รักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน…แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ เพราะนอกจากรอยสิวที่ใบหน้าแล้ว รอยสิวที่หลังก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งบริเวณที่เกิดสิวได้ง่ายเช่นเดียวกัน ซึ่งรอยดำรอยแดงที่เกิดหลังสิวหาย มักจะอยู่นาน กว่าจะรอให้รอยแผลเป็นหายเองตามธรรมชาติก็หลายเดือน หรือกว่าจะรอให้รอยสิวที่หลังหายไป รอยใหม่ก็มีเพิ่มมาอีก ทำให้ขาดความมั่นใจในการแต่งตัว หรือแม้แต่คนไข้ที่ต้องออกงานสำคัญ ๆ จำเป็นต้องแต่งตัวโชว์แผ่นหลัง จึงต้องพึ่งวิธีรักษารอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วน วันนี้ใครที่กำลังมองหาวิธีที่ได้ผลจริง เห็นผลเร็ว หมอได้รวบรวมทริครักษารอยสิวที่หลัง ทั้งวิธีธรรมชาติและวิธีทางการแพทย์ อย่างเลเซอร์รอยสิวที่หลัง ที่ตัวหมอเองแนะนำเลยค่ะว่า เห็นผลจริงและอ่อนโยนต่อผิวพรรณ–หมอตวง แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง Amara Clinic
ที่มาของ “สิวและรอยสิวที่หลัง”
ปัญหาสิวเป็นต้นตอของการเกิดรอยสิวที่หลัง สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวอาจมาได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งมีทั้งปัจจัยภายในร่างกาย และปัจจัยภายนอก โดยหลายคนมักเข้าใจว่า มีแค่วัยรุ่นเท่านั้นที่เป็นสิว แต่ในวัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงานก็มีสิวได้เหมือนกัน เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะว่าสาเหตุของการเกิดสิวที่หลัง เกิดจากอะไรได้บ้าง
- ฮอร์โมนในร่างกาย การที่ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ในวัยรุ่น, หญิงตั้งครรภ์ หรือช่วงเวลาที่ใกล้ถึงรอบประจำเดือน มักจะมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวได้มากกว่า
- เหงื่อไคล การหมักหมมของเหงื่อไคลและสิ่งสกปรก โดยเฉพาะการเลือกใส่เสื้อผ้าที่หนา ๆ ระบายอากาศได้ไม่ดี เป็นสาเหตุให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน จนทำให้เป็นสิวที่หลัง
- แพ้สารบางอย่าง เช่น แพ้ครีมบำรุงผิว, แพ้สบู่ หรือแม้แต่แพ้ฝุ่นและผงซักฟอก (จากเสื้อผ้าที่สวมใส่, การสัมผัสกับผ้าห่มและผ้าปูที่นอน) ทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองและอุดตันผิว
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์, ยาที่มีฮอร์โมนเพศชาย (มีฤทธิ์เสริมสร้างกล้ามเนื้อ), ยาคุมกำเนิดบางชนิด, ยารักษาอาการซึมเศร้า เป็นต้น
- ความเครียด ความเครียดส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย และรบกวนระบบอื่น ๆ ภายในร่างกาย รวมไปถึงชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณตามมาได้มากมาย เช่น ผิวหมองคล้ำ, อาการคันผิว, ผิวหนังอักเสบง่าย รวมไปถึงปัญหาสิว
- อาหารการกิน การรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลมาก ๆ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เกิดการอักเสบ และกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำมันในผิวมากขึ้น ซึ่งเป็นอาหารของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดสิว
- การรักษาความสะอาด อย่างการอาบน้ำไม่สะอาด ทำให้มีเชื้อโรค น้ำมัน และสิ่งสกปรกยังหลงเหลือ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน
สำหรับรอยสิวที่หลังมีที่มาเหมือนกับรอยสิวที่ใบหน้าเลยค่ะ ซึ่งรอยสิวที่หลังเกิดจากการอักเสบของผิวในขณะเป็นสิว จึงทำให้เกิดเป็นรอยสิวที่หลังแบบจุดสีแดงหรือสีชมพู หรือในคนที่ชอบบีบ เกา แกะสิว ทำให้การอักเสบของสิวไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานิน จนทำให้เกิดเป็นรอยดำ
ลักษณะของรอยสิวที่หลัง
ลักษณะของรอยสิวที่หลัง แบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ คือ รอยสิวที่เป็นผิวเรียบ มีลักษณะเป็นรอยแดงรอยดำ และรอยสิวที่หลังแบบลักษณะเป็นหลุม ผิวไม่เรียบ หรือที่เรียกว่าหลุมสิวนั่นเองค่ะ ซึ่งรอยแผลเป็นหรือรอยสิวที่หลัง จะมีลักษณะและสาเหตุที่แตกต่างกันค่ะ
รอยแดงรอยดำจากสิว
อย่างที่หมอได้อธิายไว้ในข้างต้นนะคะว่า รอยแดงรอยดำจากสิว เกิดขึ้นจากอาการอักเสบของผิวหนังบริเวณที่เป็นสิว ซึ่งอยู่ในกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูของร่างกาย จนเกิดให้เห็นเป็นรอยแดงรอยดำ เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะว่า รอยแดงและรอยดำจากสิวมีสาเหตุจากอะไร และแตกต่างกันอย่างไร
ขอบคุณภาพจาก : herocosmetics.us
รอยแดงจากสิว
รอยสิวที่หลังลักษณะที่เป็นผิวเรียบ อย่างรอยแดง (Post-inflammatory Erythema) มีลักษณะเป็นรอยสีแดงหรือสีชมพู เกิดจากการอักเสบในขณะที่เป็นสิว เมื่อร่างกายเริ่มมีฟื้นฟู จะส่งผลให้เกิดการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนังบริเวณที่เกิดสิว นอกจากนี้ยังทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้ผิวหนังมีรอยสิวที่หลังเป็นสีแดง ซึ่งรอยแดงสามารถหายได้เองประมาณ 2-6 เดือน แต่ในบางรายอาจสังเกตว่ามีรอยแดงอยู่นาน เป็นแล้วไม่หายสักที อาจเป็นเพระชอบเกา แกะ ใช้มือจับบ่อย ๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือชอบสครับผิวอยู่บ่อย ๆ ค่ะ
รอยดำจากสิว
สำหรับรอยสิวที่หลังต่อมาคือ รอยดำ (Post-inflammatory Hyperpigmentation) มีลักษณะเป็นจุดรอยแผลเป็นสีน้ำตาล สีดำคล้ำ เกิดจากการอักเสบและระคายเคืองผิวบริเวณที่เป็นสิว โดยเกิดจากปัจจัยที่ก่อให้อาการอักเสบไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวมากขึ้น ซึ่งมาจากพฤติกรรมทำร้ายผิว เช่น การแกะ เกา บีบสิว และบริเวณรอยสิวที่จะมีสีเข้มขึ้นได้จากปัจจัยภายนอก เช่น การโดนแสงแดดแรง ๆ เป็นประจำ ซึ่งการเกิดรอยดำเป็นชนิดรอยสิวที่หลังที่รักษาได้ยากกว่ารอยแดงค่ะ
หลุมสิว
หลุมสิว (Atrophic Scars) เป็นรอยสิวที่หลังมีลักษณะผิวเป็นหลุมเป็นแอ่ง ซึ่งเป็นชนิดของรอยสิวที่เกิดจากการเกิดสิวหัวช้าง สิวอักเสบ จนเกิดเป็นโพรงในชั้นผิวหนัง เมื่อสิวค่อย ๆ หาย ทำให้โพรงยุบตัวลง ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเนื้อเยื่อเพื่อทดแทนโพรงนี้ได้อย่างเพียงพอ จึงทำให้เกิดเป็นหลุมสิวนั่นเองค่ะ ซึ่งหลุมสิวจมีความลึกหรือขนาดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดของสิวที่เกิดขึ้น รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ เช่น การกดสิว บีบสิว หรือแม้กระทั่งการสครับหน้าในช่วงที่เป็นสิวค่ะ โดยหลุมสิวแบ่งออก 3 ประเภท
หลุมสิวแบบ Rolling Scar
หลุมสิวชนิดแรกเรียกว่า Rolling Sacr เป็นระดับความรุนแรงทั่วไป มีลักษณะเป็นหลุมแอ่งตื้น ซึ่งหลุมสิวชนิดนี้รักษาง่ายที่สุด หรือสามารถใช้วิธีการฉีดสารเติมเต็ม HA ให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้
หลุมสิวแบบ Boxcar Scar
ต่อมาเป็นหลุมสิวแบบ Boxcar Scar ซึ่งมีระดับความรุนแรงปานกลาง มีลักษณะเป็นหลุมที่ลึกกว่าแบบ Rolling Scar ซึ่งจะมีขอบหลุมสิวชัดเจน และลึกประมาณ 3-5 มม. สามารถรักษารอยสิวที่หลังได้โดยการใช้วิตามิน A ควบคู่กับการทำเลเซอร์รอยสิวที่หลัง ซึ่งเป็นวิธีรักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน* (ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา) ให้ผลลัพธ์ที่เวิร์คมากค่ะ
หลุมสิวแบบ Ice pick Scar
หลุมสิวประเภทสุดท้ายคือ Ice pick Scar เป็นชนิดหลุมสิวที่มีความรุนแรงที่สุด จะมีลักษณะเป็นหลุมแคบ ๆ คล้ายกับรอยจิกลึกลงไปในผิว ซึ่งถ้ามองแบบผ่าน ๆ แล้ว อาจเห็นว่าเป็นหลุมสิวเล็ก ๆ ไม่รุนแรง แต่ความเป็นจริงแล้ว หลุมสิวชนิดนี้จะมีความลึกลงไปถึงชั้นผิวหนังแท้เลยค่ะ นอกจากนี้ ยังเป็นชนิดที่รักษาได้ยากกว่าหลุมสิวแบบอื่นอีกด้วย ซึ่งต้องรักษารอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังค่ะ
รักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน ด้วยสูตรจากธรรมชาติ
มาถึงวิธีรักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน ด้วยสูตรที่มาจากธรรมชาติกันบ้างค่ะ ใครที่กำลังเครียดกับรอยสิวที่หลังอยู่ และยังไม่อยากเข้าคลินิกรักษา อยากลองรักษาด้วยตัวเองก่อน หมอก็มีสูตรเด็ดมาแนะนำค่ะ ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่หาได้ทั่วไป เหมาะกับปัญหารอยสิวที่หลังแบบผิวเรียบ หรือรอยดำรอยแดงที่หลัง แต่ทั้งนี้ หมอแนะนำให้ใช้ในกรณีที่ไม่มีแผลเปิด แผลสิวที่แห้งและสมานตัวดีแล้ว และไม่แนะนำให้ใช้กับผิวหนังที่ยังเป็นสิวอยู่ เพราะส่วนประกอบที่มีในสูตรรักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน มีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งจะทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง และยิ่งทำให้อักเสบได้มากยิ่งขึ้นค่ะ
รักษารอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วน >> สูตรที่ 1
“ว่านหางจระเข้” เป็นสูตรรักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน ที่เหมาะสำหรับปลอบประโลมผิวอักเสบ และลดรอยแดงจากสิวได้เป็นอย่างดีค่ะ โดยสามารถใช้เจลว่านห่างจระเข้ชนิด 100% ทาหรือพอกหนา ๆ บริเวณที่เป็นรอยแดงได้เลยค่ะ หรือบ้านไหนที่ปลูกว่านหางจระเข้ สามารถนำมาปอกเปลือกและล้างน้ำให้สะอาด เอายางออก จากนั้นนำเนื้อว่านมาปั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และนำมาทาบริเวณรอยสิววันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) ซึ่งสามารถทาทิ้งไว้ โดยไม่ต้องล้างออกค่ะ
ขอบคุณภาพจาก : skinkraft.com
รักษารอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วน >> สูตรที่ 2
“Apple Cider Vinegar + น้ำผึ้ง” นำน้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิ้ล หรือ Apple Cider Vinegar มาผสมกับน้ำผึ้ง แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นรอยสิวที่หลัง แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรรักษารอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วนสูตรนี้สามารถทำได้ 2 ครั้งต่อวัน (เช้า-เย็น) น้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิ้ล นอกจากจะช่วยลดรอยสิวที่หลังได้แล้ว ยังสามารถนำก้านสำลีแตะน้ำส้มสายชูที่เจือจางด้วยน้ำสะอาด แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นสิวได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของสิวค่ะ
ขอบคุณภาพจาก : bebeautiful.in
รักษารอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วน >> สูตรที่ 3
“ผงขมิ้น + น้ำผึ้ง” เป็นอีกหนึ่งสูตรรักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน ที่นอกจากจะช่วยลดรอยสิวที่หลังได้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในบริเวณที่เป็นสิวอยู่ได้ด้วยค่ะ เพราะในขมิ้นมีสาร curcumin และน้ำผึ้งมีฤทธิ์ช่วยต้านและลดการอักเสบของผิว และช่วยให้ผิวขาวใส ลดรอยสิวที่หลัง โดยนำผงขมิ้นมาผสมกับน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมานวดที่บริเวณที่เป็นรอยสิวที่หลัง ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก
ขอบคุณภาพจาก : femina.in
รักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน ด้วยเลเซอร์รอยสิวที่หลัง
มาถึงอีกหนึ่งตัวช่วยรักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน ด้วยเลเซอร์รอยสิวที่หลังกันบ้างค่ะ วิธีนี้เป็นการรักษารอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วนที่แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เห็นผลชัดเจน แน่นอน และรวดเร็ว เพราะด้วยปัจจัยภายในร่างกายและโครงสร้างผิวที่แตกต่างกันออกไป ทำให้บางคนใช้สูตรธรรมชาติแล้วเห็นผลช้า หรือไม่ค่อยเห็นผล หรือไม่มีเวลารักษารอยสิวที่หลังด้วยตัวเอง ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเลเซอร์รอยสิวที่หลังรุ่นใหม่ ที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อ่อนโยนกับผิวพรรณ และยังเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว นับว่าเป็นการปรับแก้ไขได้ถึงโครงสร้างผิวค่ะ
รักษาลดรอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วนด้วย Lumecca
Lumecca เป็นนวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์รอยสิวที่หลัง ซึ่งถูกพัฒนาให้มีพลังงานที่เข้มข้นกว่า IPL ทั่วไปถึง 3 เท่าเลยค่ะ โดยการพลังงานแสงเข้มข้นที่ถูกส่งไป จะกระจายตัวและลึกลงไปสู่ชั้นผิว ซึ่งตัวพลังงานไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสี จากนั้นเม็ดสีจะดูดซับพลังงานและทำให้เม็ดสีถูกทำลาย จึงช่วยลดรอยแดงรอยดำจากสิวที่หลังได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ โดยทั่วไปหากปล่อยให้รอยแดงจางหายเองตามธรรมชาติ (ไม่มีการรักษา) จะใช้เวลานานหลายเดือน แต่สำหรับการรักษารอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วนด้วย Lumecca จะช่วยลดรอยแดงให้จางหายไวกว่าถึง 3 เท่าเลยค่ะ
รักษาลดรอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วนด้วย Pico Laser
Pico Laser ชนิด Pico Pigment Laser เป็นเลเซอร์รอยสิวที่หลังที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันเลยค่ะ ด้วยพลังงานเลเซอร์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Picosecond Laser โดยการปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ ในเวลา 1 picosecond ต่อ 1 ช็อต (1 picosecond = 1 ในล้านล้านวินาที) ช่วยกำจัดเม็ดสีผิวที่ผิดปกติ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมไปถึงรอยดำจากสิว เม็ดสีจึงกระจายตัวออกเป็นผงเล็ก ๆ และถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งจะเห็นผลภายใน 1 สัปดาห์ หลังเลเซอร์รอยสิวที่หลังด้วย Pico Laser จะไม่ทิ้งสะเก็ด หรือมีก็น้อยมากกว่าเครื่องอื่น ๆ ทั่วไป หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งสามารถทำได้ทั้งใบหน้าและลำตัวค่ะ
นอกจากนี้ ใครที่มีปัญหาหลุมสิวก็สามารถทำเลเซอร์รอยสิวที่หลังได้เช่นเดียวกันค่ะ โดยหมออาจพิจารณาเลือกเป็นชนิด Pico Resolve Laser โดยการปล่อยลำแสงเลเซอร์ชนิด Picosecond ออกมาเป็นจุด ๆ 100 จุด ภายในพื้นที่ 6×6 ตารางมิลลิเมตร เพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นค่ะ
รักษาหลุมสิวที่หลังด้วย Morpheus8
มาถึง Morpheus8 เทคโนโลยีที่ช่วยรักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วัน ที่เหมาะสำหรับรอยสิวประเภทหลุมสิวกันบ้างค่ะ โดยหลักการทำงานของเครื่อง Morpheus8 จะปล่อยพลังงานคลื่นความถึ่วิทยุได้ลึกถึงชั้นผิวหลายระดับชั้น ตั้งแต่ชั้นผิวหนังแท้ไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถตั้งค่าเพื่อให้พลังงานลงลึกถึงระดับตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการรักษาได้ โดยพลังงานที่ส่งลงไปจะช่วยกระตุ้นการสร้างและจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม ทั้งริ้วรอย, ผิวหย่อนคล้อย, รอยแตกลาย รวมไปถึงปัญหาผิวพรรณที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสี และหลุมสิวค่ะ
หลังทำ Morpheus8 จะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะยิ่งเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน นับว่าเป็นอีกหนึ่งการรักษารอยสิวที่หลัง แบบเร่งด่วน ช่วยดูแลปัญหาหลุมสิวและรอยสิวที่หลังได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วค่ะ
ดูแลผิวให้หลุดจากวงจรสิว ตัวการรอยสิวที่หลัง
- รักษาความสะอาดของผิวพรรณ อาบน้ำให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น)
- เลือกสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว, บำรุงผิว และผลิตภัณฑ์ซักผ้า ที่เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิว
- ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันเลว ลดปริมาณน้ำตาล เลือกทานอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ข้าว/แป้งไม่ขัดสี) เลือกทานผักและผลไม้ให้ได้ทุกวัน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สงบ ผ่อนคลาย เพื่อลดความเครียด
- หากเกิดสิวที่หลัง ไม่ควรเกา แกะ หรือจับบ่อย ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
ถึงแม้ว่าจะรักษารอยสิวที่หลัง ภายใน 7 วันด้วยสูตรจากธรรมชาติ หรือด้วยเลเซอร์รอยสิวที่หลัง ภายใต้การดูแลจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังแล้ว หมอแนะนำให้ดูแลผิวพรรณควบคู่กันไปด้วย เช่น ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง, สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีและปกคลุมผิวจากแสงแดด รวมถึงดื่มน้ำเยอะ ๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียง เพื่อป้องกันไม่ให้รอยสิวที่หลังมีสีเข้มขึ้นและหายช้าค่ะ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยหยุดวงจรการเกิดสิว ซึ่งเป็นสาเหตุของรอยสิวที่หลัง นั่นก็คือ การดูแลเรื่องความสะอาด หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว ดูแลสุขภาพผิวทั้งภายในและภายนอก ก็จะช่วยให้ผิวพรรณห่างไกลจากสิวและรอยสิวค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic