ฟิลเลอร์แก้มส้ม VS เติมไขมัน เลือกฉีดแก้มส้มแบบไหนดี!

ฉีดแก้มส้ม

ฉีดแก้มส้ม เป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาแก้มแบน แก้มยุบ หน้าแก้มหาย ที่อาจเกิดจากอายุที่มากขึ้น ทำให้ชั้นไขมับบางลง ทำให้ใบหน้าที่เคยมีวอลลุ่ม กระชับเต่งตึง กลับซูบตอบลง ส่งผลให้ใบหน้าขาดมิติ แต่ในปัจจุบัน มีการฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบ ที่แบ่งเป็น 2 วิธีหลัก คือ ฉีดแก้มส้อมด้วยไขมันตัวเอง (ฉีดไขมันแก้ม) หรือ Fat Transfer และฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบ ด้วยการใช้สารเติมเต็ม HA หรือฟิลเลอร์แก้มส้มค่ะ ทำให้หลายคนสงสัยว่าทั้งสองวิธีฉีดแก้มส้มมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง

วันนี้หมอมะปราง Amara Clinic จะพาทุกคนมาทำความรู้จักว่า แก้มส้ม คืออะไร, สาเหตุของแก้มแบน แก้มยุบ, ฉีดแก้มส้ม มีกี่วิธี, ฉีดแก้มส้ม เหมาะกับใคร รวมถึงไขข้อสงสัยว่า ฉีดแก้มส้มด้วยไขมันและสารเติมเต็ม เลือกแบบไหนดี เรามาติดตามไปพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ

แก้มส้ม คืออะไร

แก้มส้ม คือ ลักษณะแก้มที่เปรียบเทียบเสมือนกับผลส้มค่ะ หรือที่เมืองนอกเรียกกันว่า “Ogee Curve” หรือ “S Curve” ซึ่งบริเวณแก้มส้ม คือ หน้าแก้มนั่นเองค่ะ โดยเส้นโค้ง Ogee เป็นเส้นโค้งรูปตัว S ตามแนวแก้ม จะสังเกตเห็นได้ชัดเวลาที่เราหันหน้าด้านข้าง ยิ่งเวลายิ้มก็ยิ่งเห็นได้ง่ายขึ้น หรือถ้าจะให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็เหมือนเราเอาผลส้มมาวางตรงแก้ม ทำให้ใบหน้ามีแก้มที่นูนออกมาคล้ายลูกส้ม โดยใบหน้าที่มีแก้มส้ม คือ ใบหน้าที่มีมิติ ยิ่งสาว ๆ ที่อายุน้อย ๆ จะยิ่งมีส่วนโค้ง Ogee ที่กว้าง ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ขนาดของส่วนโค้งจะลดลง ส่งผลให้มีแก้มแบนและไม่มีส่วนโค้งของใบหน้า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการสูญเสียมวลกระดูกบนใบหน้า และการสูญเสียปริมาตรชั้นไขมันส่วนลึกของใบหน้า และมักมีปัญหาเรื่องแก้มย้อย แก้มหย่อนคล้อยร่วมด้วยค่ะ

ลักษณะแก้มส้ม Ogee Curve หรือ S Curve

ฉีดแก้มส้ม

สาเหตุของแก้มแบน แก้มยุบ

สาเหตุของแก้มแบน แก้มยุบ หรือแม้กระทั้งปัญหาหน้าตอบอื่น ๆ เช่น ขมับตอบ ขมับตอบ หรือหน้าผากแบน มาได้จากหลายสาเหตุค่ะ ปัจจัยแรกคือ กรรมพันธุ์ เพราะได้รับกรรมพันธุ์รูปหน้า หรือโครงหน้ามาจากคนในครอบครัว, กระดูกฝ่อ, อายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ชั้นไขมันในผิวหนัง หรือ Baby Fat บางลงและฝ่อตัวลง ทำให้แก้ตอบ แก้มยุบ, น้ำหนักตัวลด ซึ่งมาจากการลดน้ำหนักแบบผิดวิธี ทำให้น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วจนเกินไป ส่งผลให้ชั้นไขมันสลายตัวไป และมีผิวหนังหย่อนคล้อยร่วมด้วย

อายุมากขึ้น ชั้นไขมันค่อย ๆ หายไป ทำให้หน้าตอบและหย่อนคล้อย

ฉีดแก้มส้ม

ขอบคุณภาพประกอบจาก : rejuvent.com

ส่วนสาเหตุสุดท้าย คือ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เช่น การละเลยการทาครีมกันแดด, การขาดสารอาหาร, การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ ทำให้โครงสร้างผิวโดนทำลาย ผิวขาดความชุ่มชื่น เกิดเป็นริ้วรอย ผิวเหี่ยว ผิวโทรม รวมถึงปัญหาหน้าตอบ แก้มตอบ แก้มแบน หน้าแก้มหาย ยิ่งเวลามองด้านข้าง จะไม่เห็นแก้ม แลดูไม่มีมิติ จึงต้องพึ่งวิธีฉีดแก้มส้มที่กำลังได้รับความนิยม ทั้งวิธีฉีดแก้มส้มด้วยไขมันของคนไข้เอง และฉีดแก้มส้ม แก้มตอบ ด้วยสารเติมเต็ม HA ค่ะ

ฉีดแก้มส้ม มีกี่วิธี

ฉีดแก้มส้ม มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ ฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบ โดยการใช้วิธีฉีดไขมัน และวิธีฉีดสารเติมเต็ม HA ซึ่งแต่ละวิธีก็มีขั้นตอน รวมถึงข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกันค่ะ การจะเลือกฉีดแก้มส้มวิธีไหนนั้น หมอแนะนำให้ศึกษาทั้งขั้นตอน รวมถึงข้อดีและข้อเสียอย่างถี่ถ้วน เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจค่ะ

ฉีดไขมันแก้มส้ม (ใช้ไขมันของคนไข้เอง)

สำหรับการฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบ ด้วยวิธีฉีดไขมันแก้มส้ม ซึ่งเป็นหนึ่งในตำแหน่งยอดฮิตของ ฉีดไขมันหน้าเด็ก เป็นการเติมเต็มปัญหาหน้าซูบตอบที่ถือว่ากำลังมาแรงเลยทีเดียวค่ะ เนื่องจากเป็นการใช้ไขมันจากตัวคนไข้เอง ที่ได้จากดูดไขมันในตำแหน่งหรือสัดส่วนที่คนไข้มีความกังวล เช่น บริเวณหน้าท้อง, สะโพก หรือต้นขา ซึ่งเป็นบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่ค่อนข้างเยอะ โดยในกรณีที่คนไข้ที่ไม่เน้นเรื่องดูดไขมันเพื่อปรับสัดส่วน และต้องการฉีดแก้มส้มด้วยไขมันตัวเอง จะมีการใช้ปริมาณไขมันไม่มาก ไม่กี่ซีซี หมอจะเลือกใช้วิธีดูดไขมันแบบ Manual Liposuction ซึ่งเป็นการดูดไขมันจากแรงมือแพทย์ โดยจะสอดเข็มเข้าไปที่ชั้นไขมันใต้ผิวหนังแล้วใช้แรงมือกระทุ้งให้ไขมันแตกตัวออกจากกัน จากนั้นจึงใช้ไซริ้งค์ (Syringe) ดูดไขมันออกมา

แต่หากคนไข้ต้องการเน้นเรื่องการปรับสัดส่วนไปด้วย พร้อมกับฉีดแก้มส้มด้วยไขมัน (เติมไขมันแก้มส้ม) หมอจะเลือกใช้เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ Water Jet (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Body-jet) ซึ่งมีคุณสมบัติสลายชั้นไขมันได้ดี โดยที่ไม่ใช้ความร้อน ใช้เพียงพลังงานน้ำจากตัวเครื่อง จึงช่วยถนอมเซลล์ไขมันให้มีคุณภาพดีที่เหมาะกับการนำมาเติมหรือฉีดไขมันต่อไปค่ะ โดยเมื่อดูดไขมันได้แล้ว จะต้องนำมาผ่านกระบวนการปั่นคัดแยกเซลล์ถึง 2 ครั้ง รอบแรกเพื่อแยกให้ได้เซลล์ไขมันที่บริสุทธิ์ (แยกน้ำยาชา น้ำเกลือ น้ำเลือดออกไป) รอบที่สองจะปั่นเพื่อให้ได้ขนาดโมเลกุลที่เหมาะสมสำหรับนำมาฉีดไขมันหน้าเด็ก ฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบค่ะ

สำหรับการฉีดแก้มส้ม จะฉีดไปยังบริเวณหน้าแก้ม หรือหากคนไข้มีปัญหาแก้มตอบด้วย หมอก็จะทำการฉีดไขมันไปยังบริเวณด้านล่างหน้าแก้มที่อยู่ตามแนวกราม หรือฉีดแก้มตอบ เพื่อเติมเต็มให้แก้มอิ่มฟูยิ่ง ด้วยไขมันตัวเองจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นเดียวกัน เดี๋ยวลองมาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

 ข้อดีของฉีดแก้มส้มด้วยไขมัน

  • เป็นเซลล์ไขมันของคนไข้เอง มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้
  • ผลลัพธ์เนียนสวยเป็นธรรมชาติ
  • ไขมันที่ฉีดแก้มส้มจะอยู่กับเราได้ไปตลอด (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น อายุ และการดูแลตัวเอง)
  • เติมไขมันในปริมาณเยอะได้
  • ราคาถูกกว่า คุ้มค่ากว่า

ข้อเสียของฉีดแก้มส้มด้วยไขมัน

  • มีอาการบวมช้ำ (ค่อย ๆ บุบบวมในวันที่ 5) และต้องมีเวลาพักฟื้น
  • มีการเปิดแผลตำแหน่งที่ดูดไขมัน ต้องดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น
  • ไม่สามารถฉีดได้บางจุดบนใบหน้า เช่น เสริมคาง หรือริมฝีปาก

รีวิวฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบ ด้วยไขมัน

ฉีดแก้มส้ม
ฉีดแก้มส้ม

ชมภาพเคสคนไข้จริงเพิ่มเติม ได้ที่ >> รีวิวฉีดไขมันหน้าเด็ก

ฟิลเลอร์แก้มส้ม

สำหรับฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นการฉีดแก้มส้มด้วยสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid หรือ HA) ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบ รวมไปถึงจุดอื่น ๆ ที่มีลักษณะซูบตอบ เช่น ขมับตอบ หน้าผากยุบ หรือแก้มตอบ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกันค่ะ เพราะทั้งสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น ฉีดแก้มส้มเสร็จปุ๊บ แก้มส้มขึ้นมาทันทีเลย ซึ่งสารเติมเต็ม HA ที่ว่านี้เป็นสารสังเคราะห์ ที่ถูกสร้างมาเลียนแบบกรดไฮยาลูรอนิคที่มีอยู่ในร่างกายเรา สำหรับฉีดแก้มส้มจะใช้ปริมาณสารเติมเต็มข้างละประมาณ 1 ซีซี เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะไปเพิ่มวอลลุ่มให้ผิวอิ่มฟู เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยได้ เป็นการปรับรูปหน้าให้สวยงามและมีมิติขึ้นได้มากเลยค่ะ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ฉีดฟิลเลอร์) แต่ทั้งนี้ หมอแนะนำให้ฉีดแก้มส้มกับแพทย์ผู้ชำนาญการโดยตรง และต้องเลือกใช้เฉพาะสารเติมเต็มของแท้เท่านั้น ไม่ควรฉีดแก้มส้มกับหมอกระเป๋าทั่วไป ซึ่งอาจไม่ใช่แพทย์จริง ๆ และใช้สารเติมเต็มของปลอม หรือสารแปลกปลอมอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายได้ค่ะ ส่วนการฉีดแก้มส้มด้วยสารเติมเต็ม HA ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้ค่ะ

ฉีดแก้มส้ม
ฉีดแก้มส้ม

ข้อดีของฉีดแก้มส้มด้วยสารเติมเต็ม

  •  ฉีดแก้มส้มให้ผลลัพธ์สวยทันใจ ผลลัพธ์เนียนสวยเป็นธรรมชาติ
  • บวมช้ำน้อย หรือแทบไม่มีเลย ไม่ต้องพักฟื้น
  • สารเติมเต็ม HA (ของแท้) ย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ
  • เติมได้ทุกจุดบนใบหน้า
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัวหลายจุด

ข้อเสียของฉีดแก้มส้มด้วยสารเติมเต็ม

  • ให้ผลลัพธ์ไม่ถาวร ฉีดแก้มส้มครั้งนึงอยู่ได้ 1-2 ปี
  • บางรายอาจเกิดอาการแพ้ได้
  • ราคาต่อซีซีค่อนข้างสูง

ฉีดแก้มส้ม เหมาะกับใคร

  • คนที่มีปัญหาแก้มแบน (หน้าแก้มไม่มีวอลลุ่ม) หรือคนที่มีปัญหาแก้มตอบ (ด้านล่างแก้มไปถึงแนวกรามซูบตอบ)
  • คนที่มีแก้มยุบ ที่มาพร้อมกับความหย่อนคล้อย
  • คนที่มีใบหน้าแบน ไม่มีมิติ (มองเห็นชัดเมื่อหันด้านข้าง) สามารถเติมเต็มหน้าแก้มให้อิ่มเอิบขึ้น ด้วยการฉีดแก้มส้ม
  • คนที่มีปัญหาหน้าแก้มยุบจากอายุ หรือกระดูกที่หน้าแก้มทรุดตัว สามารถแก้ไขด้วยการฉีดแก้มส้ม เพื่อเพิ่มวอลลุ่ม
  • คนที่ต้องการมีแก้มส้ม ปรับใบหน้าให้อ่อนเยาว์ มีมิติมากยิ่งขึ้น และยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งได้

ฉีดแก้มส้มด้วยไขมัน VS ฟิลเลอร์แก้มส้ม เลือกแบบไหนดี

มาถึงประเด็นที่หลายคงอยากรู้ว่า ฉีดแก้มส้มด้วยไขมันตัวเอง หรือ ฉีดแก้มส้มด้วยสารเติมเต็ม HA แบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งหากจะถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน หมอบอกได้เลยว่าดีทั้งคู่ค่ะ โดยแต่ละคนจะเลือกฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบ ด้วยวิธีไหนนั้น เราก็ต้องเช็คและพิจารณาจากข้อดีและข้อเสียที่หมอได้อธิบายไปแล้วข้างต้น 

ยกตัวอย่างเช่น คนที่อยากฉีดแก้มส้ม แต่ไม่มีเวลาพักฟื้น เพราะต้องรีบออกงานสำคัญ ๆ หรือแม้แต่คนที่อยากเติม อยากฉีดแก้มส้มตำแหน่งเดียว ไม่ได้อยากฉีดไขมันจุดอื่น ๆ หมอแนะนำให้ฉีดแก้มส้มด้วยสารเติมเต็ม HA ค่ะ คนไข้บางรายที่ต้องการดูดไขมันเน้นปรับสัดส่วน อยากฉีดแก้มส้ม แบบไม่ต้องกังวลว่าจะมีอาการแพ้หรือไม่ หรืออยากฉีดไขมันหลาย ๆ ตำแหน่งพร้อมกัน และอยากได้ผลลัพธ์แบบทำครั้งเดียวอยู่ได้นาน ๆ หมอแนะนำให้เลือกฉีดแก้มส้มด้วยการใช้ไขมันตัวเองค่ะ 

โดยสรุปแล้ว การเลือกวิธีฉีดแก้มส้มด้วยวิธีไหนนั้น คนไข้เองต้องศึกษาทั้งข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธีอย่างถี่ถ้วน เพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจ พร้อมกับเลือกฉีดแก้มส้มกับแพทย์ผู้ชำนาญการ และมีประสบการณ์สูง รวมถึงเลือกสถานที่ฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบ ที่น่าเชื่อถือ มีเทคนิคและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติ ไร้ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายค่ะ

Amara สรุปให้ (Highlight)

    • แก้มส้ม คือ พวงแก้มหรือลักษณะหน้าแก้มที่เหมือนกับผลส้ม เมื่อมองด้านข้างจะเห็นเป็นลักษณะ Ogee Curve หรือ S Curve เป็นเส้นโค้งตามแนวแก้ม ทำให้ใบหน้ามีมิติ ดูอ่อนเยาว์
    • อายุที่มากขึ้น เป็นปัจจัยทำให้ชั้นไขมันและมวลกระดูกใบหน้าหายไป ส่งผลให้แก้มส้มหายไป มีแก้มตอบ แก้มหย่อนคล้อย
    • ฉีดแก้มส้มทำได้ 2 เทคนิค คือ ฟิลเลอร์แก้มส้มและฉีดไขมันแก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มส้มเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น ต้องการฉีดแก้มส้มจุดเดียว ราคาต่อซีซีค่อนข้างสูง ส่วนเติมไขมันแก้มส้มเหมาะสำหรับคนที่อยากปรับสัดส่วนด้วยการดูดไขมันด้วย และต้องการฉีดไขมันแก้มส้มในคราวเดียวกัน ซึ่งสามารถฉีดไขมันได้เยอะ ราคาคุ้มค่ากว่าฟิลเลอร์
    • ฉีดไขมันแก้มส้ม VS ฟิลเลอร์แก้มส้ม แบบไหนดีกว่ากัน แนะนำให้คนไข้พิจารณาจากข้อดี-ข้อเสียของแต่ละเทคนิค และความต้องการของคนไข้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ฉีดไขมันเพิ่มขนาดอะไรได้บ้าง ทำแล้วดีไหม?

อ่านเพิ่มเติม

ปัญหา “ขมับตอบ” แก้ได้ไม่ต้องกังวล!

อ่านเพิ่มเติม

หน้าตอบดูแก่กว่าวัย ฟื้นฟูให้หน้าอิ่มด้วยไขมันตัวเอง!

อ่านเพิ่มเติม

สรุป

          ท้ายนี้ หมอหวังว่าหลายคนคงจะได้ความรู้เกี่ยวกับการฉีดแก้มส้มกันไปแล้วนะคะ ทั้งแก้มส้ม คืออะไร ต้องฉีดจุดไหน ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธี ทั้งฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบด้วยไขมัน และด้วยสารเติมเต็ม HA ทั้งนี้ การตัดสินใจเลือกฉีดแก้มส้มด้วยวิธีไหน หมอแนะนำให้พิจารณาจากความต้องการของตัวเอง โดยข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธีนี้เอง จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการตัดสินใจได้ดีเลยค่ะ หรือหากมีข้อสงสัยอื่น ๆ หรือยังเลือกไม่ถูกว่าจะฉีดแก้มส้ม ฉีดแก้มตอบ ด้วยวิธีไหนดี สามารถเข้ามาปรึกษาหมอด้วยตัวเอง หรือสะดวกแอดไลน์ปรึกษาหมอได้ที่ LINE : @amaraclinic (มี@นำหน้า) หมอมะปรางยินดีให้คำปรึกษาฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่ายค่ะ

ขอบคุณภาพประกอบจาก :

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!

ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic

KOL Trainer
แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet

พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


              บทความนี้ จัดทำขึ้นโดย Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) ขอสงวนสิทธิ์ในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ คัดลอก ทำซ้ำ หรือเผยแพร่บทความนี้ในนามอื่น (ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา, ข้อมูลทั้งหมด หรือบางส่วนก็ตาม) โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบเจอจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย