การดูดไขมันเป็นการศัลยกรรมปรับรูปร่างที่เน้นเรื่องการกำจัดไขมันส่วนเกินออกไป และทำให้รูปร่างดูสวย มีส่วนเว้าส่วนโค้ง หรือลักษณะตามที่เราต้องการ โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยออกแรงออกกำลังกายเลย แถมยังใช้ระยะเวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ซึ่งการดูดไขมันก็ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องนานหลายปี จนมาถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ แต่เพราะการโฆษณาของสถานพยาบาลบางแห่ง อาจทำให้หลาย ๆ คนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดูดไขมันก็ได้
เช่น
- ดูดไขมันไม่เห็นยากเลย ใคร ๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องจ่ายเงินแพง ๆ ด้วยล่ะ ดูดไขมันราคาถูกคงได้ผลเหมือนกัน
- ดูดไขมันที่ไหนหรือด้วยเครื่องอะไรไม่สำคัญ สำคัญที่ดูดออกมาได้เยอะแค่ไหน
- ดูดไขมันแล้วน้ำหนักต้องลดลงด้วย ถึงจะถือว่าเห็นผล
- ดูดไขมันตรงไหนไปแล้ว ไขมันจะไม่กลับมาสะสมตรงนั้นอีก
หรือสงสัยว่าดูดไขมันแล้วจะกลับมาอ้วนอีกไหม? และหลาย ๆ อย่างมากมาย เพราะความอยากผอมและมีความเข้าใจผิดในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ อาจนำไปสู่การเลือกสถานที่ดูดไขมันที่ไม่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ และผลลัพธ์ที่ออกมาแย่กว่าที่คิดได้
วันนี้หมอจึงจะมาอธิบายข้อมูลและความเชื่อเกี่ยวกับการดูดไขมันให้ทุกคนได้อ่านทำความเข้าใจกัน จะได้รู้ทันกลโกง ทำแล้วสวยเลยไม่เสี่ยงแก้ และได้ดูดไขมันกับสถานที่ที่มีความรับผิดชอบจริง ๆ !
ดูดไขมันแล้วกลับมาอ้วนอีกไหม? น้ำหนักลดไหม?
“ดูดไขมันแล้วจะกลับมาอ้วนอีกไหม? น้ำหนักจะกลับมาเท่าเดิมรึเปล่า?” นับเป็น Topic ที่คนพูดถึงกันเยอะมาก หลายคนยังมีความเข้าใจผิด ๆ อยู่ว่า ดูดไขมันแล้วรูปร่างจะดีไปตลอดชีวิต ไม่กลับมาอ้วนหรือน้ำหนักเยอะเท่าเดิมอีกแน่นอน ซึ่งในความเป็นจริงนั้น รูปร่างของคนจะสวยนานแค่ไหน หรือจะกลับมาอ้วนเร็วเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันของแต่ละคนเป็นหลัก เพียงแค่จุดเริ่มต้นมาจากการที่หมอดูดไขมัน เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างแรงบันดาลใจในการรักษาหุ่นสวย ๆ แบบนี้ ให้กับทุกคนเท่านั้นเอง
ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ใหม่กันครับ!
การดูดไขมัน = การลดไขมันส่วนเกินเร่งด่วน ที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนังออกมา จึงทำให้สัดส่วนที่เคยใหญ่มีขนาดเล็กลง เมื่อพักฟื้นและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ประมาณ 1-2 เดือน สัดส่วนจะเข้าที่สวยเป๊ะพร้อมโชว์ ประเด็นสำคัญมันจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ครับ หากคุณยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิมเหมือนก่อนที่จะดูดไขมัน หมอเชื่อว่าภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ไขมันก็สามารถลับมาสะสมใหม่ได้อีกเหมือนเดิม
ดังนั้น ก่อนที่จะดูดไขมันให้เคสไหนก็ตาม หมอจะมีการสอบถามและพูดคุยให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า “หลังจากที่ดูดไขมันแล้ว จะออกกำลังกายควบคุมอาหารให้หมอได้ไหม?” ถ้าใครที่ตอบว่าทำไม่ได้เลย อยากใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ กินของแบบเดิม ๆ หมอก็จะแจ้งเลยครับ ว่ามีโอกาสกลับมาอ้วนอีกแน่นอน แต่ถ้าใครตอบหมอว่า สามารถทำได้ พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่ หมอก็สามารถพูดได้เลยว่าโอกาสที่จะกลับมาอ้วนหลังดูดไขมันมีน้อยมาก!
สิ่งที่แนะนำให้ทำหลังดูดไขมัน
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน งดอาหารหวาน มัน ทอด หรือเสี่ยงอ้วน
- กินอาหารให้ครบทุกหมู่ในปริมาณที่เหมาะสม
- ออกกำลังกาย หรือกระตุ้นระบบการเผาผลาญไขมันอยู่เสมอ
ดูดไขมันแล้วน้ำหนักจะลดลงด้วย
มีคลินิกดูดไขมันหลายแห่งที่ใช้คำโฆษณาไปในเชิงให้เข้าใจว่า “ดูดไขมันช่วย ทำให้น้ำหนักลดลงได้” หรือ “ใครอยากน้ำหนักลดลง ก็มาดูดไขมันสิ” ทำให้บางคนสงสัยว่า “ดูดไขมันน้ำหนักลดไหม? ลดได้ขนาดไหน” หรือ “ดูดไขมันผอมจริงไหม?”
ดูดไขมันผอมจริงไหม?
ความผอมที่หลายคนหมายถึงกันสรีระที่เพรียวบางใช่ไหมครับ? การดูดไขมันทำให้สัดเล็กลง แน่นอนว่าทำให้ผอมลงตามที่เข้าใจเลย
ดูดไขมันน้ำหนักลดไหม?
เป้าหมายของการดูดไขมัน ไม่ได้อยู่ที่การทำให้น้ำหนักตัวลดลง แต่เป็นการทำให้สัดส่วนเล็กลง (สัดส่วนที่ว่านี้คือต้นแขน ต้นขา เหนียง หน้าท้อง รอบเอว ฯลฯ) เนื่องจากน้ำหนักของเซลล์ไขมันนั้นเบามาก จึงทำให้น้ำหนักไม่ลดลงนักหลังดูดไขมัน แต่ก็มีบางเคสที่น้ำหนักลดลงได้ โดยเฉพาะกับเคสที่ดูดไขมันทั้งตัว หรือเคสที่มีไขมันเยอะจริง ๆ (หากนำไขมันและกล้ามเนื้อมีน้ำหนักเท่ากันมาเทียบกัน จะเห็นได้มาเซลล์ไขมันมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าตัว)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ดูดไขมันน้ำหนักลดไหม?
ดูดไขมันจุดไหน ไขมันจะไม่สะสมตรงจุดนั้นอีก
เรื่องนี้ “ไม่เป็นความจริง” นะครับ เพราะหลังจากดูดไขมันไปแล้ว ไขมันสามารถสะสมในจุดเดิมได้อีก เพียงแต่ใช้ระยะเวลาสะสมนานขึ้นเท่านั้นเอง ส่วนสัดส่วนอื่นที่เราไม่ได้ดูดไขมันออกไป แต่มันมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเพราะในบริเวณนั้นมีไขมันสะสมอยู่ก่อนแล้ว (เซลล์ไขมันสามารถขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นได้เรื่อย ๆ)
ยิ่งดูดไขมันออกเยอะ แสดงว่ายิ่งดี
ใครเคยเห็นโฆษณาที่เขียนว่า “ดูดไขมันไม่จำกัด CC” หรือ “ดูดไขมันหมดทุกหยด” หรือ “ดูดไขมันออกเยอะที่สุด” อะไรทำนองนี้ ผ่านตามาบ้างรึเปล่าครับ? คำโฆษณาเหล่านี้ทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจว่า “ยิ่งดูดไขมันออกมาเยอะเท่าไหร่ ยิ่งดี หรือแปลว่าหมอเก่งมาก” หมอขอบอกว่าไม่เสมอไป และไม่มีทางดูดจนไม่หลงเหลือไขมันในร่างกายแน่นอน
การดูดไขมันไม่ได้เน้นการดูดเอาไขมันออกมาให้เยอะ ๆ เท่านั้น ต้องคำนึงถึงความสมส่วนและความปลอดภัยของคนไข้ด้วย เนื่องจากการดูดไขมันในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้คนไข้ช็อคและเสียชีวิตได้ อีกทั้งตำแหน่งบางตำแหน่งก็ไม่ควรดูดออกมาด้วยเช่นกัน ดังนั้น ถ้าจะตัดสินใจดูดไขมันทั้งที ควรเลือกสถานที่ที่มีการโฆษณาหรือพูดถึง ความสวยงาม ความสมส่วน และความปลอดภัย มากกว่าการดูดไขมันออกมาให้เยอะที่สุดนะครับ
ดูดไขมันปุ๊ป ผิวกระชับปั๊ป ไม่ย้วยไม่หย่อน
“ดูดไขมันแล้วสัดส่วนกระชับ” เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบางเคสเท่านั้น เรียกได้ว่าความกระชับเป็นผลพลอยได้เช่นเดียวกันกับน้ำหนักนั้นแหละครับ เราต้องมาดูปัจจัยต่าง ๆ ก่อน ว่าคนไข้มีสภาพร่างกายอย่างไร มีปัญหาอะไรบ้าง ต้องการอะไร และควรใช้เครื่องมือแบบไหนถึงจะเหมาะสม เพราะถึงแม้ว่าจะมีคนไข้ 2 คน รักษาด้วยวิธีการเดียวกันเป๊ะ มันไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเหมือนกันครับ
ปัจจัยที่แตกต่างกันของแต่ละเคส
- สภาพผิวเดิมของคนไข้ ผิวเต่งตึง, ผิวกระชับ, ผิวหย่อนคล้อยน้อย หรือย้วยมาก
- ปริมาณไขมันของคนไข้ที่ควรดูดออกมา (ยิ่งดูดออกเยอะ ยิ่งมีโอกาสหย่อนคล้อยเยอะ)
- เครื่องมือที่ใช้ในการดูดไขมันหรือทำการรักษา
- ความต้องการหรือผลลัพธ์ที่คาดหวังของแต่ละเคส
การรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละเคส
หมอจะยกตัวอย่างเคสและวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้เห็นภาพกันมากขึ้นนะครับ ซึ่งถ้าคุณอยากจะได้แผนการรักษาที่ตรงกับคุณจริง ๆ จะต้องมีการพบแพทย์ เพื่อประเมินอย่างละเอียดอีกครั้งนึงก่อนนะครับ
- เคสคนตัวเล็ก ไขมันน้อย ผิวเดิมไม่หย่อนคล้อย = ดูดไขมันอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
- เคสคนตัวเล็ก ไขมันน้อย แต่ผิวย้วย (อาจจะเกิดจากการคลอดลูก) = ควรดูดไขมันและยกกระชับผิวร่วมด้วย
- เคสคนตัวใหญ่ ไขมันเยอะ สภาพผิวเดิมปกติ = ควรดูดไขมันและยกกระชับผิวร่วมด้วย เพราะการดูดไขมันออกเยอะ ๆ ทำให้มีช่องว่างระหว่างผิวเยอะ เราต้องปิดช่องว่างนี้ ผิวจึงจะกระชับสวย
- เคสคนตัวใหญ่ ไขมันเยอะ ผิวย้วยและเหี่ยวย่นมาก = ถ้าแพทย์ประเมินแล้วว่าการใช้เครื่องยกกระชับไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ อาจจะแนะนำให้ผ่าตัดหนังหน้าท้องแทน
แก้ผิวย้วยให้เฟิร์มกระชับด้วย J Plasma
J Plasma ไม่ใช่เครื่องดูดไขมันแต่เป็นเครื่องยกกระชับ เน้นแก้ปัญหาเรื่องผิวย้วยหรือผิวหย่อนคล้อยโดยตรง เหมาะสำหรับการนำมาใช้ควบคู่ไปกับการดูดไขมัน เมื่อใช้ J Plasma ในการยกกระชับผิว ผิวจะเรียบตึงขั้นทันที เหมือนกับการดึงผ้าปูให้ตึง เหมาะกับเคสที่มีผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลาง หรือคนที่ต้องการผิวที่เฟิร์มและลีนกระชับมาก ๆ
- ใช้พลังงาน Helium Plasma + Radio frequency
- สามารถปล่อยพลังงานความร้อนได้สูงถึง 85°C
- รักษาได้อย่างแม่นยำและตรงจุด โดยไม่เป็นอันตราย
- ท่อพลังงานเย็นตัวลงทันทีหลังปล่อยพลังงาน ทำให้ไม่เสี่ยงผิวไม้
- ได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการตัดหนังหน้าท้องถึง 80%
- ทำแล้วกระชับทันที กระชับถาวร ไม่ต้องทำซ้ำ
- ไม่ต้องเปิดแผลเพิ่ม ใช้แผลเดียวกันกับแผลดูดไขมันได้เลย
ดูดไขมันไม่ยาก ใคร ๆ ก็ทำได้ ที่ไหนก็เหมือนกัน
หากการดูดไขมันไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนที่ผ่านการดูดไขมันมาแล้วต้อง Happy กับผลลัพธ์ทั้งหมด จริงไหมครับ? แต่สิ่งที่เราพบได้ในปัจจุบันนี้ เวลาที่เราไปค้นหาดูรีวิวดูดไขมันตามที่ต่าง ๆ จากคนที่มีประสบการณ์จริง ในบางครั้งเราก็จะพบว่าเกิดปัญหามากมายหลังดูดไขมัน
เช่น
- ดูดไขมันแล้วผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน ผิวขรุขระ
- ดูดไขมันแล้วสัดส่วนทั้งสองข้างไม่เท่ากัน หรือขาเว้าข้างเดียว
- ดูดไขมันแล้วไม่เห็นผล หน้าท้องไม่เห็นลดลงเลย
- ดูดไขมันแล้วแผลติดเชื้อ หรือมีรอยไหม้น่าเกลียด
- ดูดไขมันแล้วเป็นแผลเป็น มีคีลอยด์ คลินิกไม่รับผิดชอบ
นี่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่คนดูดไขมันบางส่วนพบเจอ (ไม่ใช่ที่เอมาร่าคลินิกนะครับ) เพราะสถานที่ดูดไขมันและแพทย์ที่ทำการดูดไขมันมีให้เลือกเยอะมาก ต่างคนต่างตัดสินใจดูดไขมันกับคลินิกที่แตกต่างกัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นแตกต่างกันด้วย
เห็นไหมครับว่าความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความชำนาญ และประสบการณ์ของแพทย์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเช็คก่อน รวมไปถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัยของคลินิกดูดไขมันด้วย ถ้าอยากดูดไขมันออกมาแล้วสวย ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย ลองมาทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้กันได้เลย!
แพทย์ต้องเข้าใจเรื่อง Art และ Science
สำหรับหมอแล้ว หมอมองว่าหมอดูดไขมันที่เก่งจะต้องเข้าในทั้งเรื่องของ Art และเรื่องของ Science เพราะการดูดไขมันมันไม่ใช่การรักษาซะทีเดียว แต่เป็นการดีไซน์รูปร่างให้ออกมาสวยและสมส่วน ซึ่งก่อนที่จะทำแบบนี้ได้ แพทย์ต้องเข้าใจว่าถ้าคนไข้ต้องการแบบนี้ แพทย์ต้องดูดไขมันตรงไหนอกมาบ้าง? ตรงไหนทำได้ ตรงไหนทำไม่ได้? ต้องดูดออกมามากแค่ไหน? (ชั้นไขมันมีทั้งชั้นลึก ชั้นกลาง และชั้นตื้น) และนำปัจจัยเรื่องของสรีระคนไข้มาประเมินด้วย ส่วนนี้จะเป็นเรื่องของ Science
ส่วน Art คือการดีไซน์หุ่น ออกแบบรูปร่างของคนไข้ให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด ไม่ว่าก่อนหน้านี้คนไข้จะมีสรีระอย่างไรก็ตาม แพทย์ต้องประเมินและดึงจุดเด่นของสรีระคนไข้ออกมาให้ได้ รู้ว่าควรปรับแต่งหรือเหลาตรงไหนบ้าง รู้ว่าเคสแต่ละเคสเหมาะกับรูปร่างแบบไหน ฯลฯ
ถ้าแพทย์มีความเข้าใจเรื่อง Art และ Science, มีประสบการณ์ด้านดูดไขมันเยอะ มีรีวิวให้ดูเยอะ, มีความเชี่ยวชาญในการประเมินว่าเคสไหนเหมาะกับเครื่องมือแบบไหน, มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือ, เข้าใจปัญหาและความต้องการของคนไข้โดยแท้จริง และให้ความสำคัญกับมาตรฐานเรื่องความปลอดภัย หมอเชื่อว่าผลลัพธ์ที่ได้ต้องออกมาดีแน่นอน
ความทันสมัย มาตรฐาน และความปลอดภัย
พูดถึงเรื่องแพทย์ที่ต้องมีเชี่ยวชาญและมีฝีมือไปแล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วยอีก หมอเก่งอย่างเดียวไม่พอ เครื่องมือและอุปกรณ์ต้องดีและพร้อม ห้องผ่าตัดต้องได้มาตรฐานจริง ๆ ด้วยครับ สำหรับปัจจัยเรื่องแพทย์จะช่วยในด้านของความสวยงามมากกว่า แต่ปัจจัยเรื่องมาตรฐานต่าง ๆ ต่อไปนี้ จะช่วยในเรื่องของความปลอดภัยและผลข้างเคียงครับ
- เครื่องดูดไขมันต้องเป็นของแท้และทันสมัย
- เครื่องมือต้องมีหลากหลายแบบ เพื่อให้เหมาะกับคนไข้แต่ละเคส
- ห้องผ่าตัดต้องมีระบบปลอดเชื้อ (Positive Pressure)
- ห้องผ่าตัดต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน
- ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องผ่านการรับรองจากอย.
- มีวิสัญญีแพทย์วิชาชีพในการให้ยาสลบแก่คนไข้
- มีเครื่องมือ After Care ครบทุกบริการและมีคุณภาพ
เครื่องมือต้องเหมาะสมและมีคุณภาพ
เครื่องดูดไขมันในปัจจุบันมีหลายชนิดและหลายเครื่องมาก ๆ เราจะเห็นได้ว่าสถานที่ดูดไขมันแต่ละแห่ง จะมีการใช้เครื่องดูดไขมันที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งตัวที่เราจะเห็นได้บ่อยที่สุดคือเครื่อง Vaser นะครับ แต่เครื่องนี้มันเหมาะสำหับการดูดไขมันกับทุกเคสจริงเหรอ? ถ้าเหมาะกับทุกเคสจริง ทำไมถึงมีเครื่องดูดไขมันหลายชนิดจังล่ะ? ขอบอกว่าเครื่องมือแต่ละเครื่อง เหมาะสมกับเคสคนไข้ที่แตกต่างกันไป ดังนั้น Amara Clinic จึงมีเครื่องดูดไขมันครบทุกชนิด เพื่อรองรับคนไข้ที่มีปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกันนั้นเอง
- เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ body-jet สามารถดูดไขมันและนำเซลล์ไขมันไปเติมต่อได้
- เครื่องดูดไขมันพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ Ultra Z เครื่องที่ได้รับความนิยมจากเกาหลีใต้
- เครื่องดูดไขมันพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ Vaser Smooth 2.2 รุ่นใหม่ล่าสุด จากอเมริกา
- เครื่องดูดไขมันพลังคลื่นความถี่วิทยุ BodyTite, FaceTite และ ACCUtite ช่วยกระชับผิวได้ระดับหนึ่ง
- เครื่องกระชับผิว J Plasma สำหรับเคสที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย หรือมีแนวโน้มที่จะหย่อนคล้อย
ทำความรู้จักเครื่องดูดไขมันไปแล้ว ก่อนตัดสินใจดูดไขมันเราก็ต้องมาดูด้วยว่าแพทย์ที่เราสนใจนั้น เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องนั้น ๆ หรือไม่? มีรีวิวดูดไขมันด้วยเครื่องนั้นให้ดูรึเปล่า? เพราะถึงจะใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับเคสของคุณจริง ๆ แต่แพทย์ดันไม่เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือนั้น ๆ มากพอ ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาได้ครับ
After Care หลังดูดไขมันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้!
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันสำคัญไม่แพ้กับเรื่องอื่น ๆ เลย จากประสบการณ์ในการดูดไขมันและดูแลคนไข้เคสดูดไขมันมานานหลายปี หมอมองว่าผลลัพธ์จะออกมาสวยและเห็นผลมากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยฝั่งแพทย์ 70% และอีก 30% คือการดูแลตัวเองที่บ้านและการทำ After Care ที่คลินิกดูดไขมันนี่แหละครับ เรามาดูกันว่าบริการ After Care หรือสิ่งที่ควรทำหลังดูดไขมันนั้นมีอะไรบ้างกัน
- สวมชุดกระชับหลังดูดไขมันเป็นประจำ
- นวดกระชับ RF (แนะนำเครื่อง Venus Legacy)
- การดูแลแผลผ่าตัด การทำความสะอาดแผลทุกวัน
- การฉายแสง LED เพื่อลดอาการอักเสบบวมช้ำ
- การนวดด้วยความร้อน เพื่อสลายก้อนแข็งใต้ผิว
- รับประทานยาบรรเทาอาการตามที่แพทย์ให้จนครบ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
หวังว่าบทความนี้จะช่วยคลายข้อสงสัยหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับการดูดไขมันให้ทุกคนแล้วนะครับ ไม่ว่าจะเป็นคำถามเรื่องดูดไขมันแล้วจะกลับมาอ้วนอีกไหม? น้ำหนักลดไหม? หรือถ้าอยากจะดูดไขมัน ควรดูปัจจัยเรื่องอะไรก่อนบ้าง? หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือต้องการดูดไขมันที่ Amara Clinic สามารถทำนัดเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อนได้เลย (ปรึกษาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic