สาวไซซ์ใหญ่ ตัดสินใจเข้ามาดูดไขมันหน้าท้อง พร้อมดูดไขมันเอวเอส เพื่อปรับรูปร่างให้เล็กและเพรียวลงเหมือนเมื่อก่อน กับหมอไอซ์ อาจารย์แพทย์สอนดูดไขมัน-เติมไขมัน Body-jet ประจำประเทศไทย แพทย์ประจำที่ Amara Clinic ครับ เคสนี้ลดลงเยอะเลยครับ ลองมาดูกันนะครับ
ปัญหาของคนไข้ที่กังวลใจ
ก่อนที่จะเข้ามาดูดไขมันหน้าท้อง คนไข้เคสนี้มีไขมันสะสมมากในบริเวณหน้าท้องนะครับ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังที่สามารถดูดไขมันออกมาได้ ไขมันบริเวณหน้าท้องนี้ ทำให้คนไข้มีความกังวลหลัก ๆ อยู่สองอย่างครับ
อย่างแรกคือคนไข้ต้องการให้รูปร่างกลับไปมีเชปอีกครั้ง อยากเอวคอด เพื่อให้สามารถกลับไปแต่งตัว และใส่เสื้อผ้าง่าย ๆ ไม่ต้องมาคอยใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่เพื่อบังพุงอีกต่อไป และอีกหนึ่งความกังวลคือ ไม่ว่าจะตอนนอน หรือตอนทำงานก็ตาม คนไข้รู้สึกอึดอัดกับการมีหน้าท้องใหญ่ครับ
รายละเอียดเคสดูดไขมันหน้าท้อง
- เพศหญิง อายุ 33 ปี
- น้ำหนัก 91.1 kg
- ส่วนสูง 168 cm
- BMI 32.3
- ไม่เคยคลอดลูก
ประเมินการรักษา
เคสนี้หมอไอซ์ได้พูดคุยกับคนไข้แล้ว ว่าไม่สามารถดูดไขมันหน้าท้อง จนทำให้หน้าท้องแบนราบไปได้ เพราะเคสนี้มีไขมันทั้ง 2 แบบ คือในส่วนของไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ส่วนของพุงที่นิ่ม ๆ สามารถจับและบีบขึ้นมาได้ (สามารถดูดไขมันออกได้) และไขมันในช่องท้อง (Viseral Fat) คือไขมันที่พอกอยู่รอบ ๆ อวัยวะภายใน ไม่สามารถดูดออกมาได้ครับ
ส่วนบริเวณเอวหรือห่วงยางนั้น คนไข้ต้องการเอวเอส แบบคอดลงอย่างชัดเจน เคสนี้หมอไอซ์ประเมินแล้ว สามารถดูดไขมันเหลาเอวให้ S ได้ ตามที่คนไข้ต้องการได้ครับ
การวางแผนดูดไขมันหน้าท้อง
เคสนี้คนไข้ไม่เคยทำศัลยกรรมมาก่อนเลยครับ และมีความกลัวเจ็บมาก และมีเวลาพักฟื้นน้อย เพราะต้องไปทำงานเลย หมอจึงวางแผนดูดไขมันหน้าท้อง และดูดไขมันเอวเอส ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet เพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างดูดไขมัน และหลังดูดไขมันเสร็จคนไข้สามารถกลับบ้าน และไปทำงานต่อได้เลย
Body-jet (เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ)
body-jet เป็นการใช้พลังงานน้ำเข้ามาช่วยในการสลายไขมัน ทำให้ไขมันที่เกาะตัวกันเป็นกลุ่มคล้ายพวงองุ่น สลายตัวออกจากกันอย่างอ่อนโยน และถูกดูดออกมาพร้อม ๆ กันอย่างนุ่มนวล ไขมันจะไม่สลายตัวแตกเป็นน้ำมัน ไม่เกิดความร้อน ไม่กระทบกับเส้นเลือด เส้นประสาท หรือเนื้อเยื่อข้างเคียงครับ
ทำให้หลังดูดไขมันคนไข้มีอาการบวมช้ำน้อยมาก อีกทั้งไขมันที่ได้จากการดูดไขมันแบบ body-jet เป็นไขมันที่มีชีวิต มีคุณภาพดี สามารถนำไปเติมเต็มบริเวณต่าง ๆ ที่กังวลได้ เรียกว่าการเติมไขมันครับ (Amara Clinic มีเคสดูดไขมันด้วย Body-jet มากที่สุดในประเทศไทย และทีมแพทย์ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันและเติมไขมันอีกด้วย)
บริเวณที่สามารถเติมไขมันได้
- ฉีดไขมันหน้าอก
- เติมไขมันหน้าเด็ก
- ฉีดไขมันสะโพก
- เติมไขมันน้องสาว
- เติมไขมันหลังมือ
แต่คนไข้เคสนี้ ต้องการดูดไขมันหน้าท้อง และดูดไขมันเอวเอสทิ้งนะครับ ไม่ต้องการเอาไขมันไปเติมต่อ บางคนคิดว่าดูดไขมันพลังน้ำ ต้องเอาไขมันไปเติมเท่านั้น หมอต้องบอกว่าไม่จำเป็นนะครับ บอดี้เจ็ทสามารถดูดไขมันทิ้งได้เหมือนกันครับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น หรือกลัวความเจ็บ อีกทั้งยังสามารถทำได้ด้วยการใช้ยาชา หรือจะวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ก็ได้ครับ
หลักการดูดไขมันที่ถูกต้อง
การดูดไขมันที่ถูกต้อง ไม่ใช่การดูดไขมันออกมาให้ได้ปริมาณมากที่สุด แต่เป็นการดูดไขมันในปริมาณที่พอดี เหมาะสม กับสัดส่วนคนไข้คนนั้น ๆ ในส่วนของการออกแบบนั้น แพทย์จะเป็นคนออกแบบ ซึ่งจะใช้เทคนิคเฉพาะตัวของแต่ละคนครับ การดูดไขมันออกมาในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้ผลลัพธ์หลังการดูดไขมันออกมาสวยที่สุด และไม่เกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อน เช่น ผิวไม่เรียบ ผิวเป็นคลื่น บุ๋ม หรือขรุขระเหมือนผิวเปลือกส้ม
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันหน้าท้อง
ผลลัพธ์ที่ออกมาสวย สัดส่วนที่เข้าที่เร็ว และผลข้างเคียงที่น้อยจนแทบไม่มีนั้น เกิดจากการดูดไขมันของแพทย์ 70% และอีก 30% จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันนี่แหละครับ ซึ่งคนไข้จะต้องมีการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันด้วยตนเองที่บ้าน ควบคู่ไปกับการเข้ามารับบริการ After Care ที่คลินิกเป็นประจำตามนัดหมาย สำหรับการดูแลตัวเองในช่วง 1 เดือนแรกที่หมออยากจะแนะนำ มีดังนี้
- สวมชุดกระชับวันละ 18-20 ชั่วโมง หลังจากใส่ไปแล้วประมาณ 4-6 ชั่วโมง แนะนำให้ปลดตะขอ 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับ
- ทำความสะอาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อและปิดแผลด้วยผ้าก๊อซเป็นประจำทุกวัน จนกว่าแผลจะแห้ง และพร้อมที่จะตัดไหม
- ห้ามให้แผลโดนน้ำหรือน้ำแข็งแผลเด็ดขาด เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อได้ หากพบว่ามีเหงื่อออกเยอะจนทำให้แผลชื้น หรือแผลเปียกชื้น ให้รีบเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่ทันที (ไม่แนะนำให้ใช้พลาสเตอร์แบบกันน้ำ)
- รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ โดยเน้นการทานโปรตีนจาก เนื้อปลา ไข่ นมถั่วเหลือง และธัญพืช
- รับประทานยาฆ่าเชื้อ, ยาแก้อักเสบ, ยาแก้ปวด และยาลดบวม ตามคำแนะนำของแพทย์ และถ้าต้องการให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น แนะนำให้ทาน Vitamin B Complex และ Vitamin C เพิ่ม
- ดื่มน้ำวันละประมาณ 1-2 ลิตร สามารถดื่มเกลือแร่ได้ หากมีอาการอ่อนเพลีย (ดื่มในปริมาณน้อย)
- หลีกเลี่ยงอาหารไม่สะอาด อาหารทะเล อาหารเค็ม ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารที่มีน้ำตาลสูง
- งดยาและอาหารเสริม ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด 2 สัปดาห์ (Aspirin, Warfarin, Vitamin E, Fish oil, Ginko)
- เคลื่อนไหวร่างกายช้า ๆ ในทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และป้องกันไม่ให้แผลตึงรั้ง
ตัวอย่าง After Care ที่ควรรับบริการ
- นวด RF กระชับสัดส่วนให้เข้าที่เร็วขึ้น
- นวดสลายก้อนแข็งใต้ผิว เพื่อให้ผิวเรียบเนียน
- เลเซอร์ลดรอยดำและรอยแดงของแผลดูดไขมัน
- ฉายแสง LED ลดอาการบวมและลดการอักเสบ
ผลลัพธ์หลังดูดไขมันหน้าท้อง
หลังจากผ่านไป 3 เดือน คนไข้เคสนี้แฮปปี้กับผลลัพธ์มากครับ ได้กลับไปใส่ชุดสวย ๆ แต่งตัวง่ายขึ้น หน้าท้องแบนราบลง มีเอวคอด ไซซ์เสื้อผ้าเล็กลงชัดเจน ทำให้มีกำลังใจ และแรงผลักดันในการออกกำลังกาย รักษารูปร่างต่อไปด้วย และที่สำคัญไม่อึดอัดพุงอีกแล้วครับ เห็นคนไข้ปลื้มจนส่งภาพรีวิวดูดไขมันมาให้หมอดู หมอก็แฮปปี้ครับ
ขอบคุณที่ไว้วางใจหมอไอซ์นะครับ
สรุปเคสดูดไขมันหน้าท้อง
เคสนี้ดูดไขมัน 2 ตำแหน่ง คือดูดไขมันหน้าท้อง บน+ล่าง และดูดไขมันเอวเอส+ปีกหลัง (หมอจะรวมเอวเอสและปีกหลังไว้ด้วยกัน เพราะสองตำแหน่งนี้อยู่เชื่อมกัน จึงต้องปรับสัดส่วนแบบควบคู่กันไป เพื่อให้ออกมาสวยที่สุดครับ) ใช้ระยะเวลาดูดไขมันรวมกัน 3 ชั่วโมง มีขนาดของแผลประมาณ 4-5 มม. ได้ปริมาณไขมันจากการดูดไขมันหน้าท้อง และเอวเอส 3,200 ml
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic