ถุงใต้ตาบวม หรือถุงใต้ตาหย่อนคล้อย เป็นอาการที่ไม่อันตรายเลย แต่ดันส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของบางคนอย่างมาก เพราะถุงใต้ตาบวมจะทำให้ใบหน้าแก่ก่อนวัย ดูโทรม หมองคล้ำ ไร้เสน่ห์และราศี อีกทั้งยังแต่งหน้าปิดบังได้ยากอีกด้วย หากจะกล่าวว่าส่งผลทำให้บุคลิภาพดูแย่ลงก็ย่อมได้ (เหมือนนอนไม่พอ ดูไร้เรี่ยวแรง) ซึ่งปัญหาถุงใต้ตาบวมนั้น จริง ๆ แล้วมีสาเหตุมาจากหลายอย่าง และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย วันนี้หมอจะมาอธิบายสาเหตุของการที่เรามีถุงใต้ตาบวม พร้อมวิธีการกำจัดถุงใต้ตาด้วย ACCUtite ให้ทราบกันครับ เครื่องมือนี้คืออะไร? ดีไหม? มีวิธีอื่นอีกรึเปล่า? ถ้าอยากรู้ เราไปหาคำตอบกันได้เลย! – หมอไอซ์ Amara Clinic (KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน)

ถุงใต้ตา (Eye bags) คือการรวมตัวของไขมันบริเวณใต้ตา แล้วขยายตัวออกมาทำให้ดูมีลักษณะคล้ายถุง เจ้าถุงใต้ตานี้เป็นสิ่งที่คนเรามีกันทุกคน แต่ว่าขึ้นอยู่กับแต่ละคนเลยครับว่าจะมีจนมองเห็นได้อย่างชัดเจนแค่ไหน? บางคนอาจจะถุงใต้ตาบวมมาก หรือบางคนอาจจะมองแทบไม่เห็นเลยก็มี นอกจานี้ ภาวะถุงใต้ตาบวมยังเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต กรรมพันธุ์ และโรคบางชนิดได้อีกด้วย เรามาดูกันนะครับว่าถุงใต้ตาบวมเกิดจากกอะไร และคุณใต้ตาบวมที่คุณกำลังเผชิญอยู่มีแนวโน้มว่าเกิดจากสาเหตุใดมากที่สุด!

อายุและความเสื่อมโทรมของร่างกาย 

ไขมันที่อยู่บริเวณใต้ขอบตาล่างของเรา จะถูกกั้นด้วยกล้ามเนื้อเปลือกตาล่าง คนที่มีกล้ามเนื้อส่วนนี้แข็งแรง มักจะไม่ค่อยมีถุงใต้ตาบวมนี้โผล่มาให้เห็นเท่าไหร่นัก แต่พอสลับไปที่คนมีอายุมาก ๆ แล้ว ร่างกายก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา กล้ามเนื้อที่เคบแข็งแรงก็หย่อนคล้อย ประกอบกับสภาพผิวที่สูญเสียคอลลาเจนทำให้ไม่มีความยืดหยุ่น ถุงใต้ตาที่อุดมไปด้วยไขมันส่วนเกินจึงถูกดันออกมา ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน และรวมไปถึงการที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน

กรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมา 

เคสที่มีถุงใต้ตาบวมบางเคส อาจจะมีมาตั้งแต่กำเนิด เนื่องจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่ถ่ายทอดเป็นกรรมพันธุ์ส่งต่อมา เลยทำให้ไขมันนี้มาสะสมอยู่ตรงพื้นที่ใต้ตามากเกินไป จนล้นป่องทำให้ถุงใต้ตาบวมนั่นเอง โดยปกติแล้ว ต่อมไร้ท่อจะทำหน้าที่ผลิตและหลั่งฮอร์โมนที่ควบคุมการไหลเวียนของของเหลวในร่างกาย (ไขมัน เลือด หรือน้ำเหลือง เป็นต้น) หากต่อมไร้ท่อทำงานปกติ ก็จะไม่มีไขมันมากองอยู่บริเวณใต้ตามาจนเกินไป ใต้ตาก็จะมีสภาพเป็นปกติ ไม่บวม ไม่ช้ำนั่นเอง

อาการของโรคภูมิแพ้ 

โรคภูมิแพ้ทำให้ถุงใต้ตาบวมเป่งขึ้นมาได้  เนื่องจากการเป็นภูมิแพ้จะทำให้เส้นเลือดรอบ ๆ ดวงตาขยายตัวใหญ่ขึ้น ทำให้ใต้ตามีสีคล้ำ ดูช้ำ และบวมขึ้นมากลายเป็นถุงใต้ตาขนาดใหญ่ นอกจากนี้ หากคนที่เป็นโรคภูมิแพ้แล้วมีอาการระคายเคืองรอบดวงตา จนทำให้ต้องขยี้ตาบ่อย ๆ ถุงใต้ตามก็มีโอกาสบวมขึ้นได้อีก เนื่องจากเกิดการอักเสบนั่นเอง นอกจากโรคภูมิแพ้แล้ว หมออยากให้ระวังโรคอื่น ๆ ที่ทำให้ถุงตาบวมขึ้นมาเหมือนกับโรคภูมิเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโรคไต โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ฯลฯ เพราะโรคเหล่านี้จะทำให้เกิดภาวะน้ำคั่งในร่างกายมากกว่าปกติครับ

ถุงใต้ตาบวมจะมีจะมีอยู่ 2 ลักษณะหลัก ๆ แบบแรกคือถุงใต้ตาที่บวมเป่งเหมือนลูกโป่ง ไม่มีความเหี่ยวย่นของผิวหนังร่วมด้วย คล้าย ๆ กับการบวมน้ำ และแบบที่ 2 คือถุงใต้ตาบวมและย่น มีลักษณะเป็นถุงห้อยเหี่ยว หรือดูเป็นชั้น ๆ ครับ ทั้งนี้ บางคนอาจจะมีภาวะถุงใต้ตาบวมข้างเดียวก็เป็นได้ ก่อนที่เราจะรู้ว่าเราต้องรักษาถุงใต้ตาด้วยวิธีไหน เราต้องมาดูก่อนว่าถุงใต้ตาที่เกิดขึ้นมานั้นบวมเพราะอะไร และมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน

หากเป็นถุงใต้ตาเทียมหรือถุงใต้ตาบวมเป็นครั้งคราว อันเนื่องมากจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างการอดหลับอดนอน หมอแนะนำให้คุณค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การนอนให้มากขึ้น, หลีกเลี่ยงการร้องไห้ หรือรวมไปถึงการประคบเย็บรอบดวงตา เพื่อให้อาการถุงใต้ตาบวมช้ำมันดีขึ้น ส่วนใครที่มีปัญหาถุงใต้ตาบวมใหญ่ อันมีสาเหตุมาจากไขมันส่วนเกินหรือผิวหย่อนคล้อย หมอแนะนำให้ใช้วิธีทางการแพทย์ ดังนี้

1. ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เติมเต็มถุงใต้ตาที่เหี่ยวย่นให้เต่งตึงและดูสวยงามขึ้น
2. ฉีดไขมันใต้ตา (Fat Grafting) เติมเต็มรอยย่นและแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยด้วยไขมัน
3. ผ่าตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) สำหรับคนที่มีถุงใต้ตาที่ใหญ่มาก
4. ผ่าตัดจัดเรียงไขมันใต้ตา (Under Eye Fat Reposition) จัดเรียงไขมันที่อยู่ในถุงใต้ตาใหม่ เพื่อให้สวยงามและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
5. สลายไขมันใต้ตา + ยกกระชับพร้อมกันในครั้งเดียวด้วย ACCUtite

ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาถุงใต้ตาบวมจากสาเหตุอะไร หรือต้องการรักษาด้วยวิธีไหน ทาง Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) เรามีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการดูแลและรักษาโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน-เติมไขมัน, ศัลยแพทย์เฉพาะทาง, จักษุแพทย์เฉพาะทาง ด้านศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตาโดยตรง, แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง, แพทย์ผู้ชำนาญการด้านความงามและวิทยาการชะลอวัย, แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการฉีดฟิลเลอร์ (Local Mentor Trainer ของ Galderma), วิสัญญีแพทย์วิชาชีพ, ทีมพยาบาลวิชาชีพ และรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ดูแลคนไข้ศัลยกรรมมานานหลายปี

• ประเมินการรักษาอย่างละเอียด ให้เวลาแต่ละเคสเต็มที่
• วางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม สำหรับแต่ละเคสโดยตรง
• เน้นการรักษาที่มีคุณภาพ เห็นผลลัพธ์จริง ไม่เน้นขายมากเกินไป
• แพทย์มีความชำนาญการเฉพาะทางโดยตรง (เรามีครบทุกด้าน!)
• มีให้บริการถึง 2 สาขาใหญ่ในกรุงเทพฯ (รัชโยธินและราชพฤกษ์)
• ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อได้มาตรฐาน มีระบบ Positive Pressure
• มีบริการ After Care ดูแลเพียบ ด้วยเครื่องมือที่มีคุณภาพสูง
• ได้รับรางวัลการันตีจากบริษัทเครื่องมือ เว็บไซต์ และนิตยสาร