รวมสาเหตุที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ขาดคอลลาเจน

สาเหตุที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย

เพราะอะไร ทำไมเมื่อผิวขาดคอลลาเจน จึงทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย ไม่กระชับ?

สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ผิวเราย้วย ผิวขาดคอลลาเจน หรือมีความหย่อนคล้อย หลัก ๆ คือการที่ผิวขาดคอลลาเจน (Collagen) นั่นเองค่ะ แล้วคอลลาเจนคืออะไร? สำคัญกับผิวเราอย่างไร? มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ผิวขาดคอลลาเจน และที่สำคัญจะทำอย่างไรให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้ดีที่สุดนั่น รวมไปถึงวิธีการรักษาผิวหย่อนคล้อยที่เห็นผลชัดมีอะไรบ้าง วันนี้หมอมะปราง Amara Clinic จะมาให้ข้อมูลกัน สามารถติดตามอ่านได้ที่ด้านล่างนี้เลยค่ะ

คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร?

คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้มากที่สุดในร่างกายค่ะ เส้นใยคอลลาเจนมีลักษณะเป็นสายเกลียว เกิดจากการรวมตัวของกรดอะมิโน (Amino acid) หลาย ๆ ชนิดต่อกันเป็นสายยาว (โพรลีนและไกลซีน) เปรียบเสมือน “กาว” เพราะคอลลาเจนคอยทำหน้าที่เชื่อมเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายให้ติดกัน คือยึดเซลล์ผิวหนัง เอ็น ข้อต่อ พังผืด กล้ามเนื้อ รวมถึงผนังหลอดเลือดด้วยค่ะ

ผลเสียที่ตามมา เมื่อผิวขาดคอลลาเจน

  • ผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ
  • ผิวแห้งกร้าน หยาบกระด้าง ผิวไม่เต่งตึง
  • ผิวมีริ้วรอย ดูแก่กว่าวัย
  • แผลสมานตัวช้า
  • ผมขาดหลุดร่วงง่าย
  • มีอาการปวดตามข้อต่อ
  • ประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันน้อยลง ทำให้เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกินง่าย

สอบถามฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี

5 สัญญาณที่กำลังบอกว่า “ร่างกายขาดคอลลาเจน”

ร่างกายของเราเป็นอะไรที่ชาญฉลาดมาก ๆ ค่ะ เมื่อมีความผิดปกติในจุดใดเกิดขึ้น ก็มีสัญญาณและอาการแสดงออกมาให้เรารู้ตัว เพื่อที่จะได้รับการฟื้นฟูรักษาได้อย่างทันท่วงที เช่นเดียวกับปัญหาร่างกายที่เมื่อขาดคอลลาเจน ก็จะมีการแสดงอาการต่าง ๆ ออกมาดังนี้

  1. ผิวแห้งหยาบกร้าน ในบางเคสที่ร่างกายขาดคอลลาเจนรุนแรง ผิวจะแตกง่ายและลอกเป็นขุย 
  2. ผมร่วง ไม่ใช่แค่เพราะชูรสนะคะ แต่ยังมาจากการที่ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนออกมาน้อยได้อีกด้วยค่ะ
  3. ปวดตามข้อทั่วร่างกาย มีเสียงดังเวลาเคลื่อนไหว 
  4. ผิวเป็นริ้วรอยทั้งตามใบหน้าและลำตัว มีฝ้า กระ และจุดด่างดำขึ้นง่ายขึ้น 
  5. แผลหายช้ากว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็น แผลที่เกิดจากอุบัติเหตุ แผลผ่าตัด หรือ แผลที่เกิดจากสิว

10 สาเหตุที่ทำให้ผิวขาดคอลลาเจน ผิวหย่อนคล้อย

ผ่าตัดยกกระชับ J Plasma

อายุของเราที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน

อายุเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อายุของคนเราเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ในขณะเดียวกันประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนก็ลดลงไปเช่นกัน จะสังเกตได้จากผิวเด็ก หรือผิวของคนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี จะมีความยืดหยุ่นสูง เปล่งปลั่ง เต่งตึง ดึงแล้วเด้งกลับในทันที เมื่อเกิดบาดแผล แผลจะสมานตัวเร็ว เป็นเพราะว่าใต้ผิวหนังมีคอลลาเจนอยู่จำนวนมาก เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลงปีละ 1 % ยิ่งอายุมากขึ้นผิวก็จะยิ่งขาดความชุ่มชื้น ขาดความเต่งตึง จากนั้นจะค่อย ๆ เกิดริ้วรอย มีความเหี่ยวย่นต่าง ๆ การสมานตัวของแผลก็จะช้าลง พออายุย่างเข้าเลข 4 การสร้างคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเหลือเพียง 30% เท่านั้น

การพักผ่อน และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

การพักผ่อนที่ดี คือการพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ในแต่ละวันเราควรนอนให้เพียงพอ หลับลึก และนอนให้ตรงเวลา หรือนอนในช่วงที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) นะคะ เพราะเมลาโทนินจะเป็นตัวนำให้ฮอร์โมนตัวอื่น ๆ เช่น โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) หรือฮอร์โมนที่คอยควบคุมการเจริญเติบโต และควบคุมการทำงานของร่างกายของเราค่ะ

เมลาโทนนินจะหลั่งออกมาในช่วงเวลากลางคืน ประมาณ 4-5 ทุ่ม ถ้าเราไม่เข้านอนในเวลาดังกล่าว จะทำให้ร่างกายไม่สามารถหลั่งฮอร์โมนต่าง ๆ ออกมาได้อย่างเต็มที่ หากเรานอนอย่างเพียงพอ (6-8 ชั่วโมง) ในช่วงเวลาที่เหมาะสม (4-5 ทุ่ม) และหลับลึก ไม่หลับ ๆ ตื่น ๆ จะทำให้ร่างกายได้พักผ่อน และซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ ผิวจะเต่งตึง และเปล่งปลั่งจากภายในเลยทีเดียวค่ะ

ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่จะถูกผลิตออกมามากในช่วงวัยรุ่น ซึ่งจะทำให้ผิวของเราดูเต่งตึง เรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะถูกผลิตน้อยลงเมื่ออายุขึ้นเลข 4 ไม่ว่าจะดูแลตัวเองมาดีมากแค่ไหน ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ผิวอย่างชัดเจนเลยค่ะ คือเริ่มมีผิวหย่อนคล้อย ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งกร้าน เกิดริ้วรอย เกิดรอยข่วน ความเหี่ยวย่นค่อย ๆ มาเยือน ผิวจะย้วย ผิวไม่กระชับตัวนั่นเอง

UVA และ UVB จากแสงแดด

ในแสงแดดจะมีรังสี UVA และ UVB อยู่นะคะ ซึ่งรังสีดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ โดยสารอนุมูลอิสระนี้ จะเข้าไปทำลายโปรตีนหรือคอลลาเจนภายใต้ผิว เราจะพบได้ว่าคนที่ทำงานที่ต้องออกกลางแจ้งบ่อย ๆ จะมีสภาพผิวที่แห้งเหี่ยว และผิวหยาบกร้านกว่าคนทั่วไป

ซึ่งเราสามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดได้โดยการใส่หมวก กางร่ม สวมใส่เสื้อผ้าแขน-ขายาว หรือหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ โดยทั่วไปครีมกันแดดจะอยู่ได้เพียง 4 – 6 ชั่วโมง หากทาในตอนเช้าแล้ว ระหว่างวันจำเป็นต้องออกไปเผชิญแดด แนะนำให้ทาซ้ำ เพื่อป้องกันแสงแดดทำร้ายผิวนะคะ

มลพิษทางอากาศ และฝุ่นละออง

ในชีวิตประจำวัน เราต้องเดินทางแทบทุกวัน เราจึงหลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศได้ยาก อย่าง PM 2.5 ที่เคยบุกประเทศไทยในช่วงหนึ่ง PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือพูดง่าย ๆ คือมีขนาด 1:25 ส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ จึงทำให้ขนจมูกของมนุษย์ที่ทำหน้าที่กรองฝุ่น ไม่สามารถกรอง PM 2.5 ได้

ฝุ่นที่พูดถึงนี้ รวมถึงฝุ่นในอากาศ หรือโลหะหนัก ปรอท แคดเมียม อนุมูลเล็ก ๆ และสารอื่น ๆ ถ้าแพร่กระจายเข้าสู่อวัยวะภายในต่าง ๆ ในร่างกาย และสะสมในเซลล์ จะทำให้เกิดผลเสียตามมาอีกมากมายได้ค่ะ

หน้าหมองคล้ำ

การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์

นอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ขาดสติ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นด้วยนะคะ เพราะเมื่อแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกาย จะทำให้เกิดการปลดปล่อยของเหลวในร่างกายในรูปแบบปัสสาวะ และยังขับสารอาหารสำคัญอื่น ๆ ออกมาอีกด้วย

เมื่อน้ำออกจากร่างกายเยอะ ๆ จะทำให้ผิวแห้งเหี่ยว ดูโทรมมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หลังดื่มแอลกอฮอล์ ควรดื่มน้ำสะอาดตามในปริมาณมาก เพื่อดีท็อกซ์ร่างกาย และให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกมาเยอะที่สุดค่ะ

ก้นย้อย

การสูบบุหรี่สร้างความเสียหายให้แก่ผิว

การสูบบุหรี่จะทำให้คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เข้าไปแทนที่ออกซิเจน (Oxygen) ในผิวหนัง และสารนิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่จะเข้าไปขัดขว้างระบบไหลเวียนเลือด (ทำให้เส้นเลือดตีบ) ทำให้เลือดไหลเวียนได้ช้าลง และคอยทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ผิวขาดความกระชับ เต่งตึง ผิวแห้ง ผิวไม่ชุ่มชื้น ผิวที่เคยเปล่งปลั่งกลับหมองคล้ำลง อีกทั้งการสูบบุหรี่ยังทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด และมะเร็งผิวหนังอีกด้วยนะคะ

การลดน้ำหนักปริมาณมาก ในระยะเวลาสั้น ๆ (การลดน้ำหนักอย่างผิดวิธี)

การที่ปริมาณน้ำหนักขึ้นหรือลดลงเร็วมากเกินไป จะทำให้ผิวจะกระชับตัวกลับมาไม่ทันค่ะ และทำให้เกิดผลเสียที่ตามมา คือปัญหาผิวย้วย เพราะเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังกระชับตัวไม่ทันทำให้เกิดเป็นช่องว่างใต้ผิวหนัง ผลเสียดังกล่าวเกิดจากการลดน้ำหนักหรือออกกำลังกายอย่างผิดวิธีค่ะ

หรือกล่าวคือ พอเราลดน้ำหนักแล้ว โปรตีนหาย ร่างกายขาดน้ำ ไขมันสลาย แต่กล้ามเนื้อไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแทนที่ไขมัน ผิวจึงย้วยตัวลงมา ส่วนวิธีการลดน้ำหนักที่ถูกต้องคือไขมันต้องสลายไปพร้อม ๆ กับสร้างกล้ามเนื้อมาทดแทนนะคะ

ลดไขมันหน้าท้องผู้ชาย

การดูดไขมัน แล้วไม่ใส่ชุดยกกระชับอย่างถูกวิธี

การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นการทำให้ไขมันหายไปอย่างรวดเร็วค่ะ เรียกได้ว่าเป็นทางลัดในการลดสัดส่วนเลยก็ว่าได้ ยิ่งมีไขมันที่ดูดออกไปเยอะ ยิ่งเกิดช่องว่างของผิวมากขึ้นเท่านั้น เลบยทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยขึ้นมาค่ะ

หากต้องการให้ผิวหนังกระชับตัว เข้าที่ ได้รูปทรงที่สวยงาม เราจึงต้องใช้หลักการลดพื้นที่ผิว หรือบังคับผิวให้อยู่ในที่ ๆ แคบ เพื่อให้เซลล์เนื้อเยื่อเชื่อมตัว ยึดติดกันให้มากที่สุดค่ะ  คนไข้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องสวมใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมันตามคำแนะนำของหมอค่ะ หรือหมั่นเข้ามานวดกระชับผิวที่คลินิกบ่อย ๆ

สำหรับเคสทั่ว ๆ ไป หมอจะให้สวมชุดกระชับประมาณ 3 เดือน ซึ่งในช่วง 1 เดือนแรกหลังดูดไขมันให้สวมชุดกระชับ 18-20 ชั่วโมงต่อวัน (ในระหว่างวันให้ปลดตะขอเพื่อคลายชุดกระชับ 30-60 นาที ทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาแผลกดทับ) ทั้งนี้ ระยะเวลาในการสวมใส่จะเท่าเดิมหรือลดลงนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของหมอเป็นเคส ๆ ไป ส่วนใหญ่ในเดือนที่ 2 เป็นต้นไป จะได้ใส่ชุดกระชับประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน

ชุดกระชับหลังดูดไขมัน

การดื่มน้ำน้อย ทำให้สุขภาพผิวย่ำแย่

การดื่มน้ำเป็นการทดแทนน้ำในร่างกาย ที่เราสูญเสียไปในแต่ละวันค่ะ ปริมาณที่เหมาะสมของน้ำที่ต้องดื่มในแต่ละวันนั้น แตกต่างกันไปตามการใช้ชีวิตประจำวัน และสภาพร่างกายของแต่ละคน ควรดื่มน้ำ1 – 1.5 เท่าของปริมาณแคลอรี่ที่เราได้รับในแต่ละวันนะคะ ไม่จำเป็นต้องฝืนดื่มน้ำมากเกินไป

เพราะหากดื่มมากเกินความจำเป็น แทนที่จะได้ผลดีกลับกลายเป็นได้ผลเสียแทนค่ะ การดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ จะทำให้การผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผิวหนังจึงมีความเต่งตึง ยืดหยุ่น และเปล่งปลั่ง เหมือนผิวเด็ก

การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

คอลลาเจนและอีลาสตินคือโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ถูกสร้างจากกรดอะมิโนชนิดต่าง ๆ กรดอะมิโนมีลักษณะคล้ายลูกปัดเม็ดเล็ก ๆ ต่อกันเป็นสายยาว การจะสร้างกรดอะมิโนชนิดพิเศษได้นั้น จะต้องใช้วิตามินซีในการช่วยเปลี่ยนกรดอะมิโนธรรมดา ให้เป็นกรดอะมิโนชนิดพิเศษ เพื่อนำไปใช้ในการสร้างคอลลาเจนค่ะ

เพื่อผิวที่เต่งตึง มีสุขภาพดีนั้น เราต้องกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ไม่ใช่ว่าคอลลาเจนคือโปรตีน แล้วกินแต่โปรตีนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากกินอาหารหมู่ใดหมู่หนึ่งมากเกินไป และไม่ทั่วถึงครบทั้ง 5 หมู่ อาจจะส่งผลเสียกับร่างกายแทนได้นะคะ เช่น การกินแต่ผักและผลไม้ (มังสวิรัติ) ผิวจะหย่อนคล้อยกว่าคนทั่วไป หากกินแต่เนื้อ ก็จะมีโอกาสที่จะขาดวิตามินได้ค่ะ

แนวทางการรักษาผิวหย่อนคล้อย ผิวย้วย

ผิวขาดคอลลาเจน ระดับรุนแรง

เคสที่มีปัญหาผิวขาดคอลลาเจนระดับรุนแรง เช่นคุณแม่หลังคลอด หรือคนที่เคยมีน้ำหนักตัวมาก ๆ แล้วลดน้ำหนักแบบรวดเร็ว เคสแบบนี้ การนวดด้วยความร้อน การทำกระชับผิว หรือการดูดไขมันจะไม่ได้ผล หมอแนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์เรื่องการผ่าตัดยกกระชับ หรือผ่าตัดหนังหน้าท้อง (Tummy Tuck) สำหรับเคสที่มีหน้าท้องย้วย และผ่าตัดนมน้อย สำหรับเคสที่มีรักแร้ปลิ้นนะคะ

ผิวหย่อนคล้อย ระดับปานกลาง

เคสที่ผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลาง อาจจะไม่ต้องถึงขั้นผ่าตัดผิวหนังออกไปก็ได้ค่ะ แต่จะใช้เป็นการยยกกระชับจากภายในอย่างตรงจุด ที่ส่งพลังความร้อนไปยังเนื้อเยื่อใต้ผิวแบบเจาะจง และทำให้ผิวหดกระชับตัวขึ้นมาทันทีแทนได้ค่ะ

เครื่องมือที่หมอแนะนำคือ J Plasma (เจพลาสมา) สามารถทำควบคู่ไปกับการดูดไขมันหน้าท้องได้เลยนะคะ เปิดแผลเดียวกัน ตัวนี้เป็นเครื่องจากอเมริกา ที่ดีที่สุดในด้านการกระชับผิวด้วยความร้อนแล้วค่ะ โดยที่ Amara Clinic ได้รับรางวัลการันตี ว่าเป็นคลินิกที่มีเคสที่ J Plasma เยอะที่สุดในทวีปเอเชียด้วยค่ะ

ตัวอย่างเคส ดูดไขมัน+ทำยกกระชับผิว J Plasma

ผิวไม่กระชับ ไม่เฟิร์ม ระดับน้อย

คนไข้ของหมอมีหลายคนนะคะ เราออกกำลังกายแล้วกล้ามหน้าท้องไม่ขึ้นสักที เลยคิดว่าเพราะไขมันรึเปล่า แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพราะผิวย้วยค่ะ กับเคสที่เป็นคนตัวเล็กมีไขมันไม่เยอะมาก แต่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอยู่ก่อนแล้ว ปัญหาความไม่เฟิร์ม ไม่กระชับ ตรงนี้ สามารถแก้ไขได้ด้วย  การนวดกระชับผิว การทำ Morpheus8 และการยกกระชับด้วย ACCUtite  ก็เพียงพอแล้วค่ะ

เครื่องนวดกระชับผิว หรือเครื่องนวด RF มีให้เลือกเยอะมากเลยนะคะ ทั้งทำเอง หรือทำที่คลินิก แต่ตัวที่หมอแนะนำและใช้กับคนไข้ของหมออยู่ คือเครื่อง Venus Legacy ค่ะ ตัวนี้ทำได้ดีทั้งในเรื่องของการกระชับผิวให้เต่งตึง, มีพลังความร้อนเหมาะสม, สามารถดูดอุณหภูมิที่ใช้อยู่ได้ เพื่อป้องกันผิวไหม้, สามารถสลายไขมันได้ อีกทั้งยังมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PEMF ในการช่วยฟื้นฟูแผล และร่างกายจากภายในด้วยค่ะ

เครื่อง Morpheus8 ตัวช่วยแก้ปัญหาผิวยับ ย้วย โดยการปล่อยพลังงาน RF ผ่านเข็มขนาดเล็กพิเศษ สามารถปรับระดับความลึกที่ต้องการรักษาได้หลายระดับ ไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผล แต่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ การยกกระชับผิวหย่อนคล้อยด้วยเครื่องนี้ ทำได้ทั้งใบหน้าและลำตัวเลยค่ะ ตรงไหนผิวไม่เฟิร์ม ผิวขาดคอลลาเจน ผิวเหี่ยวย่น สามารถยิงให้กลับมาตึงได้ง่าย ๆ เลยค่ะ

ACCUtite เครื่องยกกระชับผิวพร้อมสลายไขมันน้องใหม่ที่เราเพิ่งนำเข้ามา เป็นเครื่องยกกระชับที่ใช้พลังงาน RF ในการรักษา ความพิเศษของเครื่องนี้คือ สามารถยกกระชับผิวหย่อนคล้อยในจุดที่เข้าถึงยากได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ใต้ตา หน้าผาก เหนียง คอ นมน้อย และปีกหลัง ด้วยหัวเข็มที่เล็กเทียบเท่าเข็มฉีดฟิลเลอร์ หลังทำจึงไม่มีแผล เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น

ตัวอย่างเคส ยกกระชับผิวด้วย Morpheus8+ACCUtite

บทความที่เกี่ยวข้อง

สรุป

ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวย้วย หรือผิวขาดคอลลาเจน สำหรับบางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นปกติ แต่ถ้าลองมองดี ๆ ตัวนี้แหละ อาจจะเป็นปัญหา ที่ทำให้รูปร่างของเราดูไม่สวยเป๊ะอยู่ก็ได้นะคะ สำหรับใครที่สนใจรักษาปัญหาผิวหย่อนคล้อย หมอขอแนะนำให้เข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในคลินิกที่สนใจก่อนได้เลยค่ะ ร่วมไปกับการศึกษาหาข้อมูลด้วยตัวเองเป็นเบื้องต้น เพื่อป้องกันไม่ให้โดนหลอกลวง ส่วนใครที่อยากปรึกษาหมอ สามารถนัดคิวกับเจ้าหน้าที่ได้ที่นี่เลยค่ะ

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!

ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic

KOL Trainer
แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet

พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


              บทความนี้ จัดทำขึ้นโดย Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) ขอสงวนสิทธิ์ในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ คัดลอก ทำซ้ำ หรือเผยแพร่บทความนี้ในนามอื่น (ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา, ข้อมูลทั้งหมด หรือบางส่วนก็ตาม) โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบเจอจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย