‘ออฟฟิศซินโดรม’ (Office syndrome) นับว่าเป็นโรคสุดฮิตของยุคนี้ที่เกิดได้กับวัยทำงาน ที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ๆ เป็นประจำ เมื่อใช้ชีวิตในท่วงท่าเดิม ๆ นาน ๆ ก็ส่งผลให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรม อย่างอาการปวดเมื่อยตามลำตัว ปวดหลังออฟฟิศซินโดรม ในบทความนี้หมอจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันให้มากขึ้น ว่าออฟฟิศซินโดรม คืออะไร และสังเกตตัวเองกันว่าออฟฟิศซินโดรม อาการเป็นอย่างไร เข้าข่ายเป็นหรือยัง พร้อมแนวทางการรักษา Office syndrome ที่ตรงจุดค่ะ
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นโรคที่มักพบในคนที่ทำงานออฟฟิศ เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อและข้อต่อซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน จนทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่ออักเสบ มีอาการปวด บวม แดง ร้อน และชา ออฟฟิศซินโดรมสามารถเกิดขึ้นได้หลายส่วนในร่างกาย เช่น คอ บ่า ไหล่ แขน มือ ขา และหลัง โดยอาการนี้จะรุนแรงขึ้นอยู่กับชั่วโมงการทำงาน ท่าที่ใช้นั่ง และอายุ จากหลายเคสที่มีปัญหานี้มักนั่งหลังงอ หลังค่อม ในขณะที่มือทั้ง 2 ข้างก็ต้องพิมพ์งานในคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นการนั่งอยู่ในท่วงท่าเดิม ๆ ไม่ค่อยได้เปลี่ยนอิริยาบท ไม่ค่อยได้ลุกเดิน ไม่ได้พัก จนส่งผลทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามลำตัวตามมา รวมไปถึงอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย
![ออฟฟิศซินโดรม](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2022/04/อาการออฟฟิศซินโดรม-1024x576.webp)
อย่างที่หมอเจอได้ในคนไข้ส่วนใหญ่คือ อาการปวดหลังออฟฟิศซินโดรม รวมไปถึงภาวะโรคอ้วนที่มักเป็นปัญหาตามมาติด ๆ ซึ่งเกิดจากการนั่งทำงานทั้งวัน เอาของกิน ขนม น้ำหวานมากินที่โต๊ะทำงาน ทำให้รู้สึกว่ากินอาหารได้ง่ายขึ้น ก็ยิ่งกินจุกจิกทั้งวัน บวกกับไม่ออกกำลังกาย ไม่ฝึกนับแคลอรี่ ก็ยิ่งทวีความรุนแรงของโรคอ้วนได้ค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
- ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน แบบง่าย ๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม! หาคำตอบเพิ่มได้ที่ ลดน้ำหนักแบบนับแคลอรี่
- หนุ่ม ๆ สาว ๆ ทำงานออฟฟิศ งานเยอะ นอนดึกบ่อย ระวังอ้วนไม่รู้ตัว! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ นอนดึกทำให้อ้วน
สาเหตุของโรคออฟฟิศซินโดรม
- ท่าทางในการทำงาน เช่น การนั่งหลังงอ หลังค่อม นั่งท่าเดิมนาน ๆ ไม่ค่อยได้ลุกเดิน รวมถึงการวางตำแหน่งมือ หรือข้อศอก บนโต๊ะทำงานที่ไม่ถูกต้อง
- สภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ในการทำงานไม่เหมาะสม เช่น นั่งเก้าอี้ที่อยู่ต่ำหรือสูงกว่าโต๊ะทำงานมากเกินไป
- สภาพร่างกายของคนไข้ เช่น เกิดอาการบาดเจ็บซ้ำ ๆ ที่ข้อมือ และใช้เวลาในการทำงานมากจนเกินไป ซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบ หรือเป็นพังผืดเส้นประสาทบริเวณข้อมือได้
![ออฟฟิศซินโดรม](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2022/04/ปวดคอ.lg_-1024x683.webp)
เกร็ดความรู้ ไม่ใช่พนักงาน Office ก็เป็นออฟฟิศซินโดรมได้!
นอกจากกลุ่มคนทำงานในออฟฟิศแล้ว ยังมีกลุ่มคนที่ทำงานประเภทอื่น ๆ ที่อาจพบเจอกับอาการออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกันค่ะ เช่น คนที่ทำงานที่ต้องใช้แรงในการยกของหนัก ๆ เป็นประจำ บางครั้งอาจขยับตัวขณะยกของที่ผิดท่า หรือออกแรงยกของมากเกินไป
หรือแม้แต่คนขับรถแท็กซี่ หรือพนักงานขับรถ ที่ต้องจับพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งและเบรค ซึ่งต้องอยู่ในท่าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลานาน หรืออาชีพอื่น ๆ ที่ต้องออกแรงใช้มือและแขนท่าเดิม ๆ นาน ๆ รวมไปถึงนักกีฬาที่ต้องออกแรงและใช้กล้ามเนื้อซ้ำ ๆ มากเกินไป ก็อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บ ทั้งแบบชนิดเฉียบพลันและแบบเรื้อรังค่ะ
ออฟฟิศซินโดรม อาการที่หนุ่ม-สาวออฟฟิศคุ้นเคย
สำหรับโรคออฟฟิศซินโดรม อาการที่ชาวออฟฟิศคุ้นเคยเป็นอย่างดี จะถูกแบ่งออกตามกลุ่มอาการได้ 3 ประเภทด้วยกันค่ะ คือ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, อาการที่เกิดขึ้นกับระบบประสาทอัตโนมัติ และอาการที่เกิดขึ้นจากระบบประสาทถูกกดทับเป็นเวลานาน
อาการปวดกล้ามเนื้อ
กลุ่มอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งมีความรู้สึกแบบปวดร้าว ปวดแบบล้า ที่ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเฉพาะส่วน เช่น ปวดคอ, บ่า, ไหล่, สะบัก รวมไปถึงปวดหลังออฟฟิศซินโดรม ซึ่งมักเป็นบริเวณกว้าง และมีอาการปวดลามไปถึงบริเวณข้างเคียงค่ะ โดยเกิดจากการที่เราอยู่ในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน บางคนเป็นในระดับที่ไม่รุนแรงมากนัก ปวดเมื่อยเพียงเล็กน้อย แต่บางคนถึงกับมีอาการปวดแบบรุนแรงชนิดที่ว่าทรมานมาก ๆ ก็มีค่ะ
อาการที่เกิดขึ้นจากระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ
สำหรับหนุ่ม-สาวชาวออฟฟิศมักจะหลีกเลี่ยงภาวะเครียด นอนหลับไม่พอ กินอาหารไม่ตรงเวลา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะออฟฟิศซินโดรม ในลักษณะอาการที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติได้ค่ะ เช่น อาการมึนงง, ปวดศีรษะ ปวดหัวไมเกรน, อาการเหน็บชา, รู้สึกวูบ, อยู่ ๆ ก็ขนลุก, มีเหงื่อออกทั้งที่อากาศไม่ร้อน รวมไปถึงอาการหูอื้อและตาพร่ามัวค่ะ
![ออฟฟิศซินโดรม](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2022/04/นิ้วล็อค.lg_-1024x683.webp)
อาการที่เกิดขึ้นจากระบบประสาทถูกกดทับ
สำหรับอาการที่เกิดจากการกดทับบริเวณปลายประสาท ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มอาการที่มาพร้อมกับโรคออฟฟิศซินโดรมค่ะ ซึ่งหากเราทำงานอยู่ในท่าเดิมซ้ำ ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและเส้นเอ็น อย่างที่ข้อศอก ข้อมือ และข้อนิ้ว จนอาจทำให้เกิดอาการปวดข้อมือ มือชา และโรคนิ้วล็อค (Trigger Finger) ที่ในปัจจุบันคนเป็นกันเยอะมาก ๆ เลยค่ะ เนื่องจากหลายคนต้องคอยพิมพ์งาน คลิกเมาส์ ลากเมาส์ ทำงานบนคอมพิวเตอร์ รวมถึงหากเส้นประสาทถูกกดทับนาน ๆ สะสม ก็จะส่งผลให้เกิดอาการชาที่แขนและมือ ซึ่งบางรายอาจมีอาการแขน-ขาอ่อนแรงได้เลยค่ะ
เกร็ดความรู้ ออฟฟิศซินโดรม หากปล่อยไว้นาน โรคร้ายอาจถามหา!
นอกจากกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมในข้างต้นแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงอื่น ๆ ตามมา เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคด ซึ่งหากมีอาการรุนแรงมาก อาจทำให้ถึงขั้นเดินไม่ได้
นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางจิตเวช เช่น อาการโรคซึมเศร้า ที่เกิดจากภาวะเครียดสะสม รวมไปถึงเสี่ยงที่จะเกิดโรคเรื้อรังชนิดต่าง ๆ อาทิ โรคอ้วน, โรคเบาหวาน, มีไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิตสูง จากการไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การทานอาหาร และการทำงาน หมอจึงแนะนำให้เข้ารับการรักษา Office syndrome ก่อนอาการจะรุนแรงค่ะ
การรักษา Office syndrome และบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม
ถึงแม้ว่าโรคออฟฟิศซินโดรมจะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะคนในวัยทำงานที่ต้องออกแรงทำงานแบบท่าเดิมซ้ำ ๆ เป็นประจำ แต่เราก็สามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยหมออยากเน้นย้ำสิ่งที่สำคัญเลยคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงและช่วยบรรเทาอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมค่ะ
![](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2021/10/อาหารเฮลตี้-1024x683.webp)
กินให้เป็น ขยับให้บ่อย
ในการป้องกันและรักษา Office syndrome อย่างแรกเลยเราต้องมาปรับเรื่องการทานอาหารกันก่อนค่ะ การทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ แบบตรงเวลา และมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ จำเป็นมาก ๆ กับคนวัยทำงานอย่างเรา แต่ให้ปรับลดปริมาณอาหารบางชนิด อย่างพวกไขมัน แป้ง และน้ำตาล โดยให้เลือกทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่เป็นพวกข้าวและแป้งที่ไม่ขัดสี ลดหรืองดขนมทานเล่นจุกจิก ให้เปลี่ยนมาทานพวกถั่ว, โยเกิร์ตไขมันต่ำหรือไม่มีไขมัน หรือผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย เช่น แอปเปิ้ล, ชมพู่, ฝรั่ง หรือแก้วมังกร ฯลฯ รวมถึงการหาเวลาว่างให้ได้สักวันละ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย เพื่อออกกำลังกาย โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเข้าฟิตเนส เลิกงานกลับบ้าน วิ่งเหยาะ ๆ ออกกำลังกายรอบหมู่บ้าน หรือเลือกออกกำลังกายภายในบ้านที่มีอากาศถ่ายเทได้เลยค่ะ
รักษา Office syndrome ควรปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน
การกำหนดเวลาทำงานและเวลาพักก็มีส่วนสำคัญ ที่จะช่วยให้ร่างกายและกล้ามเนื้อได้พักผ่อนไปด้วยค่ะ ซึ่งหมอแนะนำให้ทำงานโดยมีช่วงพักเบรคเพื่อยืดเส้นยืดสาย ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง โดยให้ลุกขึ้นเดิน หรือบริหารร่างกายยืดเหยียดสักประมาณ 5-10 นาที หรือให้หมั่นเปลี่ยนอิริยาบท เปลี่ยนท่านั่งบ่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับของกล้ามเนื้อนานจนเกินไปค่ะ และนอกจากนั้น ควรปรับตำแหน่งโต๊ะและเก้าอี้ให้อยู่ในระดับที่พอดี เลือกเก้าอี้ที่รู้สึกว่านั่งแล้วสบาย มีพนักพิง ปรับท่านั่งให้หลังตรง โดยให้นั่งเก้าอี้แบบเต็มก้น นั่งให้ฝ่าเท้าวางพื้นได้เต็มเท้าค่ะ
บริหารร่างกายระหว่างวัน รักษา Office syndrome
การบริหารร่างกายด้วยท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ จะช่วยให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงช่วยลดอาการตึงและปวดเมื่อยจากอาการออฟฟิศซินโดรมค่ะ อย่างที่หมอบอกไปนะคะว่า ควรมีเวลาพักเบรคทุก ๆ 2 ชั่วโมง โดยระหว่างนี้ก็ให้ใช้ท่าบริหารร่างกาย เช่น การบริหารต้นคอ โดยหมุนคอ หรือเอียงคอไปด้านข้างสลับซ้าย-ขวา, บริหารหัวไหล่ ยกหัวไหล่ขึ้น-ลง, บริหารฝ่ามือ ด้วยการกำแบมือสลับไปมาทั้ง 2 ข้าง, บริหารหลัง ลดอาการปวดหลังออฟฟิศซินโดรม โดยการประสานมือ แล้วยืดและเอนตัวไปด้านหลัง และบริหารช่วงสะโพก โดยการนั่งไขว่ห้าง แล้วโน้มตัวไปด้านหน้า ทำซ้ำสลับซ้ายและขวาค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
- สูตรกินแบบลดพุง ไม่ต้องอดก็ลดได้ ต้องกินอะไรบ้าง หาคำตอบได้ที่ คุมอาหารลดพุง
- ชาวออฟฟิศนั่งกินขนมจุกจิกทั้งวัน ระวังค่า BMI จะพุ่งสูงไม่รู้ตัว เช็คเองง่าย ๆ ว่าตอนนี้อ้วนหรือผอม ได้ที่ BMI คือ
รักษา Office syndrome ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด!
หากดูแลตัวเองตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว แต่อาการต่าง ๆ ยังไม่ทุเลาลง จนส่งผลให้ออฟฟิศซินโดรม อาการเรื้อรัง จนทำให้รู้สึกรำคาญและส่งผลต่อการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน หมอแนะนำให้ลองรักษา Office syndrome ด้วยเทคโนโลยี TESLA Former ค่ะ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ทาง Amara Clinic ได้นำเข้ามาใช้เพื่อบำบัดและรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม ว่าแต่ TESLA Former คืออะไร และช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้อย่างไร ตามมาดูข้อมูลพร้อมดูรีวิวจากเคสคนไข้ของหมอกันค่ะ
![Tesla Former](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2022/04/Tesla-Former.pic1_-1024x576.webp)
TESLA Former รักษาออฟฟิศซินโดรมได้อย่างไร
การรักษา Office syndrome ด้วย TESLA Former เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ Functional Magnetic Stimulation (FMS) ชนิดที่มีการกระตุ้นแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อให้เกิดการหดเกร็งและคลายตัวเป็นจังหวะแบบอัตโนมัติ ครอบคลุมทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ รวมไปถึงกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscle) เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ใหญ่และแข็งแรง รวมไปถึงตัวเครื่อง TESLA Former ยังมีโหมดที่ช่วยเรื่องการกายภาพบำบัด เพื่อช่วยผ่อนคลายและลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดเอว ปวดหลังออฟฟิศซินโดรม ที่เป็นอาการทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรังค่ะ
สำหรับการทำ TESLA Former ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่ต้องถอดเสื้อผ้า เพียงแค่นอนหรือนั่งทำแบบสบาย ๆ ใช้เวลาแค่ 30 นาทีต่อครั้ง โดยจะมีอุปกรณ์วางนาบลงบนบริเวณที่ต้องการทำการรักษา Office syndrome ซึ่งในระหว่างทำ TESLA Former คนไข้จะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อมีการถูกกระตุ้นตลอดเวลาเป็นจังหวะ หลังทำเสร็จก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยคนไข้สามารถรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ TESLA Former และหมอแนะนำให้ทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 8-10 ครั้งขึ้นไป (ต่อตำแหน่ง) เพื่อการบำบัดอาการออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลชัดเจนค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
- ช่องคลอดหลวม น้องสาวไม่ฟิต TESLA Former ก็รักษาได้นะ! สนใจอ่านเพิ่มเติมได้เลยที่ วิธีกระชับช่องคลอดแบบเร่งด่วน
รีวิวรักษา Office syndrome ด้วย TESLA Former ฉบับสาวออฟฟิศตัวจริง!
ตัวอย่างเคสรีวิวการทำ TESLA Former เพื่อรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม ‘คุณพลอย’ ที่มาปรึกษาหมอด้วยปัญหาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ มานานหลายปี เนื่องจากต้องทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ งานยุ่งทั้งวัน จนไม่ค่อยได้ลุกเดินไปไหน รวมไปถึงเป็นคนชอบไปนวดผ่อนคลายตามสปา แต่พอสักพักก็กลับมาเป็นใหม่ จนทำให้เกิดเป็นอาการปวดเมื่อยที่สะสมและเรื้อรังมานาน
![ออฟฟิศซินโดรม](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2022/04/ออฟฟิศซินโดรม.1-1024x683.webp)
ปวดคอ บ่า ไหล่ อาการยอดฮิตของสาวออฟฟิศ
คุณพลอยเล่าว่า ระหว่างที่ทำ TESLA Former จะรู้สึกเหมือนมีคนมานวด ๆ ทุบ ๆ เป็นจังหวะ แต่ไม่เจ็บนะคะ เป็นความรู้สึกฟินมากกว่า รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งหลังจากทำ TESLA Former ครั้งแรก กลับบ้านไปมีอาการปวด ๆ ตึง ๆ เล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน อาการปวดคอ บ่า ไหล่ ก็ทุเลาลงไปแบบที่รู้สึกได้เลยค่ะ หลังจากนี้ หมอแนะนำว่าให้คุณพลอยเข้ามาทำ TESLA Former เพิ่มให้ครบจำนวนครั้งต่อคอร์ส ซึ่งโดยปกติแล้ว แนะนำให้ทำ TESLA Former ต่อเนื่อง 8-10 ครั้งขึ้นไป เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ
![ออฟฟิศซินโดรม](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2022/04/ออฟฟิศซินโดรม.2-683x1024.webp)
![ออฟฟิศซินโดรม](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2022/04/ออฟฟิศซินโดรม.5-683x1024.webp)
![ออฟฟิศซินโดรม](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2022/04/ออฟฟิศซินโดรม.3-683x1024.webp)
![ออฟฟิศซินโดรม](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2022/04/ออฟฟิศซินโดรม.4-683x1024.webp)
นั่งหรือนอนทำ TESLA Former ชิว ๆ 30 นาที โดยไม่ต้องถอดเสื้อผ้า
นอกจากที่ทำ TESLA Former แล้ว หมอแนะนำคนไข้ทุกคนเสมอว่า ทำแล้วดีขึ้น ทำแล้วหาย ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องดูแลตัวเองนะคะ ยังไงก็ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตและการทำงาน นั่งทำงานให้ถูกท่า เปลี่ยนท่านั่งบ่อย ๆ พักเบรคลุกเดินบ้าง และที่สำคัญคือ หากรู้สึกว่ากล้ามเนื้อเริ่มตึง ๆ ปวด ๆ เมื่อไหร่ ให้ขยับร่างกาย หรือใช้การบริหารร่างกายอย่างที่หมอแนะนำไปในข้างต้นได้เลย ดังนั้น ผลลัพธ์การรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ดี ต้องเกิดจากหมอและคนไข้ร่วมมือกัน จึงจะทำให้โรคออฟฟิศซินโดรมไม่กลับมาเยี่ยมเยือนได้อีกค่ะ อ่านรีวิวจากคุณพลอยแบบเต็ม ๆ ได้ที่ แชร์ประสบการณ์ รักษาออฟฟิศซินโดรม
นอกจาก TESLA Former จะช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้แล้ว ยังมีคุณสมบัติดี ๆ อีกเพียบเลยค่ะ ใครที่อยากรู้ว่า TESLA Former ทำอะไรได้อีก สามารถเข้าไปอ่านบทความได้ที่ >> TESLA Former
![](https://amara-clinic.com/wp-content/uploads/2021/10/BgW-scaled.webp)
สรุป
ท้ายนี้ หมอเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากทำงานแบบที่ต้องแลกมาด้วยอาการเจ็บป่วย อย่างโรคออฟฟิศซินโดรม ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหลังออฟฟิศซินโดรม ซึ่งเป็นอาการที่ทำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ วัยทำงานต้องหงุดหงิดรำคาญใจ และยังส่งผลให้ทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ ทำงานแบบไม่มีความสุข จนอาจทำให้ผลงานออกมาไม่ดี
โดยหากปล่อยไว้นานเกินไป ไม่รักษา Office syndrome ก็จะยิ่งทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นประสาทถูกกดทับเรื้อรัง จนท้ายที่สุดก็เกิดเป็นโรคร้ายแรงที่อาจถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดใหญ่ หมอจึงอยากแนะนำให้ทุกคนหมั่นสังเกตอาการ, ดูแลตัวเอง รวมถึงเข้ารับการรักษาออฟฟิศซินโดรมกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีสมวัย ทำให้เราสามารถทำงานที่เรารักและแฮปปี้แบบนี้ไปได้นาน ๆ เลยค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic