หลายคนตามหาวิธีลดน้ำหนักเร่งด่วนกันเยอะมาก ๆ ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเพราะจากความไม่มั่นใจ ต้องรีบให้หุ่น หรือเหตุผลอื่น ๆ สูตรลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์ก็เป็นอีกหนึ่งสูตรที่ตามหากันเป็นประจำ ซึ่งแม้จะมีวิธีลดออกมาแชร์กันเยอะมาก แต่รู้หรือเปล่าคะว่า การลดน้ำหนักเร่งด่วนที่ไม่ถูกต้องนั้น อาจก่อให้เกิดอันตรายไปจนถึงเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้!
ลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์ ทำยังไง?
การลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์ เป็นหนึ่งในโจทย์การลดน้ำหนักเร่งด่วนแบบหฤโหดมาก ๆ ค่ะ เพราะโดยเฉลี่ยแล้วร่างกายมนุษย์ส่วนใหญ่จะลดน้ำหนักได้อย่างมากแค่อาทิตย์ละ 0.5-1 กิโลกรัมเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังพอมีวิธีลดน้ำหนักเร่งด่วนขนาดนั้นอยู่ค่ะ โดยเริ่มต้น เราต้องลองนับแคลอรี่ที่ควรลดกันก่อน
น้ำหนัก 1 กิโลกรัม = 7,700 กิโลแคลอรี่ |
นั่นแปลว่า หากเราต้องการลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม จะต้องเผาผลาญพลังงานออกให้ได้ 77,000 กิโลแคลอรี่ เมื่อนำมาเฉลี่ยในช่วงเวลา 2 อาทิตย์ แบ่งเป็นอาทิตย์ละ 5 กิโลกรัม สรุปคือเราต้องเผาผลาญหรือลดพลังงานลงอาทิตย์ละ 38,500 กิโลแคลอรี่ เฉลี่ยตกวันละ 5,500 กิโลแคลอรี่
อย่างที่ทราบกันดีกว่าปริมาณพลังงานเฉลี่ยที่ต้องการในชายและหญิงจะอยู่ที่ 1,600-2,500 กิโลแคลอรี่ ซึ่งถ้าต้องการลดน้ำหนักแบบทั่วไปก็ควรลบออกราว ๆ 300-500 กิโลแคลอรี่จนเหลืออยู่ต่ำสุด 1,200 กิโลแคลอรี่ (แค่ระดับนี้ก็อันตรายแล้วหากทำติดต่อกันนาน ๆ) นี่ยังไม่รวมการคำนวณด้วยค่า BMR เพื่อหา TDEE หรือค่ารวมพลังงานที่ร่างกายต้องการเพื่อใช้ทำกิจวัตรประจำวัน อันจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนนะคะ
เห็นตัวเลขแล้ว หากต้องการลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์จริง ๆ ก็ยังเหลืออีก 5,000 กิโลแคลอรี่ต่อวันเลยค่ะ เปรียบเสมือนการกำหนดแคลอรี่แบบติดลบไป 5,000 การจะลดได้ขนาดนั้นก็ต้องกินให้เยอะพอ ๆ กันด้วย ซึ่งบนพื้นฐานความเป็นจริงแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคนทั่วไป
แม้แต่นักกีฬามืออาชีพที่ต้องฝึกร่างกายกันหนักมาก ๆ ทุกวัน ยังสามารถเบิร์นแคลอรี่ได้มากสุดก็แค่ 2,500-4,000 เท่านั้น และนักกีฬาเหล่านี้ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของนักโภชนาการ ซึ่งแตกต่างจากคนปกติอย่างเรา ๆ ที่ต้องคุมตัวเองหรือบางคนก็ไม่ได้มีเวลาคุมอาหารขนาดนั้น เพราะต้องทำงานและใช้ชีวิตต่างจากนักกีฬา
ดังนั้น การลดความอ้วนหรือลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนมาก ๆ จึงไม่เหมาะกับคนทั่วไป และไม่มีแพทย์หรือนักวิจัยท่านไหนแนะนำค่ะ เพราะการตัดแคลอรี่มากขนาดนั้นเป็นผลให้สุขภาพแย่ลงอย่างมาก แต่จะแย่ลงอย่างไร หาคำตอบได้ในหัวข้อถัดไปค่ะ
อันตรายจากการลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์ ยิ่งรีบยิ่งโยโย่!
แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุดคือ ยิ่งลด ยิ่งโยโย่ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวเป็นผลข้างเคียงทั่วไปของการลดความอ้วนเยอะ ๆ ในเวลากระชั้นชิดเลยค่ะ เพราะร่างกายของเราต้องการพลังงานพื้นฐานอยู่ (TDEE) หากเราให้พลังงานกับร่างกายไม่ถึง ก็อาจจะทำให้อวัยวะทำงานได้ไม่เต็มที่ จนส่งผลกระทบตามมาดังนี้
-
เสียมวลกล้ามเนื้อ
เมื่อร่างกายไม่ได้รับพลังงานที่เพียงพอ โดยเฉพาะการขาดคาร์โบไฮเดรต อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายสูญเสียมวลกล้ามเนื้อได้ เนื่องจากร่างกายดึงเอากล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงานแทนคาร์บ
-
เสี่ยงภาวะขาดสารอาหาร
การลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์นั้นเสี่ยงร่างกายขาดสารอาหารมาก ๆ เลยค่ะ ต่อให้เราจะทานอาหารครบ 5 หมู่ก็ตาม แต่หากมันถูกจำกัดไว้ในปริมาณที่น้อยเกินไปเพื่อคุมแคลอรี่อย่างหนัก จะทานครบ 5 หมู่ทุกวันก็ยังเสี่ยงอยู่ดีค่ะ
-
เสี่ยงเป็นนิ่ว
จากข้อมูลของ Johns Hopkins Medicine ระบุเอาไว้ว่า การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วจะส่งผลต่อการเผาผลาญที่มากขึ้น นำไปสู่การกระตุ้นให้ตับขับคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกมาปนกับน้ำดีมากขึ้น ซึ่งจะก่อตัวเป็นก้อนนิ่วในถุงน้ำดีนั่นเอง
-
เสี่ยงภาวะขาดน้ำ
แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่สำหรับคนที่ตั้งใจจะลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์แล้วมีพฤติกรรมดื่มน้ำน้อย ออกกำลังกายหนัก ยิ่งเสี่ยงมีน้ำไม่เพียงพอ อันจะส่งผลให้หัวใจทำงานหนัก ชีพจรเต้นเร็ว ผิวแห้ง ท้องผูกบ่อย หรือเกิดอาการชักได้
-
เจริญเติบโตช้า (วัยเจริญพันธุ์)
สำหรับเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่พยายามลดน้ำหนักเร่งด่วนมากขนาดนั้น อาจจะทำให้โตช้าได้แน่นอนค่ะ เพราะร่างกายที่ยังเยาว์วัยต้องการสารอาหารครบถ้วนในปริมาณหนึ่ง เพื่อการพัฒนาของโครงสร้างร่างกาย หากเด็ก ๆ พยายามกินน้อย อดอาหารโดยพลการ ในระยะยาวอาจจะทำให้ร่างกายไม่สมบูรณ์ได้ค่ะ
-
ค่าอิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล
หรือเรียกให้เข้าใจอย่างง่ายว่า ความไม่สมดุลของเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายค่ะ เกิดจากการออกกำลังกายหนักจนทำให้เหงื่อออกเยอะ ซึ่งเกลือแร่นั้นจะปนออกมาด้วย ทำให้เกิดความไม่สมดุล ส่งผลให้มีอาการเหน็บชา เป็นตะคริว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ขาดน้ำ ชัก หมดสติ หรือเสียชีวิตได้!
-
ภูมิคุ้มกันต่ำ
การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วมากเกินไป อาจจะส่งผลให้ร่างกายเกิดความเครียดสูง ได้รับพลังงานและสารอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งนำไปสู่ผลของภูมิคุ้มกันต่ำลง ทำให้ติดเชื้อหรือป่วยได้ง่ายกว่าปกติค่ะ
-
มวลกระดูกลดลง
กระดูกนั้นก็ต้องการสารอาหารเหมือนกันค่ะ ดังนั้น หากเราทานน้อยมากจนสารอาหารไม่เพียงพอกับกระดูก ก็จะส่งผลให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกไป ทำให้กระดูกไม่แข็งแรง บาง เปราะ หักได้ง่าย
-
ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
การลดอาหารลงแบบหักดิบในปริมาณที่มากเกินไป ส่งผลให้การทำงานของฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไปค่ะ หากเราไม่ทานอาหารเลย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหิวเพราะต้องการพลังงาน หลั่งฮอร์โมนเครียดเพราะต้องห้ามใจตัวเอง ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญด้วย
-
สมองเบลอ ทำงานช้า
แน่นอนว่าเมื่อเราได้รับน้ำตาลไม่เพียงพอ ก็จะทำให้สมองไม่มีพลังในการทำงานไปด้วย ผนวกกับอาการอื่น ๆ ที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นภาวะขาดน้ำ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง หรือขาดสารอาหาร ล้วนส่งผลต่อสมองได้ทั้งนั้นค่ะ สังเกตเวลาคนไม่ยอมทานข้าว จะปวดหัว เวียนหัว สมองเบลอ ทำงานได้น้อยและช้าลง
-
น้ำหนักโยโย่ อ้วนหนักกว่าเดิม
สืบเนื่องมาจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ หากปล่อยให้ร่างกายขาดพลังงานเข้ามาก ๆ ก็จะปล่อยฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความอยากอาหารออกมาทำให้รู้สึกหิว และยังส่งผลต่อฮอร์โมนเกี่ยวกับความอิ่มที่หากร่างกายมีไขมันน้อยเกินก็จะทำให้อิ่มยาก ต้องกินเรื่อย ๆ เป็นคำตอบว่าทำไมพอหยุดลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์แล้วก็จะยิ่งทานหนักกว่าเดิมจนโยโย่นั่นเองค่ะ
อยากลดความอ้วน 10 กิโล ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย?
เห็นกันแล้วว่าการลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์นั้นสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งการลดน้ำหนักที่ถูกต้องและสร้างสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนนั้นแตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง ทั้งยังเป็นวิธีที่ง่ายกว่าการลดความอ้วนแบบกระทันหัน นั่นก็คือวิธีต่อไปนี้
-
ตั้งเป้าหมายจำกัดเวลาในการลดน้ำหนัก 10 กิโล (ต้องสมจริงนะ!)
การสร้างเป้าหมายของผลลัพธ์นั้นจะช่วยให้เรามองทิศทางการลดน้ำหนักได้ชัดเจนขึ้นค่ะ แต่อย่าตั้งเป้าหมายไกลเกินไปเพราะอาจจะทำให้ท้อก่อนได้ ไม่จำเป็นต้องกำหนดเวลากระชั้นชิดแต่จะเอาผลลัพธ์ยิ่งใหญ่ การลดน้ำหนักต้องอาศัยความสม่ำเสมอ จะทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ยกตัวอย่างเช่น เราน้ำหนักอยู่ที่ 80 ก็ตั้งเป้าหมายแรกไว้ที่ 75 ภายใน 1.5-2 เดือนกำลังดี หรือถ้าเคร่งครัดกับสัดส่วนมากกว่า สมมติตอนเริ่มต้นมีรอบเอวอยู่ที่ 32 ก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะลดเอวลงเหลือ 30 แล้วค่อยลดหลั่นไปเรื่อย ๆ ทีละเล็กน้อย จะทำให้เราไม่เครียดกับมัน อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ลดความอ้วนได้ระยะยาวแบบไม่หักโหมค่ะ
-
คำนวณปริมาณแคลอรี่ให้เหมาะสมและเพียงพอ
สำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน หมอแนะนำให้ลดปริมาณแคลอรี่ที่ควรได้รับต่อวันลงสัก 300-500 กิโลแคลอรี่ก็พอค่ะ ไม่จำเป็นต้องเผาผลาญเยอะหรือกินน้อยขนาดนั้น เพราะอาจจะทำให้เราไม่มีพลังงานเพียงพอในการใช้ชีวิตประจำวันได้
-
จัดแจงเมนูให้มีสารอาหารครบถ้วน
ร่างกายของแต่ละคนต้องการพลังงานเหมือนกันไม่ว่าจะอ้วนหรือผอม ดังนั้น การรับประทานอาหารจึงยังเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ พยายามเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สำหรับคาร์บ ไขมัน หรือน้ำตาลให้เลือกเป็นการ ‘ลด’ ไม่ใช่ ‘งด’ เพราะร่างกายก็ต้องการสารอาหารเหล่านี้เช่นกัน
-
พยายามฝึกลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อ
หลายคนที่มีน้ำหนักเยอะ ส่วนใหญ่มักมาจากการทานอาหารมากเกินจำเป็น ทำให้แคลอรี่เกิน ดังนั้น วิธีเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดในการลดแคลอรี่ ก็คือการลดปริมาณอาหารค่ะ อาจจะลองเปลี่ยนภาชนะในการทานให้มีขนาดเล็กลง เคี้ยวช้า ๆ เพื่อให้อิ่มเร็วยิ่งขึ้น
-
ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อและผลาญไขมันควบคู่กัน
แม้การออกกำลังกายจะช่วยลดความอ้วนได้เพียง 30% แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญนะคะ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ไขมันถูกเอามาใช้มากขึ้น และการสร้างกล้ามเนื้อก็จะทำให้มีอัตราการเผาผลาญที่มากขึ้นค่ะ หมอแนะนำให้ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งและแบบคาร์ดิโอคู่กันไป จะมีประสิทธิภาพมากกว่าค่ะ
-
ผ่อนคลายความเครียดอยู่เสมอ ป้องกันฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
ความเครียดเป็นตัวการของความอ้วนทางอ้อมค่ะ เพราะการหลั่งฮอร์โมนเวลาเครียดจะทำให้เรารู้หิวมากขึ้น อยากทานนั่นทานนี่เพื่อคลายเครียด ดังนั้น หากสังเกตได้ว่าตัวเองกำลังเครียดอยู่ หมอแนะนำให้หากิจกรรมผ่อนคลายจิตใจอยู่เสมอ เพื่อไม่ได้เครียดสะสม ป้องกันการเกิดพุงเครียด ดีต่อสุขภาพจิตด้วยค่ะ
-
นอนหลับพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ
ระหว่างที่เรานอนหลับนั้น ตามหลักของนาฬิกาชีวิตแล้ว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกมาหลายชนิดที่เกี่ยวกับความอยากอาหาร ความอ้วน การเผาผลาญ และความเครียดของร่างกายค่ะ การพักผ่อนจึงสำคัญมาก ทำให้ฮอร์โมนสมดุล และต้องดื่มน้ำให้เยอะเพียงพอ เพื่อให้ระบบไหลเวียนทำงานได้ดีค่ะ
-
อย่าลืมความสม่ำเสมอ สร้างวินัย!
นอกจากวิธีต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว สิ่งสำคัญในการเริ่มต้นลดความอ้วนก็คือ ‘จิตใจ’ หากเราไม่เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ก็อาจจะสร้างความสม่ำเสมอได้ยาก สำหรับคนที่ลดความอ้วนไม่สำเร็จสักที หมอแนะนำให้ลองหาอะไรกระตุ้นตัวเองค่ะ เช่น ติดตามสาว ๆ ที่มีหุ่นแบบที่เราต้องการบนโซเชียล หรือทำตารางทานอาหาร ตารางออกกำลังกาย เป็นต้น
Tips: หาเพื่อนลดน้ำหนัก ช่วยปรับตัวได้ดีจริงนะ
ใครว่าเพื่อนไม่สำคัญ! การมีคู่หูไปร่วมเดินบนเส้นทางการลดน้ำหนักนี่แหละค่ะเป็นตัวกระตุ้นที่ดีมาก! เพราะส่วนใหญ่แล้วการลดน้ำหนักมักจะมีความลำบากและสร้างความตึงเครียดบ้าง การหาเพื่อนที่อยากลดน้ำหนักไปด้วยกันจะช่วยให้เราผ่อนคลายและทำตามแผนร่วมกันได้อย่างสนุกสนาน ไม่เขินอายเวลาโพสต์รูปหุ่นอัปเดตความสวย ไม่กดดันเวลาเข้ายิมหรือทานอาหารคลีน คอยให้กำลังใจกันและกัน ลดความอ้วนได้แน่นอนค่ะ (แต่ก็ต้องคอยเตือน คอยห้ามเวลาหลุดด้วยนะ!)
ลดความอ้วน ลดสัดส่วนภายใน 2 อาทิตย์ก็ทำได้ที่ AMARA
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็จะทราบได้ว่า การลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์ให้ปลอดภัยอย่างเป็นธรรมชาตินั้นยากมาก ๆ ค่ะ เพราะการลดน้ำหนักเยอะขนาดนั้นในเวลาน้อยนิด เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ แต่ถ้าเป็นการลดสัดส่วนเฉพาะจุด วิธีที่นิยมที่สุดคือการดูดไขมันค่ะ
การดูดไขมัน คือการกำจัดไขมันส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายอย่างตรงจุด โดยส่วนที่สามารถทำได้จะมีตั้งแต่หน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา น่อง หรือแม้แต่เหนียงใต้คาง เรียกว่าสามารถลดสัดส่วนสำคัญที่เห็นได้ชัดเจนเกือบทั้งหมดเลย และถึงแม้จะต้องพักฟื้นเต็มที่ 1 เดือน แต่หลังดูดไขมันไปแล้ว 2 อาทิตย์ ก็แทบจะแต่งตัวได้ตามปกติแล้วค่ะ ยิ่งถ้าเราดูแลตัวเองหลังดูดไขมันดี ๆ ก็จะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นแน่นอนค่ะ
ต้องการปรึกษาแพทย์ฟรี!
SCan OR Code เพื่อแอดไลน์ หรือ
สาขา รัชโยธิน กด 1
สาขา ราชพฤกษ์ กด 2
สรุป ลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์ดีไหม?
การลดความอ้วน 10 กิโล 2 อาทิตย์เป็นวิธีลดความอ้วนที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงค่ะ ทั้งเสี่ยงเกิดโรค มีอาการแทรกซ้อน ป่วยง่าย โยโย่ จนถึงขั้นเสียชีวิต การลดความอ้วนที่ดีควรจะตั้งเป้าหมายแบบค่อยเป็นค่อยไปและอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาวอย่างปลอดภัยค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย : https://lin.ee/801MUsB
ติดต่อเบอร์โทร :
062-789-1999⇒ สาขา รัชโยธิน กด 1
⇒ สาขา ราชพฤกษ์ กด 2
พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)
KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet