ปัญหาผิวพรรณเบอร์ต้น ๆ ที่หมอผิวหนังอย่างตัวหมอเองมักจะพบ คงหนีไม่พ้นเรื่องรอยสิว รอยแดงจากสิวค่ะ เพราะสมัยนี้ทั้งวัยรุ่น วันทำงาน หรือวัยผู้ใหญ่ มีปัญหาสิวกันค่อนข้างเยอะ ขนาดบางคนที่มีวินัยในการดูแลผิวพรรณ ไม่เกา ไม่แกะ ก็ยังไม่วายเจอปัญหารอยแดงจากสิวตามมาให้ปวดหัว หรือบางคนที่มีรอยสิวเก่ายังไม่ทันหาย รอยแดงจากสิวใหม่ก็เข้ามาเพิ่มทัพ โดยเฉพาะคนที่มีผิวขาวก็ยิ่งทำให้รอยแดงจากสิวเห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น วันนี้หมอตวง (แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง Amara Clinic) มีข้อมูลจัดเต็ม พร้อมวิธีลดรอยแดงจากสิวใน 7 วัน มาเอาใจคนที่กำลังกลุ้มใจกับปัญหานี้อยู่ เพื่อผิวสวยสุขภาพดี ไร้สิวและรอยสิวค่ะ
รอยแดงจากสิว เกิดจากอะไร
รอยแดงจากสิว (Post-inflammatory Erythema : PIE) เป็นรอยสิวที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนังบริเวณที่เป็นสิว ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรอยสีชมพูหรือรอยแดงจากสิว โดยการที่ผิวอักเสบจนเกิดเป็นรอยแดงจากสิว มาจากกลไกตามธรรมชาติของโครงสร้างผิวหนัง ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่ผิวหนังเกิดการอักเสบขึ้น ร่างกายเราจะมีการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ โดยการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปยังผิวหนังที่อักเสบ นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุมาจากเส้นเลือดฝอยขยายตัวและแตก จึงทำให้เห็นเป็นรอยสิว หรือรอยแดงจากสิวนั่นเองค่ะ
ขอบคุณภาพจาก herocosmetics.us
สำหรับรอยแดงจากสิว เป็นรอยสิวที่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติค่ะ โดยจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 2-3 เดือน แต่บางรายก็นานกว่านั้น ซึ่งอาจนานถึง 6 เดือนค่ะ โดยบางคนอาจสังเกตเห็นว่า รอยแดงจากสิวที่เป็นอยู่หายช้า ไม่บรรเทาลง นั่นก็อาจเป็นเพราะปัจจัยอื่น ๆ ที่ไปกระตุ้นให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ เช่น ชอบจับ เกา แกะสิวบ่อย ๆ หรือแม้กระทั่งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวหน้าเกิดอาการระคายเคือง หรือสครับผิวในช่วงที่มีสิว ส่งผลให้รอยแดงไม่หายสักที หรืออาจทำให้อาการแย่ลงอีก เช่น มีแผลเปิด และการติดเชื้อที่แผลสิวค่ะ นอกจากนี้ หากปล่อยให้รอยแดงจากสิวเป็นเรื้อรัง ไม่ทำการรักษาลดรอยสิว ก็จะเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำตามมาได้ ซึ่งรักษาได้ยากและนานกว่ารอยแดงจากสิวค่ะ
ลดรอยแดงจากสิว ใช้อะไรดี
มาถึงคำถามยอดฮิตค่ะ “ลดรอยแดงจากสิว ใช้อะไรดี” อย่างที่หมอได้อธิบายไว้ข้างต้นนะคะว่า รอยสิว รอยแดงจากสิว สามารถจางหายได้เองตามธรรมชาติ เพียงแต่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานหลายเดือน หมอจึงแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแดงจากสิว เพื่อเป็นตัวช่วยให้รอยสิวหายไวขึ้น ใบหน้ากลับมาขาวใสเกลี้ยงเกลา เพิ่มความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้นค่ะ แต่ในรายที่มีรอยแดงจากสิวในขณะที่ยังมีสิวอักเสบอยู่ ควรเริ่มต้นด้วยการรักษาสิว โดยใช้ยาทาลดการอักเสบ หรืออาจใช้การฉีดสิว (ฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะจุดที่เป็นสิว) ได้เช่นกันค่ะ เดี๋ยวเรามาดูกันว่า รอยแดงจากสิว ใช้อะไรดี ส่วนผสมในครีมบำรุงลดรอยแดงจากสิว มีอะไรได้บ้าง
- Vitamin C ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความหมองคล้ำ และลดรอยแดงจากสิว
- Vitamin E เพิ่มความชุ่มชื่น ลดการอักเสบ สผานผิว ช่วยลดรอยสิว หรือรอยดำและรอยแดงจากสิว
- Vitamin B3 (Niacinamide) ลดรอยแดงจากสิวให้จางลง ปรับสีผิวให้ขาวใสสม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ
- Rosehip Oil ปรับผิวให้เรียบเนียน ลดรอยสิวให้หายไว โดยเฉพาะรอยดำและรอยแดงจากสิว รวมถึงป้องกันผิวแตกลาย เช่น ขาแตกลาย หน้าท้องแตกลาย
- Dragon’d Blood (สารสกัดจากต้นเลือดมังกร) ช่วยสมานแผลสิว ลดปัญหาผิวอักเสบ ลดรอยแดงจากสิวได้เร็ว
- Allium cepa (สารสกัดจากหอมแดง) เป็นส่วนผสมที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ลดรอยแดงจากสิว เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของผิวหลังเกิดสิวได้ดี
- Centella Extract (สารสกัดจากใบบัวบก) ลดอาการอักเสบที่เกิดจากสิว ลดรอยแดงจากสิวให้จางลง ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
ลดรอยแดงจากสิว ธรรมชาติบำบัด ทำเองได้
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมลดรอยสิว มักจะให้ผลลัพธ์ประมาณ 2-4 สัปดาห์ แต่อาจยังไม่รวดเร็วทันใจใครหลายคน หมอก็มีอีกหนึ่ง วิธีลดรอยแดงจากสิว ที่ทำควบคู่กันเพื่อเสริมประสิทธิภาพของการรักษา นั่นก็คือ วิธีลดรอยแดงจากสิว ธรรมชาติบำบัด โดยเป็นการนำส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่หาได้ง่าย ๆ ซึ่งเปรียบเสมือนการทำทรีทเม้นท์หน้า เพื่อปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบของสิวและผิวหนัง และลดรอยสิว ปรับผิวให้ขาวใส ด้วยสูตรลดรอยแดงจากสิว ธรรมชาติบำบัดค่ะ
น้ำแข็งประคบเย็น
การประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง เป็นวิธีลดรอยแดงจากสิว และยังช่วยลดอักเสบจากสิวที่เป็นอยู่อีกด้วยค่ะ ซึ่งความเย็นในน้ำแข็งจะช่วยให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังหดตัว นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติลดขนาดรูขุมขนกว้างให้เล็กลงและยังช่วยสมานแผล โดยหมอแนะนำให้นำก้อนน้ำแข็งห่อด้วยผ้าขนหนูบาง ๆ (ไม่ควรนำน้ำแข็งประคบโดยไม่มีผ้าห่อ) จากนั้นนำมาประคบที่รอยแดงเป็นเวลา 1 นาที และพัก 10 นาที ซึ่งสามารถทำซ้ำได้บ่อยตามที่ต้องการค่ะ
ว่านหางจระเข้+น้ำผึ้ง
ในว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติช่วยลดอาการผิวหนังอักเสบ ลดรอยแดงจากสิว ส่วนน้ำผึ้งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย มีส่วนช่วยทำให้สิวยุบเร็ว โดยนำน้ำผึ้งผสมกับวุ้นว่านหางจระเข้ที่ผ่านการล้างทำความสะอาดแล้ว หรืออาจใช้เป็นเจลว่างห่างจระเข้ก็ได้ค่ะ จากนั้นนำมาพอกบริเวณที่เป็นสิว และรอยแดงจากสิว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งค่ะ
ขอบคุณภาพจาก : livewellzone.com
ผงขมิ้น+น้ำมันมะพร้าว
ถ้าจะถามว่า รอยแดงจากสิว ใช้อะไรดี หมอแนะนำอีกหนึ่งสูตรลดรอยแดงจากสิว ด้วยการใช้ผงขมิ้นกับน้ำมันมะพร้าวค่ะ เพราะทั้งในน้ำมันมะพร้าวและขมิ้นชัน มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบของสิว รวมถึงยังช่วยลดรอยสิว อย่างรอยแดงจากสิวได้เป็นอย่างดี เพียงนำผงขมิ้นชันมาผสมกับน้ำมันมะพร้าว จากนั้นนำมาพอกเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวและรอยแดงจากสิว ทิ้งไว้ประมาณ 30-1ชั่วโมง หรือใครเป็นสิวอักเสบพร้อมรอยแดงจากสิว ก็สามารถพอกทิ้งไว้ข้ามคืน รุ่งเช้าค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด แต่ทั้งนี้ หากรู้สึกระคายเคือง แนะนำให้ล้างน้ำออกทันทีได้เลยค่ะ
ลดรอยแดงจากสิวเร่งด่วน 7 วัน ด้วย Lumecca
สำหรับสูตรลดรอยแดงจากสิว ธรรมชาติบำบัด อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่รวดเร็วมากนัก หรือบางรายที่มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย ก็อาจไม่เหมาะกับสูตรที่แนะนำในข้างต้น หรือบางคนใช้แล้วเห็นผลช้า อยากลดรอยสิวแบบเร่งด่วน เช่น ในคนที่จะต้องออกงานสำคัญ ๆ อย่างเตรียมเป็นเจ้าสาวในไม่กี่วัน หรือทำงานที่ต้องเข้าสังคม พบปะผู้คนบ่อย ๆ ไม่อยากแต่งหน้าหนา ๆ เพื่อกลบรอยแดงจากสิว แบบนี้หมอแนะนำให้เข้ารับบริการลดรอยสิว ลดรอยแดงจากสิว ด้วยเทคโนโลยีตัวใหม่ Lumecca ที่เข้มข้นกว่า IPL ทั่วไปถึง 3 เท่า ซึ่งนับว่าเป็นเครื่องยอดฮิตที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวพรรณ ที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน เช่น จุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยสิว รวมไปถึงภาวะเส้นเลือด เช่น เส้นเลือดฝอยบนใบหน้า หรือแม้กระทั่งลดรอยแดงจากสิวค่ะ
หลักการทำงานของ Lumecca
Lumecca เป็นนวัตกรรมลำแสงกึ่งเลเซอร์ ที่จะปล่อยพลังงานในช่วงความยาวคลื่น (500-600 นาโนเมตร) ที่เหมาะสมกับการรักษาที่แตกต่างกันออกไป จากนั้น เม็ดสีในชั้นผิวจะดูดซับแสงพลังงานที่ถูกปล่อยออกมา จึงทำให้ค่อย ๆ ถูกทำลายไปในที่สุด ซึ่งนอกจากใช้รักษาเพื่อลดรอยแดงจากสิวแล้ว ยังสามารถรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยโรคเส้นเลือด ทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า ลำคอ และลำตัวค่ะ
ผลลัพธ์หลังลดรอยแดงจากสิวด้วย Lumecca
ในการรักษาด้วย Lumecca หมอแนะนำประมาณ 2-5 ครั้งขึ้นไป เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และควรเข้ารับการรักษาโดยเว้นช่วงระยะห่างต่อครั้งอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ค่ะ โดยผลลัพธ์หลังรักษาเพียง 2-3 วัน ก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง และเห็นผลที่ชัดเจนขึ้นใน 7-14 วัน (1-2 สัปดาห์) เหมาะสำหรับคนที่อยากลดรอยสิว ลดรอยแดงจากสิวแบบเร่งด่วนค่ะ
ลด / ป้องกันรอยสิว ต้องจัดการที่ต้นตอ
หลังรักษาลดรอยสิว ลดรอยแดงจากสิวแล้ว สิ่งสำคัญที่จะไม่ทำให้รอยสิวย้อนกลับมาได้อีก นั่นก็คือ การดูแลผิวพรรณให้ห่างไกลจากสิวค่ะ จึงจะช่วยป้องกันรอยสิวที่จะเกิดซ้ำอีก ทำให้ผิวหน้าขาวใสเกลี้ยงเกลา
- ล้างหน้าให้สะอาด โดยเฉพาะในช่วงเป็นสิวอักเสบ ควรเลือกผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน ไม่ตึงผิว และควรหลีกเลี่ยงสครับผิว
- ดูแลเรื่องความสะอาด เช็ดหน้าหรือซับหน้าด้วยกระดาษทิชชู่ หรือกระดาษซับหน้ามัน ที่เหมาะสำหรับผิวหน้า ผิวบอบบาง หลีกเลี่ยงการเช็ดหน้าด้วยผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขนหนู เพราะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
- งดสัมผัสใบหน้า งดการจับ เกา แกะสิว เพราะจะยิ่งเป็นการเพิ่มเชื้อโรคและสิ่งสกปรกบนใบหน้า ยิ่งทำให้สิวอักเสบมากขึ้น และทำให้เกิดรอยสิว รวมถึงหลุมสิว
- ดื่มน้ำ อย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายชะล้างสารพิษตกค้าง และการดื่มน้ำเยอะ ๆ จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงโครงสร้างผิวทำงานได้ดีขึ้น
- ทาครีมกันแดด เพราะแสงแดดจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวอักเสบและแดงมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำให้ทาครีมกันแดดสูตรอ่อนโยน เหมาะกับคนเป็นสิว
- เลี่ยงของทอด ของหวาน เพราะอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนใบหน้า และทำให้เกิดเป็นสิวตามมาได้
- ออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นการเพิ่มออกซิเจนในผิว นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายสมดุล ซึ่งเป็นวิธีลดการเกิดสิวจากภายในค่ะ
- ปรับชนิดยาคุมกำเนิด ในกรณีที่รับประทานยาคุมกำเนิดอยู่ และสังเกตพบว่ามีสิวมากผิดปกติ อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากยาคุมกำเนิดที่ทานอยู่ ซึ่งส่งผลให้เกิดสิวง่าย และในบางรายอาจมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น ทานยาคุมแล้วอ้วน (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ยาคุมทำให้อ้วนจริงไหม) ควรปรึกษาเภสัชกรเพื่อเลือกชนิดยาคุมกำเนิดให้เหมาะสมค่ะ
- พบแพทย์ผิวหนัง ในรายที่มีปัญหาสิวและรอยสิวแบบเรื้อรัง แนะนำให้เข้าพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างตรงจุด ป้องกันปัญหาสิวและผิวพรรณลุกลาม
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
การลดรอยแดงจากสิวแบบเร่งด่วนใน 7 วัน จะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ทั้งนี้ เราจะต้องใช้วิธีรักษาอย่างตรงจุด ด้วยวิธีลดรอยแดงจากสิว ด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมลดรอยสิว และวิธีลดรอยแดงจากสิว ธรรมชาติบำบัด ควบคู่กับการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากสิว ซึ่งเป็นต้นตอของการเกิดรอยสิวค่ะ นอกจากนี้ การเข้ารับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ด้วยเทคโนโลยีรักษารอยสิวโดยตรง ก็เป็นอีกหนึ่งทางลัดที่จะช่วยดูแลปัญหาผิวพรรณได้อย่างตรงจุด และเห็นผลอย่างรวดเร็วอีกด้วยค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic