย่อนคล้อยกันแล้ว ก็ยังไม่สายที่เราจะเริ่มกลับมาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกัน ลดความเสี่ยง และฟื้นฟูผิวพรรณบริเวณลำคอให้กลับมากระชับและเต่งตึงขึ้นครับ
ทาครีมบำรุง ครีมกันแดด
ก่อนออกจากบ้าน หมอแนะนำให้ทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมเรติโนอิคแอซิด (Retinoic Acid), แอสคอร์บิกแอซิด (Ascorbic Acid), ไกลโคลิกแอซิด (Glycolic Acid) ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวหนังได้ ทาหน้าแล้วอย่าลืมทาที่ลำคอกันด้วยนะครับ รวมไปถึงทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป โดยทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาทีครับ
ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีและออกกำลังกาย
การลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีจะช่วยให้น้ำหนักค่อย ๆ ลดลง ส่งผลให้สุขภาพดีอย่างยั่งยืนและทำให้โครงสร้างผิวหนังค่อย ๆ ปรับตัวกับการยืดหดหลังลดน้ำหนักครับ ซึ่งการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีที่หมอแนะนำก็คือ “ลดน้ำหนักแบบนับแคลอรี่” โดยในผู้ชายควรรับประทานอาหารไม่เกิน 2,500 กิโลแคลอรี่ต่อวัน และในผู้หญิงไม่ควรเกิน 2,000 กิโลแคลอรี่ครับ ต้องถือคติว่า “กินให้น้อยกว่าใช้” รวมไปถึงออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมันกันด้วยนะครับ เพราะการออกกำลังกายนอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังช่วยให้ยกกระชับคอ ผิวเฟิร์มมากขึ้น และช่วยให้การไหลเวียนเลือดดี ส่งผลให้เซลล์ผิวมีประสิทธิภาพและแข็งแรงครับ
ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อผิวพรรณ
การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เป็นสิ่งสำคัญมากครับ นอกจากนี้การเสริมด้วยอาหารที่มีวิตามินซีสูงยังช่วยกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ทำให้คอเหี่ยว คอย่นช้าลง รวมไปถึงเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันดี เช่น โอเมก้า 3 ในปลาทะเลจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น ส่งผลให้ผิวกระชับเต่งตึงครับ
ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ
ในวันหนึ่งเราควรดื่มน้ำได้เพียงพอประมาณ 1.5-2 ลิตร เพื่อรักษาความชุ่มชื่นกับผิวพรรณ ให้ผิวสามารถผลิตคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด เพื่อรักษาสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งจะส่งผลให้ผิวพรรณฟื้นตัวได้ดี ผิวสุขภาพดี ผิวกระชับและไม่หย่อนคล้อยครับ
รักษาคอเหี่ยว คอเป็นเส้น แก้ยังไงได้บ้าง?
หากใครไม่ได้ป้องกันคอเหี่ยวอย่างถูกต้อง ลืมทากันแดด หรืออื่น ๆ จนทำให้คอเหี่ยว ผิวคอไม่กระชับไปแล้ว วิธีแก้คอเหี่ยวนั้นก็มีหลายวิธีนะครับ ทั้งแนวทางที่สามารถลดคอเหี่ยวได้ด้วยตัวเองและการไปพบแพทย์ โดยหมอจะขอรวบรวมวิธีแก้คอเหี่ยวแบบต่าง ๆ ไว้ดังนี้ครับ
-
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดริ้วรอย
สำหรับใครที่ไม่ได้มีคอเหี่ยวระดับรุนแรง ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีและวิตามินอีอาจจะสามารถช่วยลดคอเหี่ยวได้อยู่นะครับ จากสาเหตุที่ว่าแสงแดดเข้ามาทำลายคอลลาเจนในผิว หมอก็แนะนำให้เติมวิตามินซีเพื่อเสริมสร้างการป้องกันแสงแดด และเติมวิตามินอีเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเพียงพอ ก็สามารถช่วยลดริ้วรอยที่คอได้ครับ
-
ใช้เรตินอลเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
เรตินอล (Retinol) ถือเป็นตัวเต็งของการกระชับผิวเลยครับ เป็นสารชนิดหนึ่งในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ทำให้เรตินอลมีประโยชน์อย่างมากในการลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความกระชับให้ผิวที่หย่อนคล้อย ใครคอเหี่ยวไม่รุนแรงมาก ต้องลองเลยครับ
-
นวดกระชับคอเหี่ยวด้วยความร้อน
เครื่องนวดกระชับด้วยความร้อนในตอนนี้ หมอแนะนำเป็นเครื่อง Ultraformer III เลยครับ เจ้าเครื่องนี้จะทำงานด้วยการปล่อยพลังงานความร้อนที่อุณหภูมิ 65 – 70 องษาเซลเซียม ลงไปลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ จะช่วยให้ผิวกระชับขึ้น ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะกับคนที่คอเหี่ยว ผิวหย่อนคล้อย มีไขมันไม่เยอะ ผลลัพธ์ดีกว่าการทำ HIFU ทั่วไปถึง 5 เท่าเลยทีเดียว!
ทำไมต้อง Ultraformer III
- เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20% และจะเห็นผลได้เต็มที่ชัดเจนประมาณ 2 – 3 เดือน และจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน – 1 ปี (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและการดูแลตัวเองหลังทำ)
- สามารถทำให้ทั้งใบหน้าและลำตัว
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย พร้อมยกกระชับผิวหน่อยคล้อย ลดปัญหาคอเหี่ยว
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
- สลายไขมันได้ในระดับหนึ่ง
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- หมดปัญหาผิวไหม้
- ให้ผลลัพธ์ดีกว่าการทำ HIFU ทั่วไปถึง 5 เท่า
-
กระชับผิวด้วย Micro-Needling
เครื่องยอดนิยมที่สุดคือ Morpheus8 ตัวดังนั่นเองครับ Morpheus8 จะโดดเด่นในเรื่องของการกระชับผิวยับย่นหย่อนคล้อย โดยการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุในรูปแบบ Needle RF ที่มีการส่งพลังงานไปยังจุดที่ต้องการรักษาอย่างตรงจุด ผ่านเข็มทองคำขนาดเล็กพิเศษ สามารถรักษาได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ เผยผิวยืดหยุ่นสุขภาพดี ลดริ้วรอยร่องลึก ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เรียบเนียนเหมือนหน้าเด็กลงหลายปีเลยครับ
-
สลายไขมันพร้อมยกกระชับ
การสลายไขมันพร้อมยกกระชับแบบเห็นผลที่สุด ต้องยกให้เครื่องดูดไขมันเหนียง ACCUtite เลยครับ ด้วยขนาดตัวเครื่องที่เล็กพิเศษ ทำให้สามารถเข้าไปยกกระชับผิวบริเวณที่เข้าถึงยากได้อย่างทั่วถึง เหมาะกับคนที่มีผิวเหี่ยวย่นระยะเริ่มต้นจนถึงระดับกลาง ๆ โดยจะปล่อยพลังงานความร้อนไม่เกิน 65 องศาเซลเซียส ทำให้ผิวใต้คาง กรอบหน้า กระชับขึ้น พร้อมกับสลายไขมันใต้ผิวผ่านหัวเข็มขนาดเล็ก
สำหรับคนที่มีผิวเหี่ยว คอเหี่ยว คอยับย่น ย้วยระดับค่อนข้างรุนแรง หมอจะแนะนำเป็นเครื่องสลายไขมันพร้อมยกกระชับผิวย้วยอย่าง J Plasma จะเหมาะกว่าครับ เป็นเครื่องที่ใช้พลังงานความร้อนคลื่น RF ที่ระดับความร้อนไม่เกิน 85 องศาเซลเซียส ในระยะเวลาอันสั้น ส่งผลให้ผิวกระชับ คอเหี่ยวลดลงทันที 10-30% และกระชับมากขึ้นเรื่อย ๆ เต็มที่ 6 เดือนหลังทำ
คำเตือน! การทำ J Plasma ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยในระดับรุนแรงมาก ๆ และคนที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ, ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานในระดับรุนแรง, ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับสมองระดับรุนแรง หรือผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์ระดับรุนแรง ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ
เทคนิค “Mini Scar Neck Lift
Morpheus8
นวัตกรรมยกกระชับผิว Morpheus8 ขึ้นชื่อว่าเป็น ฮีโร่กู้ผิวยับ ผิวเหี่ยว ที่มาแรงอย่างมากในตอนนี้ เนื่องจากการรักษาจะไม่มีการเปิดแผลเลยครับ แต่กลับให้ผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ตัวเครื่อง Morpheus8 จะเป็นการยกกระชับผิวโดยการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุในรูปแบบ Needle RF ที่มีการส่งพลังงานไปยังจุดที่ต้องการรักษาอย่างตรงจุด ผ่านเข็มทองคำขนาดเล็กพิเศษ ความลึกของการรักษาสามารถปรับได้ตั้งแต่ระดับ 2-4 มิลลิเมตร ส่งผลให้ผิวหนังถูกยกกระชับทั้งในชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว ปัญหาคอเหี่ยวย่นที่ทุกคนเป็นจึงถูกจัดการที่ต้นเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง (แพทย์จะทำการประเมินความลึกในการรักษาตามปัญหาแบบ Case by case)
ทำไมต้องทำ Morpheus8
- ช่วยยกกระชับผิงได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมัน ความหย่อนคล้อยต่าง ๆ จึงลดน้อยลงอย่างชัดเจน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว ส่งผลให้ผิวมีความเรียบเนียน อิ่มฟูยิ่งขึ้น
- ลดเลือนริ้วรอยบนผิวและรอยแตกลายให้จาง
- ผิวมีความยืดหยุ่น แลดูสุขภาพดี
- ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอกันยิ่งขึ้น
- สามารถทำการรักษาได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว
- ไม่มีการเปิดแผลจึงไม่มีรอยแผลเป็นหลังทำ
Morpheus8 ถูกจัดว่าเป็นเทคโนโลยีการรักษาปัญหาผิว ที่ลงลึกได้ถึงชั้นผิวด้านในมากที่สุด อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดปัญหาผิวไหม้หรือรอยดำตามมา และที่สำคัญได้รับการรับรองมาตรฐานและความปลอดภัยจาก องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (United States Food and Drug Administration: U.S. FDA) มั่นใจได้เลยครับว่าปัญหาลำคอเหี่ยวย่นและปัญหาผิวยับต่าง ๆ จะถูกรักษาให้หายไป โดยไม่ทิ้งผลข้างเคียงอย่างรอยแผลเป็นให้กวนใจแน่นอนครับ
ACCUtite
ยกกระชับพร้อมสลายไขมันในหนึ่งเดียวด้วย ACCUtite ที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency Assisted Lipolysis หรือ RFAL) ด้วยความพิเศษของตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าเครื่องยกกระชับทุกชนิด ทำให้ ACCUtite มีความสามารถในการยกกระชับผิวในบริเวณที่เข้าถึงยากได้อย่างดีเยี่ยม อาทิ ใต้ตา ร่องแก้ม หน้าผาก เหนียงใต้คาง ลำคอ นมน้อย และ ปีกหลัง ด้วยความที่หัวเข็มของตัวเครื่องมีขนาดที่เล็กมาก จึงทำให้การเปิดแผลมีขนาดที่เล็กตามลงไปด้วย
ในส่วนของการทำงานของตัวเครื่อง จะเน้นการรักษาที่ตรงจุดและมีความแม่นยำสูง โดยหัวของเครื่องจะมีลักษณะเป็น 2 ฟังก์ชั่น คือ หัวแบนด้านบนจะอยู่ระนาบไปกับผิวหนัง ช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิว, หัวทู่จะสอดเข้าไปชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยในการสลายไขมันส่วนเกินให้น้อยลง ดังนั้นการทำยกกระชับคอเหี่ยวด้วย ACCUtite จึงช่วยสร้างผิวที่เต่งตึงและกระชับไร้ส่วนเกิน
ทำไมต้องทำ ACCUtite
- ช่วยยกกระชับผิวคอที่หย่อนคล้อย
- สลายไขมันส่วนเกิน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิว
- แผลเล็ก พักฟื้นน้อย
- ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานมากถึง 6 ปี (ทั้งนี้ระยะเวลาอาจลดน้อยลง หากมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม)
- ไม่ก่อให้เกิดผิวไหม หรือ ผิวบาง
การทำยกกระชับด้วย ACCUtite จะเห็นผลดีอย่างมาก ในเคสที่มีปัญหาความเหี่ยวย่นในช่วงระยะเริ่มต้น ถึงความรุนแรงระดับกลาง ๆ แต่หากในเคสที่มีปัญหาผิวคอเหี่ยวเยอะมาก ๆ รวมทั้งมีความย้วยหนักด้วย การทำ J Plasma จะเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้นครับ หากใครที่ไม่แน่ใจว่าปัญหาแบบเราควรเลือกใช้อันไหนดี สามารถปรึกษาและประเมินปัญหาเบื้องต้นกับหมอได้เลยครับ
J Plasma ทางเลือกกระชับผิวคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนคล้อย
การกระชับผิวหนังบริเวณลำคอด้วยวิธีทางการแพทย์ แน่นอนว่าย่อมแก้ปัญหาและให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุด รวมถึงเป็นวิธีที่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ใคร ๆ เคยได้ยินมานะครับ เพราะด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้ามาก ทำให้มีการพัฒนาวิธีการรักษาที่ให้ผลลัพธ์น่าพึงพอใจ มีการใช้ยาชาเฉพาะที่และการใช้การวางยาสลบเพื่อลดความเจ็บปวดขณะผ่าตัด แต่แน่นอนหลังยาหมดฤทธิ์ก็อาจทำให้รู้สึกเจ็บได้บ้างแต่เป็นความเจ็บที่อยู่ในระดับที่เราทนได้ครับ
สำหรับใครที่ไม่อยากผ่าตัดใหญ่ ไม่อยากพักฟื้นนาน ๆ อยากทำครั้งเดียวจบ เห็นผลเลยทันที และไม่ต้องกลับมาทำซ้ำ ในปัจจุบันก็มีทางเลือกใหม่ที่ช่วยกระชับผิวคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนคล้อย นั่นก็คือ J Plasma ครับ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน ๆ กลัวการผ่าตัด ไม่ต้องการมีแผลเป็นขนาดใหญ่
หลายคนคงยังสงสัยว่า J Plasma คืออะไร J Plasma คือ เทคโนโลยีที่ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อยในระดับน้อยถึงปานกลาง แบบที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ไม่ต้องตัดผิวหนังออก ซึ่งเป็นการผสานพลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ RF และพลังงานฮีเลียม (ก๊าซที่ให้ความเย็น) เริ่มด้วยการเปิดแผลเพียง 3-5 มิลลิเมตร (ในรายที่มีการดูดไขมันร่วมด้วย แพทย์จะใช้แผลเดียวกันบริเวณที่ดูดไขมัน) และปล่อยพลังงานความร้อนคลื่น RF ที่ระดับความร้อนไม่เกิน 85 องศาเซลเซียส ไปยังชั้นผิวที่ต้องการกระชับเท่านั้น โดยเป็นการปล่อยความร้องในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้นครับ เพื่อทำให้เส้นใยที่ทำหน้าที่ยึดผิวกระชับรวมไปถึงพวกเนื้อเยื่อที่เป็นโพรงให้กระชับติดกันในทันที จึงทำให้ยกกระชับคอได้อย่างรวดเร็วทันที จากนั้นจะถูกทำให้เย็นลงทันทีด้วยการปล่อยพลังงานก๊าซฮีเลียม ซึ่งจะช่วยให้ไม่เกิดความร้อนมากเกินไป เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผิวชั้นบนไหม้ครับ
ทำไมต้อง J Plasma
- กระชับผิวได้ทุกสัดส่วนในร่างกาย ทั้งบริเวณใบหน้าช่วงล่าง ลำคอ และลำตัว
- ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ไม่มีแผลยาว เปิดแผลเพียง 3-5 มิลลิเมตรเท่านั้น
- ไม่ทำร้ายเส้นประสาท เส้นเลือด และเนื้อเยื่อรอบข้าง
- อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวหนังชั้นบนไหม้
- บอบช้ำน้อย พักฟื้นไว
- ผิวกระชับขึ้นทันทีหลังทำ 10-30% ต่อจากนั้นผิวจะค่อย ๆ กระชับขึ้นในทุก ๆ วันอย่างต่อเนื่อง โดยผิวจะแน่นเฟิร์มกระชับได้เต็มที่ประมาณ 3-6 เดือนหลังทำ
- กระชับผิวหนังระยะยาว ไม่ต้องทำซ้ำ
- สามารถทำ J Plasma ร่วมกับ การดูดไขมัน ในรายที่มีไขมันตามกรอบหน้าและมีผิวหนังหย่อนคล้อย ได้ในคราวเดียวกัน (เปิดแผลครั้งเดียว)
- J Plasma ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งในประเทศไทย (อย.) และในสหรัฐอเมริกา (U.S.FDA)
หมายเหตุ : การทำ J Plasma ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยในระดับรุนแรง และคนที่โรคประจำตัว เช่น ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ, ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานในระดับรุนแรง, ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับสมองระดับรุนแรง หรือผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์ระดับรุนแรง ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน
สรุป
แน่นอนครับ ว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงอายุที่มากขึ้นได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่เราทำได้คือ ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ด้วยการปรับการใช้ชีวิตประจำวัน หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้โครงสร้างผิวเสื่อมโทรมลง แต่ทั้งนี้ อาจได้ผลดีกับบางกรณีครับ แต่ในบางรายที่มีปัญหาโครงสร้างผิวที่ถูกทำลายมาก ทำให้อาจยังมีปัญหาคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนคล้อยอยู่ ดังนั้น ทางเลือกในการยกกระชับคอที่ให้ผลอย่างตรงจุด ด้วยวิธีทางการแพทย์อย่างเทคโนโลยี J Plasma จึงเป็นวิธียกกระชับคอที่หมอแนะนำ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุด เป็นการยกกระชับผิวจากโครงสร้างในชั้นผิวโดยตรง ทำแล้วไม่ต้องทำซ้ำ เป็นการลงทุนครั้งเดียวแต่ให้ผลลัพธ์ที่ยืนยาว สำหรับใครที่สนใจนวัตกรรมยกกระชับคอ และยกกระชับผิวลำตัว แบบไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ด้วย J Plasma สามารถนัดวันเข้ามาปรึกษาหรือสามารถส่งรูปเข้ามาให้หมอประเมินกันก่อนได้ครับที่ Line : @amaraclinic
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic