หน้าอกสวย ๆ ย่อมเป็นของคู่ใจของสาว ๆ ทุกคน เพราะจะช่วยเสริมรับกับการแต่งตัว ทำให้เราดูดีและมีความมั่นใจมากขึ้น การฉีดไขมันหน้าอก หรือที่เรียกว่า ฉีดนม, ฉีดไขมันเสริมอก, เติมไขมันนม เป็นหนึ่งในวิธีอัพไซซ์หน้าอกที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของความสวยงาม ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และยังทำให้สัดส่วนเราเล็กลงได้ด้วยครับ สำหรับสาว ๆ หน้าอกเล็ก หรือคนที่ไม่มีเนินหน้าอก อยากอัพไซซ์แต่ไม่ชอบซิลิโคน ลองมาทำความรู้จักการเติมไขมันหน้าอกกันดูนะครับ
ฉีดไขมันหน้าอก คืออะไร?
ฉีดไขมันหน้าอก (Breast Fat Grafting) คือ การเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง โดยการย้ายเซลล์ไขมันจากสัดส่วนอื่น มาปลูกถ่ายบริเวณหน้าอก เพื่อให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น มีความเต่งตึง ผิวเรียบเนียนสวย ไม่มีขอบซิลิโคน และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติมากที่สุด ทั้งรูปทรงและผิวสัมผัส นอกจากหน้าอกของเราจะอึ๋มขึ้นแล้ว การฉีดไขมันนม ยังช่วยทำให้สัดส่วนที่เรากังวลใจมีขนาดเล็กลงอีกด้วย (โดยการดูดไขมันออกไป) เรียกได้ว่าการฉีดไขมันหน้าอกนั้น ทำครั้งเดียว แต่ได้ประโยชน์ถึงสองต่อครับ
ตัวอย่างเคสฉีดไขมันหน้าอก เติมไขมันนมที่ AMARA
ฉีดไขมันหน้าอก เติมไขมันหน้าอก ดีไหม เป็นธรรมชาติหรือเปล่า?
ฉีดไขมันหน้าอกดีไหม? การเติมไขมันหน้าอกดีแน่นอน สำหรับคนที่อยากแก้ปัญหาหน้าอกเล็ก เนินอกหาย หรือหน้าอกหย่อนคล้อยหลังให้นมลูก และคนที่ไม่ชอบการเสริมซิลิโคน การฉีดนม จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้เรามีหน้าอกที่อึ๋มขึ้น เนินฟู เนินชิด และได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุด แถมยังมีแผลเล็กมาก เมื่อนานวันไปแผลก็จางหายไปได้ เหมือนไม่ได้ทำอะไรมาเลยดีทีเดียว
ฉีดไขมันหน้าอกเหมาะกับใคร?
- คนที่อยากเพิ่มขนาดหน้าอก
- คนที่ไม่ชอบการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
- คนที่ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย
- คนที่เนินหน้าอกหาย หลังให้นมลูก
- คนที่อยากลดส่วนเกิน และเพิ่มหน้าอก
- คนที่มีขนาดหน้าอกทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
- คนที่เสริมซิลิโคนมาแล้ว หน้าอกไม่เป็นธรรมชาติ
เติมไขมันหน้าอก VS การเสริมหน้าอกซิลิโคน ต่างกันยังไง ตอบโดยคุณหมอ!
เสริมหน้าอก มีกี่วิธี แต่ละวิธีแตกต่างกันอย่างไร?
การเสริมหน้าอกในปี 2022 จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 วิธี คือ การฉีดไขมันหน้าอก, การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน และการเสริมหน้าอกแบบไฮบริด (เติมไขมันหน้าอก + เสริมซิลิโคน) แต่ละวิธีก็จะเหมาะกับความต้องการของคนไข้ที่แตกต่างกันไปครับ ทำให้คนที่สนใจเสริมหน้าอก เกิดความสับสนว่าจะเสริมหน้าอกด้วยวิธีไหนดี เราต้องการแบบนี้ จะเหมาะกับการเสริมหน้าอกแบบไหนมากที่สุด? เราลองมาอ่านความแตกต่างของการเสริมหน้าอกทั้ง 3 แบบกัน! (อ่านเพิ่มเติม : เลือกซิลิโคน หรือฉีดไขมันหน้าอกดี?)
1.ฉีดไขมันหน้าอก
การฉีดไขมันหน้าอก หนึ่งในวิธีเสริมหน้าอก ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้การเสริมซิลิโคนเลยนะครับ เคสส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่ไม่ชอบซิลิโคน รู้สึกกลัวการใส่ซิลิโคนเข้าไปไม่อยากผ่าตัดใหญ่ เป็นคุณแม่หลังคลอด และเป็นคนที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินเป็นหลัก ใครที่อยากเพิ่มขนาดหน้าอกไม่เยอะ เน้นความธรรมชาติ จับแล้วไม่มีก้อนซิลิโคนด้านใน หมอก็แนะนำวิธีเติมไขมันหน้าอกเลยครับ
2.เสริมหน้าอกซิลิโคน
เสริมหน้าอกซิลิโคน จำเป็นต้องเปิดแผลผ่าตัดขนาด 2-3 ซม. เพื่อให้สามารถใส่ซิลิโคนเข้าไปได้ ทำให้มีแผลใหญ่กว่าการฉีดไขมัน การเสริมหน้าอกซิลิโคนมีให้เลือกทรงหน้าอกหลายทรง เหมาะกับคนที่อยากอัพไซซ์ใหญ่หลาย ๆ ไซซ์ในครั้งเดียวครับ เช่นคนที่ตัวเล็ก แต่อยากมีหน้าอกใหญ่ หรือคนที่หน้าอกเล็กมาก เมื่อเทียบกับตัว เป็นต้น และถ้าเลือกทำกับแพทย์ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญ อาจทำให้เกิดปัญหาหน้าอกไม่เป็นทรงสวย เบี้ยว เห็นขอบชัด หรือนมแฝดก็เป็นได้
3.เสริมหน้าอกไฮบริด
เสริมหน้าอกไฮบริด จะเป็นการผสานระหว่างการฉีดไขมัน และการเสริมซิลิโคน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสวยตรงใจ สำหรับคนที่อยากให้หน้าอกใหญ่ขึ้น และมีความเป็นธรรมชาติ การเติมไขมันหน้าอกเข้าไปเพิ่ม จะช่วยกลบขอบซิลิโคนได้ อีกทั้งยังทำให้หน้าอกมีลักษณะเนียนเด้ง ฟูนุ่ม เหมือนหน้าอกจริง ทำให้มีความเป็นธรรมชาติมาก แต่วิธีนี้ก็จะใช้เวลาในการทำนานขึ้น เพราะหมอจะต้องดูดไขมันออกมา และเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนก่อน จึงจะสามารถฉีดไขมันหน้าอกได้
สำหรับใครที่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะเสริมหน้าอกแบบไหนดี ลองเข้ามาพูดคุย ปรึกษากับหมอก่อนได้นะครับ (ฟรีค่าปรึกษา) หมอยินดีให้คำแนะนำ และประเมินอย่างตรงจุดครับ ที่ Amara Clinic จะมีทั้งการเติมไขมันหน้าอก การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน และการเสริมหน้าอกไฮบริดเลยครับ ทำโดยอาจารย์แพทย์ด้านการดูดไขมันเติมไขมัน และศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ปลอดภัยทุกเคสแน่นอนครับ
ข้อดีของการฉีดไขมันหน้าอก
- ฉีดนมช่วยเพิ่มขนาดหน้าอกแบบธรรมชาติที่สุด
- เนินหน้าอกชิดขึ้น มีความเนียนเด้งสวย
- ช่วยแก้ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยได้
- ปลอดภัย ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าร่างกาย
- ไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ เหมือนเสริมซิลิโคน
- แผลเล็กเท่าหัวปากกา 1-2 มิลลิเมตรเท่านั้น
- เสียเลือดน้อยมาก ทำให้ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
- เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย ไม่มีเลือดค้างในหน้าอก
- หน้าอกใหญ่ขึ้น พร้อมกับลดส่วนเกินได้
- ถ้าไขมันติดแล้ว ก็จะเป็นหน้าอกเราเลย
เติมไขมันหน้าอกข้อเสียคือ
- ไม่สามารถทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นหลายคัพได้
- ปริมาณจะขึ้นกับฐานหน้าอกของคนไข้แต่ละคน
- ไขมันอาจยุบตัวลง 10-30% (หมอจะฉีดเผื่อไขมันยุบตัวอยู่แล้วครับ)
- ต้องใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ดูดไขมันออกมาเท่านั้น
- ไขมันที่นำมาเติมจะต้องเก็บในระบบปิด และผ่านการคัดกรองเท่านั้น
- หากมีการลดน้ำหนัก หน้าอกอาจมีขนาดเล็กลงได้ (เป็นปกติของร่างกาย แม้ไม่ได้ฉีดไขมันก็สามารถเกิดขึ้นได้)
ฉีดไขมันหน้าอก เติมไขมันนม ที่ AMARA ดีอย่างไร?
Amara Clinic เป็นศูนย์การสอนดูดไขมัน-เติมไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ ประจำประเทศไทย (Body-jet Education Center) นำโดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ ระดับอาจารย์แพทย์ คุณหมอไอซ์-คุณหมอมะปราง ที่เป็นอาจารย์สอนแพทย์ในการดูดไขมันพลังน้ำ และการฉีดไขมัน ประจำประเทศไทย การันตีด้วยรางวัล The Most body-jet Users (คลินิกที่นี่เคสดูดไขมันพลังน้ำ เยอะที่สุดในประเทศไทย) มั่นใจได้เลยว่าเติมไขมันหน้าอกที่ Amara Clinic เห็นผลแน่นอน (ดูข้อมูลเพิ่มเติม : ทีมแพทย์ Amara Clinic)
- ศูนย์ดูดไขมันพลังน้ำ และฉีดไขมันเฉพาะทาง
- ได้รับการรับรองจากบริษัทเครื่องมือชั้นนำ
- ทำโดยอาจารย์แพทย์สอนฉีดไขมัน
- แพทย์มากด้วยประสบการณ์ฉีดไขมัน
- มีรีวิวฉีดเติมไขมันหน้าอกเยอะที่สุดในไทย
- ทุกอย่างสูงกว่ามาตรฐาน และปลอดเชื้อ
- มีห้องผ่าตัดมาตรฐานโรงพยาบาล
- มีทีมวิสัญญีแพทย์และพยาบาล
- ราคาอยู่ในระดับเหมาะสม
- มี After Care หลังฉีดไขมันครบครัน
6 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนการเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง
เสริมหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง เป็นหัตถการที่ต้องเน้นย้ำด้านความปลอดเชื้อของไขมันเป็นที่สุด เพราะเราต้องฉีดไขมันกลับไปในร่างกาย หากไขมันไม่ได้อยู่ในระบบปลอดเชื้อ (เก็บในภาชนะสุญญากาศ) อาจจะทำให้ไขมันเจือปนกับเชื้อโรคได้ เมื่อฉีดเติมไขมันหน้าอกเข้าไปแล้ว ก็ส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ รวมไปถึงเซลล์ไขมันจะอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ และเสี่ยงติดเชื้อได้ ดังนั้น ถ้าเราสนใจเติมไขมันหน้าอกกับที่ไหน ควรเช็กข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจนะครับ โดย 6 สิ่งที่ต้องเช็กให้ดีก่อนเลือกคลินิกฉีดไขมันเสริมอก มีดังนี้
1. แพทย์ฉีดไขมันหน้าอก
แพทย์ที่ทำการดูดไขมันและเติมไขมันหน้าอกให้กับเรา จะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้ ต้องรู้ว่าควรฉีดไขมันนมหรือฉีดนมในผิวชั้นไหน ต้องใช้ขนาดของเซลล์ไขมันเท่าไหร่ และมีการวางเซลล์ไขมันอย่างไร เพื่อให้ไขมันติดทนนาน ออกมาสวยงาม และช่วยแก้ปัญหาที่คนไข้กังวลใจได้มากที่สุด นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบแพทย์ด้วยว่ามีใบประกอบวิชาชีพจริงหรือไม่ มีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด เพื่อความปลอดภัยของตัวเราด้วยครับ
2. เครื่องดูดไขมัน
การฉีดเติมไขมันหน้าอก จะต้องใช้ปริมาณไขมันหลายร้อย CC และไม่ใช่ว่าไขมันที่ดูดออกมาได้ทั้งหมด จะสามารถนำไปฉีดไขมัน
หน้าอกได้ทั้งหมด เพราะเซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกมา จะต้องไปผ่านกระบวนต่าง ๆ ก่อน จึงทำให้เซลล์ไขมันที่สามารถนำไปฉีดเติมไขมันหน้าอกได้จริง ๆ มีปริมาณน้อยกว่าที่เราดูดออกมาครับ ซึ่งการดูดไขมันในปริมาณมาก จะต้องใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet เท่านั้น ถ้าใช้เครื่องอื่น ๆ เช่น Vaser รับรองว่ายังไงก็ไม่ติดครับเพราะไขมันได้ตายไปแล้ว (อ่านเพิ่มเติม : เครื่องดูดไขมัน)
3. รีวิวฉีดไขมันหน้าอก
รีวิวฉีดเติมไขมันหน้าอก อาจมาพร้อมกับรีวิวดูดไขมันด้วยเช่นกัน รีวิวจะเป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่สามารถบ่งบอกประสบการณ์ และผลงานของแพทย์ได้ดี ยิ่งมีเคสรีวิวฉีดนมด้วยไขมันให้ดูเยอะ ก็แปลว่าเราไม่ใช่เคสลองมือของแพทย์แน่ ๆ และยังช่วยให้เรามั่นใจได้อีกด้วยว่า การทำกับแพทย์ท่านนี้ จะทำให้หน้าอกเราสวยแบบในรีวิว และมีความปลอดภัยแน่นอน (อ่านเพิ่มเติม : รีวิวฉีดไขมันหน้าอก)
4. มาตรฐานด้านความสะอาด
คลินิกฉีดไขมันที่รักษาความสะอาดเป็นอย่างดี มีการฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำ ย่อมทำให้เรารู้สึกดีและอุ่นใจ ที่จะเข้ารับบริการที่นี่อยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามความสะอาดของเครื่องมือและอุปกรณ์ด้วยนะครับ จำเป็นต้องมีการฆ่าเชื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทุกชิ้น ที่เกี่ยวข้องกับการทำหัตถการทั้งก่อนและหลังอย่างดีที่สุด
5. ห้องผ่าตัดต้องปลอดเชื้อ
เก็บไขมันอย่างปลอดเชื้อแล้ว ก็ควรจะทำให้ห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อด้วยเช่นกันลองเช็กและสอบถาม รวมไปถึงสังเกตด้วยตัวเองให้ดีว่า คลินิกฉีดไขมันที่กำลังสนใจอยู่มีการใช้ระบบกรองอากาศ เพื่อให้ภายในห้องผ่าตัดปลอดเชื้อจริง ๆ หรือไม่ โดยระบบที่ห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลใหญ่ ๆ มักจะใช้กันคือ ระบบกรองอากาศด้วยแผ่นกรองแบบสามชั้น HEPA ที่ช่วยกรองอากาศให้ปลอดเชื้อได้ถึง 99.99% นอกจากนี้ ภายในห้องผ่าตัดยังต้องมีระบบต่าง ๆ และเครื่องมือช่วยชีวิตฉุกเฉินอย่างครบครันด้วย (อ่านเพิ่มเติม : ห้องผ่าตัด)
6. วิสัญญีแพทย์วิชาชีพ
การดูดไขมันด้วยเครื่อง body-jet และการฉีดไขมันหน้าอก ไม่ได้ทำให้เกิดความเจ็บมาก จึงนิยมทำโดยวิธีฉีดยาชา แต่ในเคสที่ฉีดไขมันนมแบบวางยาสลบ แนะนำให้ตรวจสอบวิสัญญีแพทย์ด้วย เพราะผู้ที่จะให้ยาสลบเราแบบปลอดภัยได้ คือวิสัญญีแพทย์วิชาชีพเท่านั้น พยาบาลและแพทย์ผ่าตัดไม่สามารถทำได้ครับ เนื่องจาก มีบางคลินิกหลอกลวงว่ามีวิสัญญีแพทย์ แต่จริง ๆ แล้วไม่มี และมีการบวกราคาวางยาสลบถูกมาก กรณีแบบนี้ให้สงสัยและตรวจเช็กไว้ก่อน เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ (อ่านพิ่มเติม : ฉีดไขมันวางยาสลบ)
การเตรียมตัวก่อนเติมไขมันหน้าอก
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมิน และวางแผนการรักษา
- ตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) และตรวจอัลตร้าซาวด์ เพื่อดูความผิดปกติของหน้าอก
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- งดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- งดสูบบุหรี่ทุกชนิด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- งดยาและอาหารเสริมตามแพทย์สั่ง
- สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ ที่ใส่แล้วรู้สึกสบายตัว
- สวมเสื้อผ้าสีเข้ม เพราะหลังทำอาจมีน้ำซึมออกมาเปื้อนชุดได้
- ล้างสีเล็บและตัดเล็บให้สั้นอย่างน้อย 1 นิ้ว
- ไม่สวมเครื่องประดับทุกชนิดในวันผ่าตัด
- งดทาครีมหรือแต่งหน้า ในวันผ่าตัด
- แจ้งให้แพทย์หากมีฟันโยกภายในช่องปาก
- ห้ามขับรถกลับเอง ต้องมีเพื่อนหรือญาติมาด้วย
ขั้นตอนการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
ขั้นตอนฉีดไขมันหน้าอก จะประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ๆ คือการดูดไขมันออกมา การคัดแยกเซลล์ไขมัน และการฉีดไขมันเพื่อให้ผลลัพธ์หลังการฉีดไขมันหน้าอกออกมาดีที่สุด และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ทุกอย่างจะต้องทำตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ครับ
ขั้นตอนที่ 1 การดูดไขมัน
ขั้นตอนที่ 1 คือการดูดไขมันออกมา จากบริเวณที่มีปริมาณไขมันเยอะ หรือบริเวณที่คนไข้กังวลใจมากที่สุดครับ อาทิ ดูดไขมันหน้าท้อง, ดูดไขมันเอวเอส หรือดูดไขมันต้นขา เป็นต้น ซึ่งสามตำแหน่งนี้เป็นบริเวณที่มีการสะสมของไขมันค่อนข้างเยอะ และคนมักจะนิยมมาดูดไขมันออกไป การดูดไขมัน เพื่อนำมาฉีดไขมันหน้าอกหรือฉีดนมต่อ จะต้องใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet เท่านั้น เพราะเป็นเครื่องที่ทำให้เราได้เซลล์ไขมันที่มีคุณภาพที่สุด และเป็นเครื่องนี้เครื่องเดียวเท่านั้น
เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet
เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet เป็นเครื่องดูดไขมันที่สลายเซลล์ไขมันได้อ่อนโยนที่สุด และทำให้เซลล์ไขมันบาดเจ็บน้อยที่สุด มีความแตกต่างจากเครื่องดูดไขมันเครื่องอื่น ๆ ที่เครื่อง body-jet ใช้พลังงานน้ำฉีดพ่นเข้าไปแยกเซลล์ไขมันนั่นเอง ทำให้เลือดออกน้อย เซลล์ไขมันตายน้อย ได้ไขมันที่มีคุณภาพอีกเพียบ นอกจากนี้ ยังช่วยให้คนไข้รู้สึกเจ็บน้อย มีอาการบวมช้ำน้อย และหายไวที่สุด เมื่อเทียบกับการดูดไขมันด้วยเครื่องอื่น ๆ (ดูคลิป : body-jet เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ)
ขั้นตอนที่ 2 คัดแยกเซลล์ไขมัน
เซลล์ไขมันที่ได้มา จะมีทั้งเซลล์ไขมันที่ยังมีชีวิตอยู่ และเซลล์ไขมันที่ตายไปแล้วปะปนกันไป เพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่มีคุณภาพจริง ๆ เติมแล้วติดจริง ไม่ใช่ว่าดูดออกมาแล้วฉีดเข้าไปได้เลย หมอต้องเอาเซลล์ไขมันไปคัดแยกก่อน เพื่อเลือกเฉพาะเซลล์ไขมันที่ดีจริง ๆ มาก จากนั้นหมอก็จะเอาไขมันไปเข้ากระบวนการปั่นเซลล์ไขมัน เพื่อให้ไขมันมีขนาดเล็กลงตามที่หมอต้องการ (การฉีดในแต่ละบริเวณ จะใช้ขนาดของเซลล์ไขมันต่างกัน)
ขั้นตอนที่ 3 ฉีดไขมันหน้าอก
ที่ AMARA Clinic หมอจะใช้เทคนิคจากเกาหลี มีการวางเซลล์ไขมันในตำแหน่งที่เหมาะสม แก้ไขปัญหาหน้าอกอย่างตรงจุดในแต่ละเคส เช่นเคสที่หน้าอกหย่อนคล้อย หมอก็จะเน้นฉีดไขมันหน้าอกในตำแหน่งที่ช่วยเพิ่มความเต่งตึง ลดความหย่อนคล้อยได้ หรือในเคสที่ต้องการหน้าอกใหญ่ขึ้น หมอก็จะฉีดนมด้วยไขมันในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด เมื่อฉีดไขมันเสร็จแล้ว หมอก็จะแนะนำวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น และให้คนไข้นอนพักผ่อน ก่อนเดินทางกลับบ้านครับ
หลังฉีดไขมันหน้าอก มีอาการอย่างไร?
อาการที่เกิดขึ้นหลังฉีดไขมันจริง ๆ จะมีนิดเดียวเท่านั้นครับ คืออาการคัดเต้านม คล้าย ๆ กับตอนที่มีประจำเดือน รู้สึกแน่น ๆ ตึง ๆ เจ็บได้บ้างในช่วงแรก ๆ นอกจากนี้ก็จะเป็นอาการจากการที่เราดูดไขมันร่วมด้วยครับ เช่น อาการเวียนหัวคลื่นไส้หลังทำทันที (ดื่มน้ำมาก ๆ อาการจะดีขึ้น), มีน้ำไหลออกมาจากแผลดูดไขมันเยอะ (เป็นปกติครับ เพราะหมอใช้น้ำในการสลายไขมันเลยมีน้ำค้างอยู่ใต้ผิวได้บ้าง น้ำจะซึมออกจากแผลจนหมดภายใน 1-2 วันครับ) และจะมีอาการบวมช้ำ ฟกช้ำ เจ็บ ในบริเวณที่ดูดไขมัน
ฉีดไขมันหน้าอก ใช้ไขมันส่วนไหน?
ตอนที่คนไข้เข้ามาปรึกษา หมอจะสอบถามคนไข้ว่ามีความกังวลในส่วนไหนบ้าง และหมอจะประเมินว่าถ้าดูดไขมันจากตำแหน่งเดียว จะได้ปริมาณไขมันเยอะแค่ไหน เพียงพอสำหรับเอาไปฉีดไขมันหน้าอกรึเปล่า และคนไข้มีฐานหน้าอกใหญ่ขนาดไหน เพราะการฉีดไขมันที่หน้าอก จะฉีดเข้าไปได้เท่าที่ฐานคนไข้สามารถรองรับได้เท่านั้น เคสคุณแม่หลักคลอดจึงสามารถฉีดนมด้วยไขมันได้มากกว่า เคสที่ยังไม่มีลูก เพราะฐานหน้าอกยังไม่ขยายตัว
ตำแหน่งที่นิยมดูดไขมัน
- ดูดไขมันหน้าท้อง
- ดูดไขมันเอวเอส
- ดูดไขมันต้นขาด้านใน
- ดูดไขมันต้นขาด้านนอก
ถ้าไขมันจากตำแหน่งเดียวไม่พอ หมอก็จะพิจารณาสัดส่วนอื่นเพิ่มเติม และแจ้งคนไข้ว่าต้องดูดไขมันจากส่วนอื่นด้วย ไขมันจึงจะเพียงพอต่อการนำไปฉีดเติม เมื่อตกลงและวางแผนเสร็จแล้ว หมอก็จะให้คนไข้ไปเตรียมร่างกายให้พร้อมและมาพบกันอีกครั้งในวันผ่าตัด
การดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันเสริมอก
การดูแลตัวเองในช่วง 1 เดือนแรก หลังฉีดไขมันหน้าอก ต้องดูแลตัวเองให้ดีเป็นพิเศษนะครับ เพราะไขมันที่ฉีดเข้าไปจะติดมากติดน้อย สลายไปเยอะแค่ไหน เหลืออยู่เยอะแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้ด้วย นอกจากนี้ การกินอาหารที่หมอห้าม ยังทำให้แผลเสี่ยงติดเชื้อได้ด้วยนะครับ (อ่านเพิ่มเติม : วิธีดูแลตัวเองหลังเติมไขมัน)
- ทำความสะอาดแผลทุกวัน จนกว่าจะตัดไหม
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า และนอนตะแคง
- งดบีบจับหน้าอก และป้องกันไม่ให้หน้าอกโดนแรงกระแทก
- ให้ใช้ซิลิโคนแปะหัวนม แทนการสวมบรา ในช่วง 1-3 วันแรก
- ไม่ใส่ชุดชั้นใน หรือเสื้อที่รัดช่วงอก (อาจทำให้ไขมันตายได้)
- หลังตัดไหม สามารถอาบน้ำและทาครีมได้ตามปกติ
- ช่วงที่ยังไม่ตัดไหมแผลดูดไขมัน งดให้แผลโดนน้ำ
- งดอาหารมักดอง อาหารไม่สุก อาหารทะเล อาหารแสลง
- ห้ามออกกำลังกาย และลดน้ำหนัก เพราะไขมันจะหายไปได้
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลต่อการติดของไขมัน
- หลีกเลี่ยงไม่ให้หน้าอกอยู่ในที่ ๆ มีอุณหภูมิร้อนจัด หรือเย็นจัด
ฉีดไขมันหน้าอก ต้องนวดนมไหม?
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน จะมีการนวดนมเพราะป้องกันพังผืดหดรัด และทำให้นมแข็งครับ หลังทำห้ามบีบนวดหรือขย้ำหน้าอกเด็ดขาด! เพราะไขมันที่ยังปลูกถ่ายไม่สำเร็จอาจจะตายได้ ดังนั้นในช่วง 1 เดือนแรก ที่รอให้เซลล์ไขมันติดเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรา ต้องป้องกันไม่ให้หน้าอกของเราได้รับการกระทบกระเทือนนะครับ โดยเฉพาะการนอนต้องระวังให้มาก ห้ามนอนคว่ำหรือนอนตะแคง แนะนำให้นอนหงายไปก่อนนะครับ
ฉีดไขมันหน้าอกอยู่ได้นานไหม?
การฉีดไขมันหน้าอก ฉีดนม จะมีระยะเวลาในการปลูกถ่ายเซลล์ไขมันประมาณ 1 เดือน ในระหว่างนี้ไขมันอาจจะยุบลงไปได้บ้าง ประมาณ 10-30% โดยจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเราด้วย หลังจาก 1 เดือนแล้ว ไขมันที่ปลูกถ่ายสำเร็จแล้ว ติดแล้ว ก็จะอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต กลายเป็นเต้านมปกติของเราเลย ทั้งนี้ หมอก็จะมีการฉีดเผื่อไว้สำหรับหน้าอกจะยุบตัวอยู่แล้วนะครับ ไม่ต้องกังวล และสำหรับเคสที่อยากให้หน้าอกใหญ่ขึ้นอีกเรื่อย ๆ ก็สามารถเข้ามาฉีดซ้ำได้ครับ
ทำไมบางคนฉีดไขมันหน้าอกไม่ติด?
ในแต่ละบุคคลจะมีคุณภาพของเซลล์ไขมัน และพฤติกรรมการใช้ชีวิตแตกต่างกันครับ ถ้าให้พูดจากปัจจัยในฝั่งของคลินิก คือการเอาเซลล์ไขมันที่ไม่มีคุณภาพ หรือดูดจากเครื่องพลังความร้อนมาฉีดเข้าไปครับ และการดูแลตัวเองในช่วงหนึ่งเดือนแรกหลังฉีดนม ตามที่หมอได้แนะนำไปก็สำคัญมากครับ ที่สำคัญคือการที่เราออกกำลังกายลดน้ำหนัก หรือทำอะไรเพื่อให้เกิดการเผาผลาญของร่างกาย แน่นอนว่าไขมันบริเวณหน้าอกที่เราฉีดเข้าไป มีสิทธิ์ที่จะสลายไป เช่นเดียวกับไขมันในตำแหน่งอื่น ๆ ของร่างกายเหมือนกันครับ
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง มีแผลตรงไหนบ้าง?
แผลฉีดไขมันหน้าอกที่อยู่ใต้ฐานหน้าอก เล็ก ๆ เท่าหัวปากกา มีสองจุดใต้เต้านมทั้งสองข้าง และแผลจากการดูดไขมันออกมา ซึ่งแผลดูดไขมันจะมีขนาดประมาณ 3-4 มิลลิเมตร และมีจำนวนที่ขึ้นอยู่กับว่าเราดูดไขมันจากตรงไหนออกมานะครับ
เคสคนไข้ของหมอหมอดูแลเรื่องแผลเต็มที่ ไม่มีทิ้งรอยแผลเป็นไว้แน่นอนครับ หมอมีทั้ง Pico Laser สำหรัลเลเซอร์รอยดำ, IPL Laser เลเซอร์ลดรอยแดง, ฉีดลดคีย์ลอยด์ รวมไปถึงมีเจ้าหน้าที่คอยทำความสะอาดแผล และตัดไหมให้ทุกวันครับ
ฉีดไขมันหน้าอกได้เยอะไหม? กี่ซีซี?
ฉีดเติมไขมันหน้าอกจะไม่ได้ทำให้หน้าอกของเราใหญ่ขึ้นมากนะครับ หมอจะดูว่าฐานหน้าอกของคนไข้มีขนาดเท่าไหร่ก่อน จึงจะไปคำนวนปริมาณไขมันที่สามารถฉีดเข้าไปได้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะฉีดไขมันหน้าอกประมาณ 200-300 ซีซี ต่อข้างครับ เคสคุณแม่ที่มีการให้นมลูกแล้ว จะสามารถฉีดหน้าอกได้เยอะกว่า เพราะมีการขยายตัวของฐานหน้าอกมาแล้วครับ ส่วนเคสที่ยังไม่มีลูก อาจจะฉีดหน้าอกได้น้อยกว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละเคสครับ ลองเข้ามาให้หมอประเมินได้นะครับ (แอดไลน์ : @amaraclinic)
เติมไขมันหน้าอกอันตรายไหม?
ฉีดไขมันหน้าอกอันตรายไหม? หมอขอตอบเลยว่าไม่อันตรายครับ ถ้าคนไข้เลือกฉีดหน้าอกกับคลินิกที่ได้มาตรฐานจริง ๆ การฉีดนมด้วยไขมัน หมอจะใช้แค่ไขมันของคนไข้ฉีดเข้าไปที่หน้าอกเท่านั้น ไม่ได้ใส่สารแปลกปลอมอื่น ๆ ของร่างกายเข้าไป ถ้าใช้ไขมันของตัวคนไข้เอง ที่มีอยู่เดิมในร่างกาย หมอรับรองว่าไม่เกิดการแพ้ใด ๆ แน่นอนครับ และเป็นเหตุผลว่าทำไม เราถึงไม่สามารถเอาไขมันจากคนอื่นมากเติมเต็มได้ เพราะร่างกายของเราจะถือว่าไขมันดังกล่าว เป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย และจะทำให้เราเกิดอาการแพ้ หรือติดเชื้อขึ้นมาได้ครับ
ในสมัยก่อนอาจจะมีเคสฉีดไขมันหน้าอก ฉีดนมแล้วเสียชีวิต แต่ในปัจจุบันแทบไม่มีแล้วนะครับ ถ้าคลินิกมีการฆ่าเชื้อ ใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง และมีวิสัญญีแพทย์ ก็ไม่มีความอันตรายใด ๆ เลยครับ แต่ในสมัยก่อนที่อันตรายมาก เพราะมีความล้าสมัยในเรื่องของเครื่องดูดไขมัน, วิธีการเก็บไขมัน, เทคนิคดูดไขมัน, เทคนิคฉีดไขมัน, ไม่มีการใช้ Tumescent และไม่มีการให้ยาระงับความเจ็บ แบบในปัจจุบันครับ
ฉีดไขมันหน้าอก ราคาเท่าไหร่?
ฉีดหน้าอก ฉีดนมที่ Amara Clinic จะเริ่มต้นที่ 49,900 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวจะแปรผันไปตามสัดส่วน และจำนวนตำแหน่งในการดูดไขมันของแต่ละเคส โดยจะคิดเป็นราคาดูดไขมันพลังน้ำ body-jet เริ่มต้นที่ตำแหน่งละ 39,900 บาท (ถ้าคนไข้มีปริมาณไขมันเยอะ เป็นคนไซซ์ใหญ่ ราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามไซซ์) และราคาฉีดไขมันหน้าอก บวกเพิ่มจากราคาดูดไขมัน 10,000 บาท สอบถามโปรโมชั่นฉีดไขมันหน้าอกได้ที่ LINE : @amaraclinic
ราคาฉีดไขมันหน้าอก ล่าสุด
เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet | ราคาเริ่มต้น |
ดูดไขมันหน้าท้อง ราคา | 39,900 บาท |
ดูดไขมันเอวเอส ราคา | 39,900 บาท |
ดูดไขมันต้นขาด้านใน ราคา | 39,900 บาท |
ดูดไขมันต้นขาด้านนอก ราคา | 39,900 บาท |
ฉีดไขมันหน้าอก ราคา | +10,000 บาท |
หากต้องการฉีดไขมันหน้าอกกับคลินิกอื่น ๆ แนะนำให้ลองศึกษาข้อมูล และสอบถามราคาให้ดีว่า ราคานี้รวมค่าอะไรบ้าง? ต้องจ่ายอะไรเพิ่มบ้าง? เพราะมีหลายคลินิกที่ใช้ราคาถูกล่อลวงลูกค้า เมื่อเข้าไปแล้วต้องจ่ายค่าบริการอื่น ๆ อีกมากมาย ราคาไม่ตรงปก อีกทั้งยังไม่มีมาตรฐานอีกด้วย
ฉีดไขมันหน้าอกที่ไหนดี?
อันดับแรกเลยไม่ควรเลือกคลินิกดูดไขมัน หรือคลินิกฉีดไขมันที่ราคาเป็นหลัก หมอเข้าใจนะครับว่าหลาย ๆ คน อยากฉีดไขมันหน้าอกด้วยราคาที่ดีที่สุด ถูกที่สุด แต่ราคาที่ดีก็ควรจะมาควบคู่กับมาตรฐาน และผลลัพธ์ที่ดีครับ ถ้าราคาถูก แต่ทำให้หน้าอกเราเสียหาย ติดเชื้อ นมพัง แบบนี้ไม่ได้เลยนะครับ ควรพิจารณาจากหัวข้อต่าง ๆ ที่หมอได้พูดไป ในหัวข้อ “สิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีดไขมัน” แนะนำให้เข้าไปปรึกษา เพื่อดูความน่าเชื่อถือของแพทย์ และการบริการของเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมครับ
ทำไมต้องฉีดไขมันหน้าอก ที่ Amara Clinic
“หมอเป็นเจ้าของ Amara Clinic ครับ ไม่ใช่นักธุรกิจที่จ้างแพทย์มาดูดไขมันหรือฉีดไขมันหน้าอก ดังนั้นหมอจึงเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับคนไข้ของหมอทุกเคสอยู่แล้วครับ หมอลงทุนเต็มที่ เลือกใช้แต่เครื่องมือที่มีความทันสมัย เทคโนโลยีใหม่เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับร้องด้านผลลัพธ์และความปลอดภัยครับ และเราจะไม่ยอมลดมาตรฐานทุกอย่างลงแน่นอน” — หมอไอซ์ —
Amara Clinic ศูนย์ดูดไขมัน ฉีดไขมัน ปรับรูปร่าง กระชับสัดส่วนเฉพาะทาง นำโดยคุณหมอไอซ์ และคุณหมอมะปราง ที่เป็น KOL อาจารย์แพทย์ด้านการดูดไขมันเติมไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ประจำประเทศไทย ซึ่งทีมแพทย์ Amara Clinic จบหลักสูตรการฉีดไขมันระดับสูงจากประเทศเกาหลี มีความละเอียดประณีตสูง และมีเทคนิคฉีดไขมันหน้าอกแบบเฉพาะตัวอีกด้วย
Amara Clinic ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ เว็บไซต์ และบริษัทต่าง ๆ มากมาย เราเป็น Body-jet Education Center หรือศูนย์การสอนดูดไขมัน-เติมไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ที่ไม่ว่าคลินิกดูดไขมันที่ไหนก็ตาม ที่ต้องการใช้เครื่อง body-jet ในการดูดไขมันหรือฉีดไขมัน จะต้องมีการเรียนรู้กับเราเท่านั้น
ความพิเศษของ Amara Clinic
- รับประกันผลงาน การันตีผลลัพธ์
- เน้นความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- แพทย์ออกแบบรูปร่างเฉพาะบุคคล
- แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางโดยตรง
- แพทย์ติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
- ห้องผ่าตัดมาตรฐานโรงพยาบาล
- ฆ่าเชื้อเครื่องมืออย่างดีที่สุด
- เครื่องมือทันสมัยมากที่สุด
- มีบริการ After Care ครับครัน
- มีทีมวิสัญญีแพทย์และพยาบาล
- มีรีวิวฉีดไขมันหน้าอกเยอะที่สุดในไทย
รีวิวฉีดไขมันหน้าอก ที่ AMARA Clinic
แชร์ประสบการณ์ฉีดไขมันหน้าอก เสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ เต่งตึง รูปทรงสวย ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
ต้องการปรึกษาแพทย์ฟรี!
SCan OR Code เพื่อแอดไลน์ หรือ
สาขา รัชโยธิน กด 1
สาขา ราชพฤกษ์ กด 2
สรุปเรื่องฉีดไขมันหน้าอก
หวังว่าบทความนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจเลือกฉีดไขมันหน้าอก และคลายข้อสงสัยในเรื่องต่าง ๆ เช่น เติมไขมันหน้าอกดีไหม? ฉีดนมราคาเท่าไหร่? เสริมหน้าอกด้วยไขมันตนเองควรทำที่ไหนดี? หรือฉีดแล้วอยู่ได้นานไหม? ให้กับหลาย ๆ คนได้นะครับ ใครที่อยากรู้ว่าเราเหมาะกับการเติมไขมันหน้าอกรึเปล่า หรือจะเสริมหน้าอกซิลิโคนเลยดี ลองเข้ามาปรึกษาหมอก่อนได้นะครับ หมอยินดีให้คำปรึกษาฟรีทุกเคสครับ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย : https://lin.ee/801MUsB
ติดต่อเบอร์โทร :
062-789-1999⇒ สาขา รัชโยธิน กด 1
⇒ สาขา ราชพฤกษ์ กด 2
นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)
KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet