สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับ Amara Clinic Blog สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพและความงามกันอีกเช่นเคยนะคะ วันนี้หมอมะปรางมาพร้อมกับเทรนด์รูปแบบการทานอาหาร “กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด” ซึ่งเป็นรูปแบบการลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด ที่นับว่าเป็นวิธีที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก รักษารูปร่าง และทำให้สุขภาพแข็งแรง ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีหลากหลายทางเลือกให้เราใช้ ทั้งรูปแบบการทานสุดฮิตอย่าง การทานอาหารคีโต ที่เน้นการตัดการทานแป้งและน้ำตาล ซึ่งในวันนี้หมอมะปรางก็มีอีกหนึ่งเทรนด์การรรับประทานอาหารเพื่อดูแลสุขภาพมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ ‘การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด’ สำหรับหลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างนะคะ สำหรับคนที่สนใจรูปแบบการทานอาหารนี้อยู่ เราจะมาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกกันให้ครบค่ะ ทั้งการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด A, กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด B, กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด O และการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด AB พร้อมกับตัวช่วยที่จะทำให้เราหุ่นสวย สุขภาพดี เข้ากับเทรนด์ปั้นหุ่นที่กำลังฮิตในช่วงนี้กันด้วย หรือบางคนอาจใช้ควบคู่กับการทำ IF ตามกรุ๊ปเลือด O, IF ตามกรุ๊ปเลือด A, IF ตามกรุ๊ปเลือด B และ AB เพื่อให้น้ำหนักลงได้ดีขึ้น ถ้าพร้อมกันแล้วเราไปติดตามพร้อมกันเลยค่ะ
วิวัฒนาการของกรุ๊ปเลือดตั้งแต่สมัยโบราณ
ก่อนที่เราจะไปดูการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด เรามาเรียนรู้ที่มาที่ไปของกรุ๊ปเลือดที่มีวิวัฒนาการตั้งแต่สมัยโบราณกันก่อนค่ะ หลายคนเข้าใจว่า กรุ๊ปเลือดทั้ง A, B, O และ AB เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน แต่ในความเป็นจริง แต่ละกรุ๊ปเลือดมีวิวัฒนาการที่อยู่กันคนละยุคค่ะ โดยเริ่มจากยุคต้น หรือยุคกำเนิดมนุษย์ จากนั้นมาสู่ยุคของการย้ายถิ่นฐาน ต่อมาเป็นยุคที่มีการกระจายตัวและการอพยพเพื่อไปตั้งรกรากอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ รวมไปถึงยุคใหม่ที่เป็นยุคที่เริ่มมีโรคภัยไข้เจ็บ เกิดโรคระบาดค่ะ
กรุ๊ป O เกิดก่อน
เชื่อกันว่าคนที่อยู่ในสมัยยุคต้น หรือยุคดึกดำบรรพ์ โดยคนในยุคนั้นจะมีกรุ๊ปเลือด O ซึ่งมีลักษณะเด่น ๆ คือ ระบบย่อยอาหารพวกเนื้อสัตว์ได้ดี เนื่องจากในยุคนั้นมีการล่าสัตว์มาเป็นอาหารค่ะ ยังไม่มีการปลูกผัก หรือเลี้ยงสัตว์เอง แต่อาจมีจุดด้อย คือ ร่างกายจะย่อยพวกผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม ไข่ และพวกข้าวสาลีได้ไม่ดีมากนักค่ะ
กรุ๊ป A ตามมา
หลังจากยุคต้นหรือยุคล่าสัตว์ผ่านไป จากนั้นจึงเริ่มเป็นยุคของการย้ายถิ่นฐานของมนุษย์แล้วค่ะ ช่วงนี้เริ่มมีการเพาะปลูกพืชผักกันบ้าง จึงเริ่มหันมาทานผักและผลไม้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนเนื้อสัตว์ก็ทานบ้างแต่เป็นส่วนที่รองลงมาค่ะ โดยเชื่อกันว่า คนที่มีเลือดกรุ๊ป A นั้นมาจากวิวัฒาการต่อจากคนในยุคต้นที่มีเลือดกรุ๊ป O โดยมีลักษณะเด่นที่ตรงกันข้ามกับคนกรุ๊ปเลือด O เลยค่ะ คือ จะมีน้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่มีกรดต่ำ ถ้ายิ่งทานอาหารเนื้อแดงเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ย่อยได้ยาก จึงไม่เหมาะกับการทานอาหารที่จำมาจากเนื้อสัตว์ และอาหารแปรรูปต่าง ๆ เช่น ไส้กรอก แฮม รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมเนยด้วยค่ะ
กรุ๊ป B เกิดจากความผสมผสาน
ยังอยู่ในยุคของการอพยพของมนุษย์ที่จะต้องไปตั้งหลักปักฐานตามพื้นที่ต่าง ๆ ทำให้เกิดการเดินทาง และส่งผลให้มนุษย์เราต้องกินทั้งสัตว์และพืชที่หาได้ เพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอดค่ะ จึงทำให้คนที่มีเลือดกรุ๊ป B มีความพิเศษตรงที่สามารถทานได้ทั้งเนื้อแดงและพืชผัก ร่างกายสามารถย่อนได้ดี แต่ต้องทานให้อยู่ในอัตราส่วนที่บาลานซ์กันค่ะ
กรุ๊ป AB ยุคใหม่
มาถึงยุคของกรุ๊ปเลือด AB กันบ้างค่ะ ยุคนี้เป็นยุคใหม่ที่เริ่มมีการเกิดโรค ร่างกายมนุษย์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งคนที่มีเลือดกรุ๊ป AB นี้จะมีลักษณะผสมผสานกันระหว่างเลือดกรุ๊ป A และเลือดกรุ๊ป B แต่มีแนวโน้มที่มาทางกรุ๊ป A มากกว่า โดยไม่เหมาะกับการทานเนื้อสัตว์ เนื้อแดง ในปริมาณที่มาก แต่ยังสามารถย่อยอาหารที่ทำมาจากนมได้ดีอยู่นะคะ
ที่มาของ ‘กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด’
ก่อนอื่น เรามาดูที่มีที่ไปของการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดกันค่ะว่า แนวคิดนี้กำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร สำหรับการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดนี้ เป็นแนวทางการรับประทานอาหารที่ได้รับความนิยมมาเป็นระยะเวลานานแล้วค่ะ โดยการศึกษาของ Dr. Peter D’Adamo (ดร.ปีเตอร์ ดี อาดาโม) นักกายภาพบําบัด นักวิจัย และอาจารย์ชาวอเมริกันที่ไดรับการยอมรับอย่างกวางขวาง และยังเป็นคนที่เขียนหนังสือเรื่อง ‘Eat Right For Your Type’
Dr. Peter D’Adamo
ผู้ศึกษาเรื่องกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด
โดยการศึกษาเรื่องกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดนั้นมีการค้นพบว่า หมู่เลือดหรือกรุ๊ปเลือดของเรามีบทบาทสําคัญในการทําปฎิกิริยากับเลคติน (Lectin) ในอาหาร ซึ่งในอาหารแต่ละชนิดนั้นมีโปรตีนซึ่งเป็นอนุมูลอิสระ และมีการเปลี่ยนแปลงได้ หรือที่เรียกว่า ‘เลคติน’ ซึ่งมีคุณสมบัติเหนี่ยวจับเกาะติด และยังมีผลต่อเลือด หากอาหารมีโปรตีนเลคตินที่ไม่เข้ากับแอนติเจนของหมู่เลือดนั้น ๆ เจ้าเลคตินนี่แหละค่ะ จะเข้าไปที่อวัยวะหรือเข้าไปที่ระบบในร่างกาย จากนั้นจะจับเกาะติดกับเซลล์เลือดในบริเวณนั้น
โดยผลที่ได้คือ เลคตินจะไปปั่นป่วนการทํางานของอวัยวะ, ระบบย่อย, การสร้างอินซูลิน การเผาผลาญพลังงาน รวมไปถึงความสมดุลของฮอร์โมน ด้วยเหตุผลนี้จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเลคตินที่จับเกาะติดกับเซลล์ของกรุ๊ปเลือดเรา แต่เลคตินส่วนใหญที่พบในอาหารก็ไม่ได้เกิดโทษ หรือไม่ได้เกิดอันตรายต่อร่างกายเรามากนักนะคะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ร่างกายคนเราจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่จะช่วยป้องกันเลคตินที่ไม่ดีได้ถึง 95% ของเลคตินที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ และอาจยังมีหลงเหลือในร่างกายน้อยนิดประมาณ 5% ค่ะ
สรุปง่าย ๆ เลยก็คือ เลือดแต่ละกรุ๊ปมีความสามารถในการย่อยอาหารที่แตกต่างกันค่ะ ซึ่งถ้าร่างกายเราสามารถย่อยได้หมด นั่นก็แปลว่า ร่างกายเรานำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเม็ดเต็มหน่วย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ย่อยได้ไม่หมด ก็จะตกค้างอยู่ในร่างกายจนเน่าเสีย และเมื่อถูกดูดซึมกลับไปอีกครั้งก็จะส่งผลทำให้เราป่วยง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ
โดยนายแพทย์ D’Adamo ยังได้บอกอีกว่า อาหารที่เราทานเข้าไปจะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับกรุ๊ปเลือดของเราแต่ละคน หากเราทานได้ตามทฤษฎีนี้ ก็จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลในการช่วยลดน้ำหนัก ทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้มาก รวมไปถึงยังช่วยป้องกันโรคได้อีกด้วย ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบัน จะยังไม่มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่เรื่องการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดนี้ก็ยังได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่รักสุขภาพและรูปร่างค่ะ
คุยนอกรอบ มาดูนิสัยจากกรุ๊ปเลือดกัน!
อย่างที่หมอได้เกริ่นไปนะคะว่า กรุ๊ปเลือดมีความสัมพันธ์กับตัวเรามากมาย ซึ่งนอกจากเรื่องกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดแล้ว ยังมีการศึกษาของกรุ๊ปเลือดที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยของเราอีกด้วยค่ะ โดยในปี 1927 ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่น Takeji Furukawa ได้ทำการศึกษาเรื่องอารมณ์ผ่านกรุ๊ปเลือด ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ชี้ให้เห็นว่ากรุ๊ปเลือดแต่ละกลุ่มที่มีปัจจัยเกี่ยวกับของเหลวในร่างกาย ส่งผลให้มีบุคลิกที่แตกต่างกัน เรามาเช็คกันเล่น ๆ ค่ะว่าจะตรงบ้างไหม
- กรุ๊ป A มีความรับผิดชอบ, เก็บตัว, อดทน, ตรงต่อเวลา, หลงใหลและชอบความสมบูรณ์แบบ, ระมัดระวังในการตัดสินใจ, หมกมุ่นอยู่กับความเรียบร้อยและเป็นระเบียบ แต่ในบางครั้งก็แอบดื้อ
- กรุ๊ป B มีความคิดสร้างสรรค์, มองโลกในแง่ดี, เป็นมิตรกับผู้อื่น, เป็นคนตัดสินใจรวดเร็ว, มีความกระตือรือร้น และบางครั้งอาจเป็นคนขี้หลงขี้ลืม
- กรุ๊ป O มีภาวะความเป็นผู้นำสูง, ชอบเข้าสังคม, ไม่ค่อยสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ, มีความทะเยอทะยาน และมีความมั่นใจสูง
- กรุ๊ป AB มึความใจเย็น, มีระเบียบวินัย, เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเสมอ และในบางครั้งจะเป็นคนที่ดูซับซ้อน เข้าใจยาก
Takeji Furukawa ผู้ศึกษาเรื่องอารมณ์ผ่านกรุ๊ปเลือด
กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด A
ลักษณะเด่นของคนเลือดกรุ๊ป A : เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทานอาหารประเภทมังสวิรัติ หรือการเน้นทานพืชผักอย่างเช่นอาหาร Plant Based มากกว่าเนื้อสัตว์เนื้อแดง เพราะระบบการย่อยอาหารทำได้ไม่ดี และมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ
อาหารที่ควรทาน : การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด A แนะนำให้ทานเนื้อสัตว์ประเภทปลา เพราะทำให้ย่อยง่าย เสริมโปรตีนประเภทถั่วเหลือง ทานถั่วและธัญพืชเพิ่มขึ้น และเน้นการทานผักและผลไม้ให้มาก เพราะมีกากใยสูง ดีต่อระบบขับถ่าย ส่วนผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ส้ม, มะละกอ หรือผลไม้รสเปรี้ยว ทานได้แต่น้อย เพราะจะระคายเคืองกับกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ ยังสามารถทำ IF ตามกรุ๊ปเลือด A ได้เพื่อส่งเสริมการลดน้ำหนักให้ดีขึ้นได้
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง : ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์เนื้อแดง และผลิตภัณฑ์ที่ทำมากจากนม รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และโซดา
กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด B
ลักษณะเด่นของคนเลือดกรุ๊ป B : การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด B จะสามารถทานอาหารได้เกือบทุกชนิด ทั้งเนื้อแดง เนื้อปลา ผักและผลไม้ แต่ต้องระวังเรื่องโรคภูมิแพ้และความผิดปกติในเรื่องการนอนหลับ
อาหารที่ควรทาน : เนื้อสัตว์ทุกชนิดทานได้หมด ทานนมทานเนยได้ แต่ให้ทานในปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้ทานข้าวประเภทข้าวกล้อง และข้าวโอ๊ต เน้นการทานอาหารที่หลากหลาย และให้ได้ในปริมาณที่สมดุลกันทั้งหมด รวมถึงแนะนำให้ทานผักใบเขียวเพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ส่วนผลไม้นั้นทานได้ แต่ต้องเป็นผลไม้ที่รสหวานน้อย ซึ่งหากอยากลดน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น คนเลือดกรุ๊ป B ก็สามารถทำ IF คู่กันได้เช่นกัน
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง : แป้งสาลี, แป้งโฮลวีท และถั่วลิสง เพราะจะส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญพลังงาน ทำให้อ้วนง่าย เสี่ยงต่อภาวะโรคอ้วนได้มากกว่า
กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด O
ลักษณะเด่นของคนเลือดกรุ๊ป O : มีกรดในกระเพาะอาหารที่สูง มีภูมิคุ้มกันต่ำ และการเผาผลาญพลังงานที่ช้า ทำให้คนกลุ่มนี้มักมีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร ทำให้หิวง่าย หิวบ่อย กินไม่อิ่ม ส่งผลให้อ้วนได้ง่าย รวมถึงอาจมีอาการของโรคหอบหืด และภูมิแพ้
อาหารที่ควรทาน : การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด O ที่แนะนำคือ รับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้ออกไก่ เนื้อปลา และอาหารทะเล อาทิ กุ้ง หรือเนื้อปู ทานให้มากกว่าเนื้อสัตว์เนื้อแดง สำหรับผักสามารถทานได้ รวมไปถึงผลไม้ก็ทานได้ทุกชนิด โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ เพราะดีต่อกระเพาะอาหาร ช่วยปรับระดับความเป็นกรดของกระเพาะอาหารได้ดี ถ้าจะถามว่า คนเลือดกรุ๊ป O ทำ IF ตามกรุ๊ปเลือด O ได้ไหม? แน่นอนค่ะว่าสามารถทำได้เช่นเดียวกัน
เลือดกรุ๊ปโอไม่ควรกินอะไร : หลีกเลี่ยงผักใบสีขาว เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว เพราะอาจทำให้ไปรบกวนการทำงานของไทรอยด์ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนมและกลูเตน รวมถึงพืชตระกูลถั่ว หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ และเบียร์ เพราะอาจทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร
กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด AB
ลักษณะเด่นของคนเลือดกรุ๊ป AB : มีการผสมผสานของคนที่มีเลือดกรุ๊ป A และกรุ๊ป B และถึงแม้ว่าจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากกว่า แต่อาจมีปัญหาเรื่องอาการปวดท้องได้บ้างเป็นครั้งคราว
อาหารที่ควรทาน : การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด AB แนะนำให้ทานอาหารแบบลูกผสม สลับสับเปลี่ยน เช่น วันนี้อาจเน้นทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ วันถัดไปอาจเน้นทานอาหารประเภทผักและผลไม้ ผสมผสานแบบนี้ไปเรื่อย ๆ และเลือกทานเนื้อสัตว์ที่ย่อยได้ง่าย อย่างเนื้อปลา และทานโปรตีนอย่างอื่นแทน (พวกถั่ว ถั่วเหลือง) สำหรับผักสามารถทำได้ รวมถึงผลไม้ให้เน้นทานที่มีวิตามินซีสูง เพราะช่วยสร้างความสมดุลของกรดในเนื้อเยื่อ เครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟสามารถดื่มได้แต่ต้องไม่เยอะเกินไป รวมไปถึงสามารถทำ IF คู่กัน ก็จะให้ผลลัพธ์การลดน้ำหนักที่ดียิ่งขึ้นค่ะ
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง : เนื้อไก่, ถั่วแดง, บัควีท และข้าวโพด เพราะอาจส่งผลต่อกระเพาะอาหาร
เทรนด์กินอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก มีอีกเพียบ!
นอกจากการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดแล้ว ยังมีเทรนด์การทานอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักแบบอื่น ๆ ให้เลือกกันอีกนะคะ สำหรับใครที่สนใจเรื่องไหน สามารถเลือกอ่านได้ตามลิ้งค์ด้านล่างเลยค่ะ
- Atkins Diet คือ สูตรลดคาร์บ เน้นโปรตีน
- Mediteranean คือ สูตรลดน้ำหนักที่ดีต่อหัวใจ
- IF คือ การกำหนดช่วงเวลาอด และช่วงเวลากิน
- อาหารคีโต กินไขมันเพื่อลดไขมัน
- Paleo Diet กินแบบมนุษย์ยุคหิน น้ำหนักลงจริง
- อาหารคลีนคือ อาหารที่ไม่ปรุงแต่ง เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติ
ตัวช่วย ‘หุ่นสวย’ ใส่อะไรก็ดูสวย
มีคนไข้ของหมอส่วนหนึ่ง ที่ใช้รูปแบบการทานอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ดูแลรูปร่าง และสุขภาพ มาหลากหลายรูปแบบ บางคนก็ทำแล้วได้ผลดี แต่ยังอีกบางส่วนที่ทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ค่ะ นั่นก็เพราะร่างกายคนเรามีระบบเผาผลาญที่แตกต่างกัน บางคนทานเยอะ ทานจุกจิก แต่ก็ยังเผาผลาญได้ตามปกติ แต่บางคนทานน้อยก็ยังเผาผลาญได้ไม่หมด รวมถึงยังอาจควบคุมพฤติกรรมการทานอาหารได้ไม่ดีพอ ชอบทานแบบตามใจปาก อดใจไม่ไหว ทำให้ทานอาหารเกินความจำเป็นของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญได้ไม่หมด จนเกิดเป็นไขมันส่วนเกิน หุ่นพัง ใส่เสื้อผ้าไซซ์เดิมแล้วอึดอัด และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย หมอจึงแนะนำให้ใช้วิธีทางการแพทย์ อย่างปากกาลดน้ำหนัก ตัวช่วยควบคุมน้ำหนักจากพฤติกรรมการทานอาหาร และวิธีดูดไขมัน กำจัดไขมันใต้ผิวหนัง ปรับสัดส่วนให้ดีขึ้นค่ะ ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และยังมีความความปลอดภัยสูง เพราะที่ Amara Clinic เรามีทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่จะดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนค่ะ
ปากกาลดน้ำหนัก Amara Pen
‘ปากกาลดน้ำหนัก’ อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักจากการควบคุมพฤติกรรมการทานอาหาร เพื่อช่วยให้น้ำหนักลดและมีหุ่นดีขึ้นแบบเร่งด่วน โดยปากกาลดน้ำหนัก Amara Pen จะถูกบรรจุด้วยตัวยา GLP-1 Analogue ที่ช่วยควบคุมไม่ให้เรากินอาหารมากเกินความจำเป็นของร่างกาย โดยตัวยาจะออกฤทธิ์สั่งการสมองที่ควบคุม “ศูนย์หิว-ศูนย์อิ่ม” ให้หิวน้อยลง และอิ่มได้นานขึ้น ไม่กินจุกจิก และเมื่อเรากินน้อยลง กระเพาะอาหารเราก็จะเล็กลงตามไปด้วย โดยเมื่อหยุดใช้ยา เราก็จะกินอาหารในปริมาณที่ร่างกายต้องการ ไม่กินเยอะเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารอย่างยั่งยืน และจะช่วยให้น้ำหนักคงที่อย่างธรรมชาติ ไม่ต้องอดอาหาร หรือทุ่มกับการออกกำลังกายอย่างหนัก โดย Amara Pen นี้ ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรืออย. สหรัฐอเมริกา (U.S. FDA), ประเทศไทย (Thai FDA) และเกาหลีใต้ (KFDA)
เช็คตัวเองว่าอ้วนหรือผอม ด้วยโปรแกรมคำนวณค่า BMI ได้ที่ >> BMI คือ
ดูดไขมันปรับสัดส่วน
การดูดไขมัน ไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนัก แต่เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกิน ปรับรูปร่างให้ดีขึ้น โดยหากคนไข้มีความกังวลเรื่องน้ำหนักตัว หรือใช้รูปแบบการทานอาหาร อย่างการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด, การทำ IF, กินอาหารคีโต เพื่อควบคุมน้ำหนัก จนน้ำหนักลดลงมาได้ แต่ยังมีไขมันดื้อที่ทำให้รูปร่างยังดูไม่สมส่วน หมอแนะนำให้ใช้วิธีดูดไขมัน แล้วหลังจากนั้นอาจกลับมา Maintain ด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายได้เลยค่ะ เพื่อเป็นการรักษาสัดส่วนหลังดูดไขมันให้อยู่กับเราไปได้นาน ๆ และยังดีกับสุขภาพโดยรวมอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด วันนี้ที่หมอได้นำมาฝากกัน ทั้งความเป็นมาของการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด, การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด A, กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด B, กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด O, กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด AB มาครบหมดทุกกรุ๊ป ให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้กัน รวมถึงทางเลือกในการควบคุมน้ำหนัก และดูแลรูปร่างทางการแพทย์ ที่อยู่ภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ Amara Clinic หรือใครที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเรื่องน้ำหนักตัวและสัดส่วน สามารถแอดไลน์มาพูดคุยกันได้เลยนะคะที่ LINE : @amaraclinic หมอมะปรางยินดีให้คำปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
ขอบคุณภาพประกอบจาก
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic