“ต้นขาด้านในใหญ่” หรือ “ขาเบียด” มักพบได้ในคนที่มีน้ำหนักตัวมาก แต่อย่าเพิ่งเข้าใจไปนะครับว่าขาเบียดจะเกิดขึ้นในคนอ้วนได้เท่านั้น เพราะมันสามารถเกิดขึ้นได้ในคนผอมได้เช่นกัน รวมไปถึงคนที่มีลำตัวด้านบนเล็ก แต่มีลำตัวช่วงล่าง (สะโพก, ต้นขาด้านใน-ด้านนอก) ใหญ่ แลดูแล้วไม่สมส่วน นั่นเป็นเพราะว่าบริเวณต้นขาเกิดไขมันส่วนเกินสะสมได้ง่ายกว่าและลดยากกว่าส่วนอื่น ๆ จนทำให้หลายคนต้องหันมาใช้วิธีลดขาเบียดทั้งการควบคุมอาหาร, ลดน้ำหนัก หรือแม้แต่การออกกำลังกาย แต่ก็ยังไม่ค่อยเห็นผลสักเท่าไหร่ หมอจึงแนะนำการดูดไขมันต้นขา ซึ่งเป็นวิธีที่กำจัดไขมันต้นขาด้านในได้อย่างตรงจุดครับ
ขาเบียด เกิดจากอะไร ก่อนดูดไขมันต้นขาด้านในต้องรู้!
ก่อนที่จะเข้ารับการดูดไขมันต้นขาด้านใน คุณควรที่จะรู้ก่อนว่า ขาเบียดเกิดจากอะไร และแบบไหนที่เรียกว่าขาเบียด เพื่อที่หลังดูดไขมันต้นขาด้านในแล้ว จะได้ดูแลตัวเองอย่างตรงจุด หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ต้นขาด้านในใหญ่และกลับมาเบียดกันอีกครั้ง
ขาเบียด คือ เส้นรอบวงของต้นขามีขนาดใหญ่มากจนมันทำให้ต้นขาด้านในทั้ง 2 ข้างเบียดกัน เกิดจากผิวหนังและไขมันใต้ผิวหนังมาก จนผิวหนังหย่อนคล้อย และทำให้เสียดสีกันเป็นแผล ส่วนใหญ่พบได้ในผู้ที่มีน้ำหนักมากมาก่อนแล้วลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงผู้ที่มีน้ำหนักมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนที่มีขาเบียดสังเกตดูง่าย ๆ เวลาที่ยืนขาชิดกันจะไม่เห็นช่องว่างด้านในระหว่างต้นขาทั้ง 2 ข้าง เวลาเดินแล้วจะรู้สึกว่าเนื้อชนเนื้อ ทำให้มีปัญหาในการเคลื่อนไหวของร่างกาย จนส่งผลกระทบหลาย ๆ อย่าง อาทิ อาการเจ็บ เป็นแผล, สีผิวที่ดำคล้ำขึ้น, โรคเชื้อราที่เกิดจากความอับชื้น รวมไปถึงความสวยงาม โดยปัญหาขาเบียดหรือต้นขาด้านในมีขนาดใหญ่อาจมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อใหญ่, ไขมันแทรกในกล้ามเนื้อ หรือไขมันใต้ผิวหนังซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดและมีสาเหตุ ดังนี้
พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
การบริโภคอาหารที่มีแคลอรี่สูงเกินกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน จนทำให้น้ำหนักขึ้นและมีไขมันส่วนเกินสะสมตามสัดส่วนต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น รับประทานอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และน้ำตาลในปริมาณที่สูงมาก รวมไปถึงอาหารแปรรูปต่าง ๆ และอาหารแช่แข็ง เพราะอาหารเหล่านี้ผ่านกระบวนหลายขั้นตอนจนทำให้คุณค่าและสารอาหารลดลง และถูกปรุงด้วยแป้ง โซเดียม และน้ำตาลค่อนข้างสูง
ละเลยการออกกำลังกาย
ยิ่งเราทานอาหารที่มีแคลอรี่เยอะมากเท่าไหร่ ก็ทำให้เราต้องยิ่งออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกินออกให้มากเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญของร่างกายก็ทำงานได้น้อยลง ดังนั้น เมื่อขาดการออกกำลังกายแล้วก็จะยิ่งทำให้ร่างกายเก็บกักพลังงานส่วนเกินในรูปแบบของไขมันมากยิ่งขึ้น
ดื่มน้ำน้อย
คนไข้หลายคนสงสัยว่าดื่มน้ำน้อยเกี่ยวอะไรกับต้นขาใหญ่ และหมอคิดว่าหลายคนคงมองข้ามเรื่องนี้ไป ความจริงแล้ว การดื่มน้ำเยอะ ๆ ให้เพียงพอในแต่ละวันเป็นการทำให้ร่างกายขับของเสียได้ดีขึ้นและมีผลให้ระบบเผาผลาญเราทำงานได้ดีตามไปด้วย ไขมันจึงไม่มาสะสมตามสัดส่วนเราครับ
การใช้ชีวิตประจำวัน
การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การขึ้น-ลงด้วยลิฟท์ แทนที่จะวิธีเดินขั้น-ลงบันได รวมไปถึงการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงและความเครียด อันเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน กระตุ้นให้เรารู้สึกหิวมากยิ่งขึ้นโดยจะทำให้ยิ่งโหยอาหารประเภทแป้งและไขมันมากกว่าปกติ รวมไปถึงระบบเผาผลาญทำงานได้น้อยลง ร่างกายเก็บสะสมไขมันไว้มากขึ้น
ขาเบียดสร้างความหนักใจ
- เสื้อ-กางเกงคนละไซซ์ (ในคนที่มีลำตัวช่วงบนเล็ก แต่ลำตัวช่วงล่างตั้งแต่สะโพกลงมามีขนาดใหญ่) เป็นปัญหาในการเลือกซื้อเสื้อผ้า
- เสียดสีจนเจ็บ มีปัญหาขาเบียดเป็นแผล
- บริเวณขาหนีบอับชื้นได้ง่าย เป็นแหล่งสะสมของเหงื่อไคล ทำให้มีกลิ่น เป็นโรคเชื้อรา
- เคลื่อนไหวได้ลำบาก เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน การเล่นกีฬา ฯลฯ
- สีผิวดำคล้ำ เนื่องจากเกิดการเสียดสีจนทำให้ผิวบริเวณขาหนีบดำ
ข้อควรรู้ก่อนดูดไขมันต้นขาด้านใน
ก่อนดูดไขมันต้นขาด้านใน หมอจะต้องวิเคราะห์สัดส่วนกันก่อนว่า สาเหตุที่มีต้นขาด้านในใหญ่หรือขาเบียดนั้นเกิดจากอะไร เนื่องจากลักษณะกายวิภาคร่างกายประกอบไปด้วย “กระดูก” และเหนือขึ้นมา คือ “กล้ามเนื้อ” สุดท้ายเลย คือ “ไขมันและผิวหนัง” โดยจะประเมินลักษณะโครงสร้างต้นขาของคนไข้แต่ละคนก่อนดูดไขมันต้นขาด้านใน ซึ่งจะใช้เกณฑ์ดังนี้ครับ
ความตึงกระชับของผิวหนัง
ต้องเช็คก่อนว่า “ผิวหนังคนไข้เป็นอย่าไง กระชับไหม ย้วยไหม” ส่วนใหญ่แล้วในรายที่มีอายุยังไม่มาก จะมีแค่ปัญหาของไขมันใต้ผิวหนังเท่านั้น ซึ่งการดูดไขมันต้นขาด้านในเพียงอย่างเดียวก็สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว แต่หากในกรณีที่มีอายุขึ้นมาหน่อย หรือในคนที่ผ่านการลดน้ำหนักมาแล้วจนเกิดผิวหนังหย่อนคล้อย ไม่กระชับ อาจต้องใช้วิธีการดูดไขมันต้นขาด้านในควบคู่กับการยกกระชับผิวหนังด้วยโปรแกรมพิเศษ Plasma Jet
ขาเบียดจากอะไร
ก่อนดูดไขมันต้นขาด้านในจะต้องทำการวิเคราะห์ก่อนว่า ขาเบียดเกิดจากไขมันใต้ผิวหนังหรือเปล่า หรือเป็นไขมันที่แทรกตามกล้ามเนื้อ ซึ่งถ้าเป็นไขมันที่แทรกตามกล้ามเนื้อจะไม่สามารถดูดออกได้ และต้องใช้วิธีลดขาเบียดด้วยการออกกำลังกายเท่านั้น ส่วนคนไข้ที่มีขาเบียดจากไขมันใต้ผิวหนังจะเหมาะกับวิธีดูดไขมันต้นขาด้านในมากกว่า รวมไปถึงในกรณีที่หมอประเมินแล้วว่าคนไข้มีทั้งไขมันใต้ผิวหนังและไขมันแทรกในกล้ามเนื้อ หมอต้องทำความเข้าใจกับคนไข้ก่อนว่า หลังจากดูดไขมันแล้วขาอาจจะไม่ได้เรียวมาก ๆ แต่โดยรวมแล้วหลังจากดูดไขมัน ขาจะเล็กลงแน่นอนครับ
ดูดไขมันต้นขาด้านใน คือบริเวณไหน?
การดูดไขมันต้นขาด้านใน คือ การดูดไขมันที่นูนปูดออกมาบริเวณต้นขาด้านในทั้ง 2 ข้าง หรือ การดูดไขมันขาเบียดนั่นเอง ซึ่งที่ Amara Clinic จะใช้การเปิดแผลขนาดเล็ก 1 จุด/ข้าง รวมขาทั้ง 2 ข้างจะเปิดแผลทั้งหมด 2 จุด โดยแผลจะอยู่ตรงบริเวณขาหนีบ (แนวบิกินี ขอบกางเกงใน) ส่วนในคนไข้ที่มีไขมันที่หัวเข่าร่วมด้วย จะต้องมีการเปิดแผลเพิ่มที่เหนือหัวเข่าด้านใน (แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม) การดูดไขมันต้นขาด้านในเป็นการใช้เทคนิคซ่อนแผลและเปิดแผลเล็กมาก ๆ ขนาดไม่เกิน 5 มม. ดังนั้น หมดกังวลเรื่องรอยแผลเป็นที่จะเป็นจุดสังเกตได้เลยครับ
เกร็ดความรู้ ในสมัยก่อน มีความเข้าใจกันว่าการดูดไขมันต้องดูดออกให้เกลี้ยง มีเท่าไหนก็ดูดออกให้หมด จึงทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น สัดส่วนบริเวณนั้นบุ๋มลงไป ทำให้รูปทรงของขาไม่สวย แตกต่างจากในปัจจุบันที่การดูดไขมันเป็นการดูดไขมันออกมา ไม่ดูดออกจนหมด และเป็นการปรับสัดส่วนให้เล็กลง ทำให้คนไข้ใส่เสื้อผ้าหรือใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ดูดไขมันต้นขาด้านใน ข้อเสียมีไหม เกิดผลข้างเคียงอะไรได้บ้าง?
การดูดไขมันต้นขา ดูดไขมันต้นขาด้านใน ด้านนอก หรือแม้แต่การดูดไขมันส่วนอื่น ๆ ย่อมมีผลข้างเคียงอยู่แล้วค่ะ แต่ร่างกายจะสามารถรับมือได้ และฟื้นฟูตัวเองอย่างดีหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและการดูแลตัวเองของคนไข้ด้วย ซึ่งคนไข้ก็ควรทราบว่าผลข้างเคียงหลังดูดไขมันต้นขาด้านใน ข้อเสียมีไหม มีผลกระทบอะไรหรือเปล่า? ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้ครับ
- อาจรู้สึกปวดบริเวณที่ดูดไขมันต้นขาด้านในประมาณ 1 สัปดาห์
- อาจมีความบวมช้ำบริเวณที่ดูดไขมันต้นขาด้านใน แต่จะสามารถหายไปได้เอง
- ผิวเป็นคลื่นหรือมีไตแข็ง พังผืด สามารถป้องกันได้ด้วยการนวดและใส่ชุดกระชับต้นขา
- ไขมันสามารถกลับมาได้หากไม่ดูแลตัวเองและกินอาหารไขมันสูง หรือกินเกินความต้องการต่อวัน
ขั้นตอนการดูดไขมันต้นขาด้านใน
- เป็นการใช้ยาระงับความเจ็บปวด โดยคนไข้สามารถพูดคุยกับแพทย์ได้ว่าต้องการใช้เพียงยาชาเฉพาะที่หรือการวางยาสลบ
- ดูดไขมันต้นขาด้านในด้วยการเปิดแผลที่ขาหนีบ 2 จุด หรือในคนไข้ที่มีไขมันรอบหัวเข่าเพิ่มด้วยจะมีการเปิดแผลเหนือหัวเข่าด้านในอีก 2 จุด
- หลังดูดไขมันต้นขาด้านในเสร็จแล้ว แพทย์จะทำการรีดน้ำออกให้มากที่สุดเพื่อลดอาการบวม จากนั้นเย็บแผล 1 เข็ม เพื่อให้น้ำที่เหลืออยู่ได้ระบายออกมาได้
- สุดท้าย เจ้าหน้าที่จะทำการสวมชุดยกกระชับสัดส่วนหลังดูดไขมันต้นขาด้านในทันที เพื่อให้สัดส่วนเข้าที่ไวยิ่งขึ้น
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นขาด้านใน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ทานอาหารก่อนดูดไขมันประมาณ 3 ชั่วโมง (กรณีใช้ยาชา) งดทานอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (กรณีใช้ยาสลบ)
- งดดื่มชา กาแฟ และน้ำอัดลม
- ก่อนดูดไขมันให้งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 8 ชั่วโมง (กรณีใช้ยาสลบ)
- สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ไม่คับ ใส่-ถอดออกง่าย
- งดแต่งหน้าหรือทาครีมที่ใบหน้าในวันที่ดูดไขมัน (กรณีใช้ยาสลบ)
- ให้ญาติหรือคนรู้จักมารับกลับหลังดูดไขมัน
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันต้นขาด้านใน
- ทำความสะอาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อและปิดแผลด้วยผ้าก๊อซเป็นประจำทุกวัน
- ห้ามให้แผลโดนน้ำหรือน้ำแข็งแผลเด็ดขาด เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อได้
- หากพบว่าแผลเปียกชื้นให้รีบเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่ทันที (ไม่แนะนำให้ใช้พลาสเตอร์แบบกันน้ำ)
- รับประทานยาฆ่าเชื้อ, ยาแก้อักเสบ, ยาแก้ปวด และยาลดบวม ตามคำแนะนำของแพทย์
- ดื่มน้ำประมาณวันละ 1-2 ลิตร หากมีอาการอ่อนเพลียสามารถดื่มเกลือแร่เสริมได้
- ถ้าต้องการให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น แนะนำให้ทาน Vitamin B Complex และ Vitamin C เพิ่ม
- งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด 2 สัปดาห์
- งดอาหารไม่สะอาด อาหารทะเล อาหารเค็ม ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่มีน้ำตาลสูง และงดสูบบุหรี่ด้วย เพราะจะทำให้แผลหายช้า
- เคลื่อนไหวร่างกายช้า ๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และป้องกันไม่ให้แผลตึงรั้ง
- สวมชุดกระชับต้นขาวันละ 18-20 ชั่วโมง ให้ถอดพักประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมหลังจากใส่ไปแล้วประมาณ 4-6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง แผลผ่าตัดบวมแดงร้อน คลื่นใส้อาเจียนมาก มีแผลจากการใส่ชุดกระชับ ให้รีบมาพบแพทย์
- สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย เดินไกล หรือวิ่ง 1 เดือน เพื่อไม่ให้มีการบาดเจ็บมากขึ้น
ดูดไขมันต้นขา พักฟื้นกี่วัน?
การดูดไขมันต้นขา มักจะเห็นผลอย่างชัดเจนทันทีหลังทำครับ แต่หลังจากนั้น ขาจะเริ่มมีอาการบวมหรือช้ำเนื่องจากมีของเหลวหรือเลือดซึมอยู่ข้างใน ทำให้คนไข้จำเป็นต้องใส่ชุดกระชับต้นขาเพื่อให้อาการนี้ทุเลาลง โดยจะใช้เวลาพักฟื้นราว ๆ 1 สัปดาห์หลังดูดไขมันต้นขาด้านในจึงจะค่อย ๆ เริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่การยุบบวมโดยสมบูรณ์จะอยู่ที่ 1-3 เดือนขึ้นไป (อยากให้แผลดูดไขมันหายเร็ว? อ่านเพิ่มเติมได้ที่ แผลดูดไขมัน)
สำหรับการดูดไขมันต้นขาด้านในที่ Amara Clinic จะมีบริการหลังดูดไขมันหรือ After care เพื่อดูแลคนไข้ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้องพักฟื้นหลังดูดไขมันเสร็จทันที ซึ่งมีพยาบาลวิชาชีพของคลินิกคอยดูแลตลอดเวลา หลังจากนั้นก็จะมีทั้งนัดตารางนวดกระชับผิว ทำเลเซอร์รอยแผลเป็น หรือฉายแสงลดบวมเป็นระยะ ทำให้แผลหายเร็ว ยุบบวมไว ดูดไขมันต้นขาด้านในเยอะแค่ไหน ก็หายห่วง
สรุป
ดูดไขมันดีไหม? ตอบได้เลยครับว่าการดูดไขมันต้นขาด้านใน เป็นวิธีลดขาเบียดที่ได้ผลอย่างตรงจุดก็จริงนะครับ แต่หลังจากดูดไขมันไปแล้ว คนไข้ต้องมีการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และออกกำลังกายด้วยท่าลดขาเบียดอย่างสม่ำเสมอด้วยนะครับ ไขมันจะได้ไม่กลับมากวนใจกันได้อีก เพื่อสุขภาพที่ดีและรูปร่างที่สมส่วนแบบยั่งยืนครับ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic