ดูดไขมันต้นแขน ราคาเท่าไหร่ เลือกยังไงให้คุ้มค่า?

ดูดไขมันต้นแขนราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 8,999 บาท – 30,000 บาท หรือมากกว่านี้ การกำหนดราคาดูดไขมันต้นแขน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ความเชี่ยวชาญของแพทย์ เครื่องดูดไขมันที่ใช้ และการนับตำแหน่งดูดไขมัน

อย่างหลาย ๆ ที่ที่โฆษณาว่ากำเงินหลักพันก็ดูดไขมันแขนได้ อันนี้หมออยากแนะนำว่าทุกคนอาจต้องคิดเพิ่มอีกหน่อยว่า ราคานี้เป็นแค่ราคาเปิดแผล 1 ตำแหน่งหรือไม่? (ถ้าหากใช้ราคาที่จ่ายจริงอาจไปจบที่หลักหลายหมื่นได้ครับ เพราะการดูดไขมันต้นแขนจะต้องเปิดแผลมากกว่า 1 จุด) 

อย่างที่ Amara Clinic เราคิดราคาแบบเหมาตำแหน่ง เพื่อให้คนไข้ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเงินกว่าที่คิดไว้ เพราะหลังจากราคาที่เคาะออกมาแล้วจะไม่มีพลิกไปพลิกมาแน่นอนครับ อีกอย่างการนับแบบเหมาตำแหน่งคนไข้จะได้ดูดไขมันต้นแขนครบทุกบริเวณที่ควรดูดออกเลยครับ

คำตอบคือ… ไม่มีราคากลางอะไรหรอกครับ ที่ราคาดูดไขมันต้นแขนต่างกันขนาดนี้ เกิดได้จากหลายปัจจัยประกอบกันนะครับ แต่ไม่ใช่ว่าหมอจะแนะนำให้ดูดไขมันต้นแขนราคาแพงที่สุด ถึงจะการันตีว่ามันออกมาดีที่สุด หรือบอกว่าการดูดไขมันราคาถูก จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาแย่ที่สุด ไม่ใช่นะครับ นอกจากในเรื่องของราคาดูดไขมันต้นแขนแล้ว เราต้องมาดูอีกว่าปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรสังเกต และศึกษาทำความเข้าใจมีอะไรบ้าง เราจึงจะตอบตัวเองว่าที่ไหนคุ้มค่าที่สุดได้ครับ

ดูดไขมันต้นแขน ราคาเหมาปี อัปเดต 16/03/2024

สำหรับคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ หมอจะมาแนะนำราคาดูดไขมันต้นแขนที่คลินิกกันตรงนี้เลยครับ แต่ขออธิบายก่อนว่าดูดไขมันแขนราคาเท่าไหร่ มันขึ้นอยู่กับรายละเอียดของแต่ละเคสด้วยครับ โดยคลินิกดูดไขมัน Amara Clinic หมอจะคิดดูดไขมันต้นแขนราคาเหมาทั้งสองข้างไปเลย เริ่มต้นที่ 25,000 บาทเท่านั้น ไม่มีการแบ่งเป็นจุด นับจุดยิบย่อย ไม่ได้แยกระหว่างต้นแขนบน, ต้นแขนล่าง, ต้นแขนข้างใน, ต้นแขนข้างนอก หรือหัวไหล่ครับ

หมอจะเหมารวมทั้งต้นแขนไปเลย และจะดูดไขมันออกมาตามความเหมาะสมของทรงแขน ในแต่ละเคสจริง ๆ ไม่ได้เน้นการดูดออกมาให้เยอะที่สุด เพราะรูปทรงของแขนแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ หมอจะดูเป็นเคส ๆ ไปนะครับว่าคนไข้มีไขมันพอกตรงไหนบ้าง ส่วนไหนที่สามารถดูดไขมันออกมาได้บ้าง ต้องเหลาแขนยังไงถึงจะออกมาสวยที่สุด (ดีไซน์ต้นแขนเฉพาะเคส ๆ ไป) ซึ่งหมอมีการใช้เทคนิคดูดไขมันจากเกาหลีร่วมด้วยครับ

หมายเหตุ: ราคาดังกล่าวเป็นราคาเริ่มต้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันไปตามปัญหาและเครื่องมือที่ใช้

สิ่งที่ทำให้การราคาดูดไขมันต้นแขนไม่เท่ากัน พูดได้เลยครับว่ามีหลายปัจจัยมาก และแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคลินิกครับ นอกจากดุลพินิจของแต่ละคลินิกแล้ว ยังเป็นเรื่องของรายละเอียดเคสของคนไข้ด้วยนะครับ แน่นอนว่ารูปร่างของคนเราไม่เหมือนกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่เหมือนกันด้วยครับ เช่น

มีคนสองคนต้นแขนใหญ่เหมือนกัน แต่คนที่ 1 ต้นแขนใหญ่เพราะไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ส่วนคนที่ 2 ต้นแขนใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ มีไขมันส่วนเกินนิดเดียวเท่านั้น ดังนั้น เคสที่ 1 อาจจะจะดูดไขมันต้นแขนราคาสูงกว่าเคสที่ 2 ครับ เพราะมีปริมาณไขมันมากกว่าเป็นต้น เราไปดูปัจจัยที่ทำให้ราคาดูดไขมันต้นแขนแตกต่างกันได้เลยครับ

1. ดูดไขมันต้นแขน ราคาคิดจากการนับพื้นที่

เคยสงสัยกันรึเปล่าครับว่า ทำไมบางคลินิกมีการดูดไขมันต้นแขน ราคาเริ่มต้นที่ จุดละ 3,999 บาท หรือราคาหลักพัน อาจจะเป็นเพราะว่าเค้านับจุดดูดไขมันต้นแขนแบบจุดแผลก็ได้นะครับ บางที่ก็นับจุดด้วยฝ่ามือก็มีครับ ซึ่งนับแบบยิบย่อยมาก โดยวิธีเหล่านี้ไม่แน่นอน คลินิกสามารถอัพเงินเพิ่มได้เท่าที่ต้องการเลยล่ะครับ จึงทำให้ราคาเริ่มต้นดูถูกมาก แต่พอเข้าไปประเมินและทำจริง ๆ กลับเสียเงินแพงกว่าที่คิดไว้เยอะ หนำซ้ำบางที่ยังไม่รวมค่าบริการ After Care อื่น ๆ ด้วย

แนะนำว่าให้ถามคลินิกให้ชัด ๆ เลยครับ ว่าคิดราคาดูดไขมันต้นแขนยังไง นับเป็นจุด จุดอะไร? นับเป็นพื้นที่ จากตรงไหนถึงตรงไหน? เพื่อให้เราได้รู้ว่าไขมันต้นแขนของเราในส่วนไหนบ้างที่จะถูกกำจัดออกไป และป้องกันการเข้าใจผิด ระหว่างคลินิกดูดไขมันและตัวเราเองครับ ตัวอย่างตำแหน่งดูดไขมันต้นแขนราคานับเป็นจุด เช่น ต้นแขนด้านบน, ด้านล่าง, ด้านซ้าย, ด้านขวา, ท้องแขน, หลังแขน, หัวไหล่ หรือปีกรอบแขน เป็นต้น

3. ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ยิ่งแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญมาก มีประสบการณ์สูง หรือเป็นระดับอาจารย์แพทย์สอนดูดไขมันโดยตรง ก็จะทำให้การดูดไขมันต้นแขนราคาสูงกว่าปกติได้ครับ เนื่องจากแพทย์ในระดับนี้ จะมีเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะทำให้รีวิวดูดไขมันต้นแขนออกมาสวย ใกล้เคียงกับภาพที่คนไข้ได้จินตนาการไว้ที่สุดครับ

4. ดูดไขมันต้นแขน ราคาต่างกันจากมาตรฐานของคลินิก

ต้นทุนในการสร้างคลินิกดูดไขมัน, เลือกเครื่องมือผ่าตัด, มาตรฐานของห้องผ่าตัด, การติดตั้งต้นทุนในการสร้างคลินิกดูดไขมัน, เลือกเครื่องมือผ่าตัด, มาตรฐานของห้องผ่าตัด, การติดตั้งระบบต่าง ๆ รวมไปถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (เครื่องอบฆ่าเชื้อ, After Care และอื่น ๆ อีกมากมาย)

ของแต่ละคลินิกแตกต่างกันอยู่แล้วครับ ถ้าพูดถึงเรื่องมาตรฐานของคลินิกที่ดี ควรมีความสะอาดสูง, ห้องผ่าตัดระบบ Positive Pressure , เครื่องมือได้มาตรฐาน และให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยเป็นที่ตั้ง มีการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขถูกต้อง

อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้ลองสังเกตกันนะครับ หากเจ้าของคลินิกเป็นนักธุรกิจที่จ้างแพทย์มาดูดไขมัน ก็อาจจะคำนึงถึงผลประโยชน์และกำไรของทางคลินิก มากกว่าผลประโยชน์ที่ดีต่อคนไข้ได้ครับ อาจจะมีการเลือกใช้เครื่องมือที่ราคาถูก ทำแล้วไม่ค่อยเห็นผลชัด ต้องทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งได้ หรือบางแห่งก็อาจจะมีการใช้อุปกรณ์สำหรับใช้แล้วทิ้งมาใช้ซ้ำ โดยการเอาไปฆ่าเชื้อแล้วเอามาใช้ใหม่ เพื่อประหยัดต้นทุน ตรงนี้ไม่สมควรทำอย่างยิ่งเลยครับ แม้จะฆ่าเชื้อแล้ว แต่ก็อาจจะเสี่ยงติดเชื้อได้อยู่ดี เพราะอุปกรณ์ชิ้นนั้น ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ซ้ำครับ ดังนั้น อย่างลืมตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยนะครับ

5. วิธีการดูดไขมันที่ใช้

ตามท้องตลาดวงการดูดไขมันทุกวันนี้ จะเห็นได้ว่ามีเครื่องดูดไขมันเยอะมากนะครับ แต่ละคลินิกก็เลือกใช้ไม่ซ้ำกันเลยก็มี เลยทำให้บางคนสงสัยอยู่ว่าควรดูดไขมันแบบไหนดี ต้องดูดด้วยเครื่องไหนถึงจะดีที่สุด หมอต้องบอกแบบนี้นะครับว่า เครื่องดูดไขมันแต่ละเครื่อง มีความเหมาะสมกับเคส และข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป หากเป็นเครื่องดูดไขมันพลังความร้อน หรือเทคโนโลยีทั่วไป ไม่ได้หวือหวามาก ราคาดูดไขมันต้นแขนจะถูกกว่า เครื่องที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ หรือมีความพิเศษมากกว่าปกติครับ (อ่านเพิ่มเติม : ความแตกต่างของเครื่องดูดไขมัน)

อย่างของหมอมีเครื่องดูดไขมันหลายเครื่อง มีครบทุกแบบให้เลือกใช้เพื่อรองรับเคสดูดไขมันแต่ละเคสให้เหมาะสมที่สุด และที่สำคัญมาก ๆ คือหมอใช้แต่เครื่องที่ได้มาตรฐาน เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย เห็นผลจริง ๆ เลยทำให้ราคาของเครื่องมือมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย เช่น เครื่องดูดไขมัน Ultra Z ที่เป็นเครื่องจากประเทศเกาหลี, เครื่องดูดไขมันเวเซอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด Vaser Smooth 2.2 จากสหรัฐอเมริกา, เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ Body-jet เทคโนโลยีจากเยอรมันที่มีความเจ็บช้ำน้อยมาก และเอาไขมันไปเติมต่อได้ เครื่อง BodyTite Pro ทางเลือกของสายประหยัด รวมไปถึงเครื่องกระชับผิว J Plasma ด้วยครับ อันนี้นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมอใช้เป็นเครื่องรุ่นใหม่ทั้งหมด และเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละเคสเป็นหลัก

6. วิธีระงับความเจ็บปวด

การดูดไขมันต้นแขนเพียงตำแหน่งเดียว ส่วนใหญ่การใช้ยาชาก็เพียงพอแล้วครับ แต่สำหรับคนที่กลัวเจ็บมาก หรือมีการดูดไขมันตำแหน่งอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็อาจจะใช้เวลาในการดูดไขมันนานขึ้น มีโอกาสที่จะเจ็บมากขึ้น หมอก็แนะนำให้วางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ครับ ซึ่งการวางยาสลบนี้แหละ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูดไขมันต้นแขนสูงขึ้น สำหรับหมอถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ครับ เพราะการวางยาสลบ (ดมยาสลบ) จะทำให้คนไข้ไม่เจ็บ หมอก็ไม่ต้องมากังวลว่าคนไข้จะเจ็บไหม ดูดไขมันต้นแขนได้อย่างเต็มที่ และได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุดครับ

แต่ว่า…! ใครที่จะดูดไขมันต้นแขน แบบวางยาสลบ อย่าลืมตรวจเช็คกับคลินิกนะครับ ว่าเป็นวิสัญญีแพทย์จริง ๆ ใช่ไหม ในการให้ยาสลบ แนะนำให้ขอชื่อหมอวิสัญญีและภาพมาเช็คครับ เพราะสมัยนี้ มีคลินิกบางแห่งหัวหมอนะครับ แจ้งว่าวางยาสลบกับวิสัญญีก็จริง แต่พอหน้างานกลับไม่มีวิสัญญีแพทย์สักคน คนที่วางยาสลบคือแพทย์ดูดไขมัน ไม่ก็พยาบาล ตรงนี้นับว่ามีความอันตรายสูงครับ (สำหรับราคาของการวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ ทั่วไปจะไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทครับ)

7. การดูแลติดตามอาการ

การติดตามเคสหลังจากที่ดูดไขมันมีความสำคัญมาก ๆ สำหรับหมอ คลินิกจะต้องมีการนัดคนไข้เข้ามาดูอาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูว่าแผนการรักษาเป็นไปตามที่วางไว้หรือไม่? มีอาการข้างเคียงที่เสี่ยงอันตรายรึเปล่า? สำหรับคลินิกดูดไขมันราคาถูกบางแห่ง อาจจะไม่มีบริการในส่วนนี้นะครับ ยังไงก็ลองติดตามอ่านรีวิวของคลินิกเยอะ ๆ และสอบถามเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน ว่าหลังทำมีการติดตามเคสไหม? เพื่อป้องกันการถูกทิ้งกลางทางครับ (ถ้าเป็นแบบนี้แย่เลยนะครับ เพราะอาจจะส่งผลให้ต้นแขนของเราเข้าที่ช้ากว่าเดิม แผลก็ไม่หายสักทีได้)

“ดูดไขมันต้นแขนราคาถูก แผลว่าไม่ดีเหรอคะคุณหมอ??” ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ดูดไขมันแขนราคาถูกและดีอาจมีอยู่จริง แต่ราคาดูดไขมันต้นแขนที่เหมาะสม หรืออยู่ในระดับปานกลาง-สูง จะทำให้รู้สึกว่าน่าไว้ใจมากกว่า คลินิกที่มีราคาสูง ย่อมมาจากการเลือกใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานมากกว่า มีต้นทุนของคลินิกที่สูงกว่า สามารถคาดหวังผลลัพธ์และบริการหลังดูดไขมันได้เลยครับ

ระวังกลโกงดูดไขมันราคาถูก!!

หมอเคยเห็นผ่าน ๆ ตามานะครับ ว่าบางที่ใช้ราคาดูดไขมันต้นแขนราคาเบา ๆ เพื่อจูงใจลูกค้า พอคุยกับแอดมินแล้วว่าราคานี้ พอไปถึงหน้างานราคากลับพุ่งสูงขึ้นกว่าที่คิดไปเยอะ ไม่เหมือนกับที่คุยกันไว้ ไม่ตรงปก หรือบางทีอาจจะดูดไขมันต้นแขนแบบกั๊ก ๆ ดูดไม่หมด เพื่อให้คนไข้จ่ายเพิ่ม หรือเข้ามาดูดไขมันต้นแขนซ้ำครับ