ปัจจุบันนี้ เข้า Social ทีไร เราก็มักจะเจอกับภาพคนสวยคนหล่อที่มีหุ่นดี ๆ เอวคอด ตัวเพรียวบาง ดูมีความมั่นใจอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้ใครหลาย ๆ คนอยากจะมีแบบนั้นบ้าง ซึ่งรูปร่างของเรา สัดส่วนของเรา หรือหุ่นของเราเอง อาจจะไม่ได้ดีหรือสวยงามในแบบฉบับของเราต้องการ ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยครับว่าทำไมคนถึงหาวิธีลดน้ำหนักกันเยอะ และทำให้บรรดายาลดความอ้วนหรือยาลดน้ำหนักเร่งด่วนนี้ ขายดีในทุก ๆ ช่วง ถึงขั้นมีสูตรยาลดความอ้วนเร่งด่วน 1 อาทิตย์ออกมาขาย
วันนี้หมอจะมาอธิบายข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งความสมควรและความอันตรายของยาลดน้ำหนักเร่งด่วนให้อ่านกันครับ รวมไปถึงวิธีในการลดน้ำหนักและลดสัดส่วนวิธีอื่น ๆ ที่ดีกว่าการใช้ยาลดน้ำหนักด้วย – หมอไอซ์ Amara Clinic (KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน)
ยาลดน้ำหนักคืออะไร?
ยาลดน้ำหนัก ยาลดความอ้วน หรือยาผอม คือตัวยาที่ประกอบไปด้วยสารที่มีผลทางเภสัชวิยา เพื่อใช้ในการทำให้ร่างกายมีความอยากอาหารน้อยลง ดูดซึมพลังงานน้อยลง กระตุ้นการเผาผลาญ ขับปัสสาสะ หรืออะไรก็ตามแต่ ที่ทำให้น้ำหนักของเราลดลงในที่สุด ส่งผลให้ร่างกายที่เคยอวบอ้วนนั้นเล็กลง ผอมลง ซึ่งในสมัยนี้ก็มียาลดน้ำหนักเร่งด่วนจำหน่ายอย่างแพร่หลาย มียี่ห้อให้เลือกมากมาย อีกทั้งยังมีหลายรูปแบบอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ด, ผงชง, ไฟเบอร์, ผงโรยข้าว, น้ำดื่ม หรือแม้แต่แคปซูลเองก็มีเช่นเดียวกัน รวมไปถึงบางรายยังเคลมด้วยว่าเป็นยาลดความอ้วนเร่งด่วน 1 อาทิตย์
เวลาที่เราอยากจะซื้อยาลดน้ำหนักเร่งด่วนสักตัวนึง เราก็จะมีการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตก่อนใช่ไหมครับว่ายาลดน้ำหนักยี่ห้อไหนดี? ยาลดความอ้วนยี่ห้อไหนลดจริงไม่โยโย่? แล้วมันก็จะขึ้นยาลดน้ำหนักมาให้เลือกเพียบเลย แต่หมออยากจะเตือนว่ายาลดน้ำหนักเร่งด่วนที่ขายอยู่ตามอินเทอร์เน็ต ที่หาซื้อได้ง่ายและมีราคาถูกนั้น อาจจะไม่ได้มาตรฐานอย่างที่คิด บางตัวมีการใช้สารอันตรายร่วมด้วย บ้างก็ทานแล้วไม่เห็นผล หรือทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเลยก็ย่อมได้
เพราะยาลดน้ำหนักเร่งด่วนบางยี่ห้อ แจ้งว่ามีอย. จริง ทำให้ลูกค้ามองว่าปลอดภัย แต่จริง ๆ แล้วไม่เคยยื่นจดแจ้งเลขอย. ใช้เลขอย. ปลอมที่กำหนดขึ้นมาเอง หรือสวมเลขอย. ของคนอื่น แบบนี้ก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ นะครับ อย่างไรก็ตามเรามาดูกันดีกว่าครับ ว่าสิ่งที่อยู่ในยาลดน้ำหนักเร่งด่วนมันมีอะไรบ้าง? ออกฤทธิ์อย่างไร? และทำให้น้ำหนักลดลงได้อย่างไร?
1.กระตุ้นประสาท ทำให้เยื่ออาหาร
ยาลดน้ำหนักเร่งด่วนประเภทแรกจะออกฤทธิ์กับประสาท (ไซบูทามีนที่คล้ายคลึงกับแอมเฟตามีนในยาบ้า) กระตุ้นประสาทให้เกิดอาการเบื่ออาการ ไม่อยากทานอาหาร ไม่กินข้าวก็สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เมื่อเราไม่ได้รับสารอาหารเข้าไปในร่างกาย แต่เราออกแรงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ร่างกายไม่ได้มีการสะสมของไขมันเพิ่ม ส่งผลให้ไขมันในร่างกาย น้ำหนัก รวมไปถึงมวลกล้ามเนื้อมันลดลงด้วย ผลลัพธ์จึงได้ความผอมมาอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่ใช้ยาลดน้ำหนักประเภทนี้ มักจะมีอาการใจสั่น คอแห้ง นอนหลับยาก ขับถ่ายผิดปกติ หัวใจเต้นผิดปกติ อารมณ์แปรปวน หรือเมื่อรับประทานยาลดความอ้วนชนิดนี้ติดต่อกันไประยะหนึ่งแล้ว อาจทำให้เกิดภาพหลอนได้ นอกจากนี้ จะพบได้ว่าฉี่ของเราเป็นสีม่วงอีกด้วย
2.หยุดการย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล
ยาลดน้ำหนักเร่งด่วนประเภทนี้ จะเข้าไปหยุดการทำงานของเอนไซน์ที่ทำหน้าท้องย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล เพื่อใช้เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำตาล ก็จะไม่มีพลังงานใหม่มาเผาผลาญในวันนั้น ๆ ร่างกายก็จะต้องไปดึงเอาพลังงานสะสมหรือไขมันส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ มาใช้งานแทน ด้วยเหตุนี้เองไขมันและน้ำหนักจึงลดลง
3.ขับน้ำ-ขับปัสสาวะออกจากร่างกาย
น้ำเป็นอย่างหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเราบวมขึ้น และทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้น้ำหนักที่เกิดจากการสะสมของน้ำในร่างกายลดลง จึงมียาลดน้ำหนักเร่งด่วนที่ใช้สารขับปัสสาวะเป็นส่วนประกอบ ทำให้ผู้ที่ทานเข้าไปมีอาการปวดปัสสาวะบ่อย น้ำหนักก็จะลดลงตามไปด้วย แต่! เห็นผลระยะสั้นมาก ๆ หากเราดื่มน้ำเข้าไปเพิ่มตามปกติ น้ำหนักก็จะกลับขึ้นมาเหมือนเดิมได้ อกีทั้งไขมันส่วนเกินก็จะไม่ลดลงด้วย
4.เร่งการเผาผลาญให้สูงขึ้น
ยาลดน้ำหนักเร่งด่วนประเภทนี้พบได้ค่อนข้างเยอะ มักจะประกอบไปด้วยสารที่ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาท และยาฮอร์โมนไทรอยด์ ที่เป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่ในการเร่งอัตราการเผาผลาญในร่างกายอยู่ ในระหว่างที่ใช้ยาลดน้ำหนักประเภทนี้ อาจมีอาการหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติหรือเต้นผิดจังหวะได้ หากรุนแรงมาก ๆ ก็จะมีอาการชักเกร็งได้
อันตรายจากยาลดน้ำหนักเร่งด่วน
- คลื่นไส้อาเจียน ร่างกายอ่อนแรง
- ปากแห้ง ดื่มน้ำเท่าไหร่ก็ไม่หาย
- ลิ้นเปลี่ยนรสชาติ มีรสโลหะหรือเหล็ก
- ท้องเสีย ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
- ความดันโลหิตสูง ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- นอนไม่ค่อยหลับ มีอาการวิตกกังวล
- มีอาการคล้ายเป็นตะคริวที่หน้าท้อง
- ปวดหัวมาก หน้ามืดบ่อย มีอาการเมา
- รู้สึกปวดเมื่อยตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย
เช็คเลย! ยาลดน้ำหนักเร่งด่วนแบบไหนปลอดภัย?
ยาลดน้ำหนักเร่งด่วน หรือยาลดความอ้วนในปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าจะอันตรายทั้งหมดนะครับ เราต้องเลือกให้เป็นและเช็คให้ดีว่ายาลดน้ำหนักเร่งด่วนที่ปลอดภัย จะมีลักษณะแบบไหนกันแน่? เรามาดูสิ่งที่ต้องเช็คเบื้องต้นกันดีกว่า ถ้าเกิดเข้าข่ายข้อต่าง ๆ เหล่านี้ แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรเพิ่มเติม ปรึกษาแพทย์ หรือหารีวิวจากผู้ใช้ยาจริงเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ระวังการรีวิวแบบหน้าม้าด้วยนะครับ
- ตัวยาผ่านการรับรองจากอย. จริง ซึ่งเราจะตรงนำเลขมาเช็คด้วยว่าตรงกับชื่อผลิตภัณฑ์หรือไม่
- ส่วนประกอบปลอดภัย เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของสารอันตราย หรือสารที่ทำให้เราเกิดอาการแพ้
- ราคาเหมาะสม อยู่ในระดับปานกลาง-สูง ไม่ได้มีราคาถูกว่าผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนักเร่งด่วนยี่ห้ออื่นมากเกินไป ในปริมาณเท่า ๆ กัน
- มีการแจ้งสรรคุณหรือผลลัพธ์ที่จะได้อย่างชัดเจน โดยไม่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น ผอมใน 7 วัน, หรือน้ำหนักลด 10 กิโลกรัมภายใน 2 สัปดาห์ หรือสามารถใช้ในการรักษาโรคได้ เป็นต้น
แนะนำวิธีลดน้ำหนักด้วยตัวเอง ฉบับไร้เสี่ยง
สำหรับคนที่รู้สึกว่ายาลดน้ำหนักเร่งด่วนมันมีความเสี่ยงมากเกินไป ไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยง หรือกังวลว่าจะมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงเกิดขึ้นได้ หมอก็มีวิธีลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ ที่ไม่ต้องพึ่งพายาลดน้ำหนักมาฝากกันครับ อย่างที่บอกไปว่าความอ้วน ไขมันส่วนเกิน และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเราเอง ดังนั้น วิธีลดน้ำหนัก จึงเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซะเป็นส่วนใหญ่ครับ
1.ดื่มน้ำเปล่าก่อนทานอาหาร
การดื่มน้ำเปล่าเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ ทั้งทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น แถมยังช่วยให้อยู่ท้อง ลดปริมาณอาหารที่จะกินลงได้ด้วย ถ้าไม่อยากทานอาหารเยอะเกินไป ลองดื่มน้ำเปล่าสัก 1-2 แก้ว ก่อนทานอาหารดูครับ แล้วจะพบว่าคุณรู้สึกอยากอาหารน้อยลง และสามารถทานอาหารได้ในปริมาณที่น้อยลง
2.ลดของมัน ของทอด
ของมันและของทอดเป็นแหล่งรวมความอ้วนชั้นดี มีไขมันทรานส์ที่ไม่ดีต่อร่างกายเยอะมาก ยิ่งกินเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ร่างกายของเราได้รับไขมันส่วนเกินมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะบรรดาอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย นอกจากนี้ ตามร้านขายอาหารเหล่านี้ มักจะมีการใช้น้ำมันเดิมกลับมาทอดซ้ำด้วย จึงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิต โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคมะเร็งได้นั่นเอง
3.ลดน้ำหวานและของหวาน
น้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่แม่ค้าพ่อค้าเลือกใช้กันเยอะมาก ทั้งในอาหาร ขนม และเครื่องดื่มเลย ทำให้ร่างกายของเราแทบจะได้รับน้ำตาลทุกมื้อเลยล่ะครับ การกินน้ำตาลหรือของหวานในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยลดอาการหน้ามืด น้ำตาลต่ำได้ แต่ไม่ควรกินมากเกินไป เพราะน้ำตาลคือพลังงานชนิดหนึ่ง ที่ถ้ามีมากเกินไป เผาผลาญออกไม่ทัน มันก็จะกลายเป็นพลังงานส่วนเกินหรือไขมันส่วนเกินที่ทำให้เราอ้วนขึ้นนั่นเอง
4.เข้านอนไวและนอนให้เต็มอิ่ม
การนอนเร็วและนอนอย่างเต็มอิ่ม จะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน Leptin ออกมามากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะลดความอยากอาหารหรือความหิวของเราลง ร่วมไปถึงกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในระหว่างที่เรานอนหลับอยู่ด้วย ดังนั้น เราจึงไม่มีอาการหิวตอนดึก หาอะไรทานตอนดึก และไม่อ้วนขึ้นนั่นเอง เนื่องจากตอนกลางคืน เป็นช่วงที่เรามีการขยับร่างกายน้อย เมื่อเรากินอาหารเข้าไปมันจะไม่ถูกเผาผลาญออก และจะสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้น้ำหนักเราขึ้นแบบไม่รู้ตัวเลยล่ะครับ
5.กินครบทุกมื้อและเคี้ยวให้ละเอียด
บางคนอาจจะคิดว่าถ้าเราไม่กินอาหารเลยสักมื้อ คงจะช่วยลดน้ำหนักและลดความอ้วนได้ ซึ่งจริงอยู่ที่มันจะช่วยลดได้ แต่มันเห็นผลแค่ช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั่นจะเกิดภาวะโยโย่ หรือน้ำหนักตัวพุ่งกลับมาเท่าเดิมหรือสูงกว่าเดิมได้ เราควรกินอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ทานครบ 3 มื้อต่อวัน ในระหว่างวันหรือตอนกลางคืนเราก็จะไม่อยากทานของหวาน หรือทานจุกจิกเพิ่มแล้ว
Amara Pen แค่จิ้มน้ำหนักก็หาย ดูแลโดยแพทย์
มีจริงเหรอ? แค่จิ้มที่หน้าท้องทุกวัน วันละ 1 ครั้ง น้ำหนักก็ลดแล้ว? มีจริงครับ ตัวนี้เป็นยาลดน้ำหนักในรูปแบบของปากกา ที่หลาย ๆ คนคุ้นหูกันว่าปากกาลดน้ำหนักนั่นเอง ปากกาลดน้ำหนักหรือ Amara Pen ตัวนี้ ไม่ใช่ปากกาที่ใช้สำหรับการรักษาเบาหวานนะครับ เป็นคนละตัวกัน Amara Pen ผ่านการรับรองจากอย. ในแง่ของการลดน้ำหนัก ซึ่งจะต้องจ่ายยาโดยแพทย์เท่านั้น โดยในแต่ละสัปดาห์แพทย์จะต้องปรับยาให้เข้ากับคนไข้แต่ละคนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาน้อยที่สุด ทั้งนี้ หากซื้อกับแม่ค้ารับหิ้วจากต่างประเทศหรือซื้อออนไลน์ อาจจะไม่ปลอดภัย และทำให้เกิดอันตรายด้วย
Amara Pen เป็นการใช้ตัวยา GLP-1 Analogue ที่ถูกสร้างขึ้นมาเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ในร่างกาย แต่มีการออกฤทธิ์ที่นานกว่า เช่น จากเดิมที่ฮอร์โมน GLP-1 ตามธรรมชาติ ออกฤทธิ์ 2-3 นาที และทำให้เรารู้สึกอิ่มประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง แต่ GLP-1 Analogue จะทำให้เราอิ่มนานขึ้นว่านั้น เป็นต้น โดยส่วนใหญ่เรามักจะพบว่า GLP-1 ในร่างกายของคนอ้วนทำงานผิดปกติ จึงทำให้อิ่มไม่นาน หิวบ่อย และกินเยอะนั่นเอง
ข้อดีของการลดน้ำหนักด้วย Amara Pen
- น้ำหนักลดลงอย่างปลอดภัย ไม่โยโย่
- ลดไขมันทั่วร่างกาย ลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยปรับพฤติกรรมการกินอาหารอย่างยั่งยืน
- ไม่มีอาการใจสั่น หงุดหงิด หรือนอนไม่หลับ
- ช่วยลดขนาดของรอบเอว (Waist-to-hip Ratio)
ข้อเสียของการลดน้ำหนักด้วย Amara Pen
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับยาลดน้ำหนักทั่วไป
- ต้องติดตามผลการรักษากับแพทย์เป็นประจำทุกสัปดาห์
- อาจมีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียน ท้องเสีย หรือท้องอืดร่วมด้วย
- ไม่สามารถลดไขมันเฉพาะส่วน หรือเลือกตำแหน่งที่ต้องการได้
- อาจจะอันตรายได้ หากไม่ได้รับยาจากแพทย์โดยตรง
ดูดไขมัน อีกหนึ่งทางเลือกของคนอยากลดส่วนเกิน
อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากลดสัดส่วน อยากปรับรูปร่าง อยากให้ไซซ์เสื้อผ้าเล็กลง หรืออยากกำจัดไขมันส่วนเกินออกไป โดยที่ไม่ได้เคร่งเรื่องของน้ำหนักมากนัก ขอแนะนำเป็นการดูดไขมัน (Liposuction) เลยครับ การดูดไขมันจะเป็นการสลายและดูดเอาเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังออกมา ทำให้สัดส่วนมีขนาดเล็กลงตามที่ต้องการ เนื่องจากเซลล์ไขมันมีมวลที่เบามาก ดังนั้น หลังจากที่ดูดไขมันออกไปแล้ว น้ำหนักจึงไม่ลดลงหรือลดลงน้อยมาก ๆ
ข้อดีและผลลัพธ์ของการดูดไขมัน
- สัดส่วนเล็กลงทันที ทำให้ไซซ์เสื้อผ้าเล็กลง
- ใช้ระยะเวลาในการดูดไขมันไม่นาน (2-3 ชั่วโมง)
- เห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ในระยะเวลาสั้น ๆ
- มีแผลดูดไขมันขนาดเล็กเพียง 2-3 มิลลิเมตร/จุด
- ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อย เจ็บระบมไม่นาน
- สามารถเหลาปรับทรงหุ่นได้ (Six Pack, Sexy Line)
- ปั้นหุ่นและสัดส่วนในแบบที่คนไข้แต่ละคนต้องการได้
- ในปัจจุบันการดูดไขมันส่วนเกินมีความปลอดภัยสูงมาก
ดูดไขมันส่วนไหนได้บ้าง?
การดูดไขมันสามารถลดขนาดสัดส่วนได้หลาย ๆ ตำแหน่ง ครอบคลุมเกือบทั้งร่างกายเลยก็ว่าได้ ซึ่งจะต้องเป็นเฉพาะบริเวณที่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเท่านั้น เช่น ดูดไขมันเหนียง, ดูดไขมันต้นแขน, ดูดไขมันหนอกหลังคอ, ดูดไขมันแผ่นหลัง, ดูดไขมันนมน้อย, ดูดไขมันหน้าท้อง, ดูดไขมันรอบเอว, ดูดไขมันต้นขา หรือดูดไขมันสะโพก เป็นต้น ไม่ว่าคุณจะมีความกังวลใจตรงส่วนไหนของร่างกาย ให้ลองใช้มือของเราบีบเนื้อตรงนั้นขึ้นมา ถ้าบีบแล้วได้ชั้นหนา ๆ แปลว่าคุณมีปริมาณไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะ และสามารถกำจัดได้ด้วยการดูดไขมันครับ
ดูดไขมันแล้ว จะกลับมาอ้วนอีกไหม?
การดูดไขมันเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ เพราะต้นเหตุมาจากพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตของเรา อาทิต การกินเยอะ กินปริมาณมาก ขยับร่างกายน้อย ไม่ออกกำลังกาย ฯลฯ จึงทำให้ไขมันสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเราอ้วนขึ้น ซึ่งการดูดไขมันเป็นการกำจัดไขมัน ซึ่งเป็นปลายเหตุที่ทำให้เราอ้วนขึ้น ดังนั้น หากคุณมาดูดไขมันไปแล้ว มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเหมือนเดิม ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลย ไขมันก็สะสมใหม่ได้ และคุณก็จะอ้วนขึ้นมาได้อีกเหมือนเดิมนั่นเอง
ถ้าอยากให้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันอยู่กับเราไปนาน ๆ ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์, รับบริการ After Care ที่คลินิกจัดให้, ควบคุมปริมาณอาหาร, เลือกกินอาหารให้เหมาะสม และมีการออกกำลังกายอยู่เสมอ ทั้งนี้ ก็มีคนไข้หมอหลายเคสครับ ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน หรือลองออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผล จึงท้อใจและล้มเลิกไป แล้วมาดูดไขมัน เพื่อที่จะให้ตัวเองหุ่นเป๊ะ แล้วมีกำลังใจในการรักษาหุ่นนี้ นั่นก็คือการออกกำลังกายและปรับพฤติกรรมการกินนี่แหละครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
สรุปได้ว่ายาลดน้ำหนักเร่งด่วน สามารถลดน้ำหนักได้จริง แต่ต้องใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่ง ร่วมกับการปรับพฤติกรรมอาหาร และออกกำลังกายเพิ่มเติม หากใช้ยาลดน้ำหนักเร่งด่วนเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เกิดภาวะโยโย่หรือไม่เห็นผลได้ ซึ่งยาลดน้ำหนักเร่งด่วนในปัจจุบันนี้ มีทั้งได้มาตรฐานและไม่ได้มาตรฐานปะปนกันไป ก่อนซื้อมารับประทานควรตรวจสอบให้ดี สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่อยากลดความอ้วน ลดไขมันส่วนเกินออกไป อยากให้รูปร่างดีขึ้น โดยที่ไม่ได้สนใจน้ำหนักมากนัก หมอขอแนะนำเป็นการดูดไขมันแทนการใช้ยาลดความอ้วนนะครับ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ Amara Clinic ก่อนได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic