ใคร ๆ กันก็มีพุงกันทั้งนั้นเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนตัวเล็กหรือคนตัวใหญ่ก็ตาม สำหรับคนตัวใหญ่หรืออวบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจจะรู้สึกได้ว่าตัวเองมีหน้าท้องยื่นออกมาแทบจะตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ ส่วนคนตัวเล็กหรือคนผอม มักจะมีหน้าท้องป่อง ๆ ออกมาแค่บางช่วงเท่านั้นค่ะ หรือมีไขมันสะสมที่หน้าท้องน้อยเยอะ (พุงหมาน้อย) กว่าส่วนอื่น ๆ หมอเห็นว่าช่วงหลังมานี้ คนหันมาให้ความสนใจกับการดีท็อกลดพุงเพิ่มขึ้น ทั้งการดีท็อกลดพุงด้วยตัวเอง และการทานอาหารเสริมด้วยเช่นกัน เรามาทำความเข้าใจและหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องดีท็อกซ์ลดพุงนี้กันค่ะว่า มันดีจริงไหม? ดีท็อกซ์ลดพุงมีกี่สูตร? อันตรายรึเปล่า? – หมอมะปราง (แพทย์ผู้ชำนาญการด้านความงามและการชะลอวัย / KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน) Amara Clinic
การดีท็อกลดพุงคืออะไร?
ดีท็อกซ์ หรือ Detox มาจากคำว่า Detoxification หรือการล้างสารพิษ ดีท็อกลดพุงเป็นวิธิการกำจัดสิ่งสกปรก หรือสารพิษที่ตกค้างอยู่ออกจากร่างกาย เพื่อกระตุ้นการขับถ่าย ทำให้ระบบไหลเวียนดลหิตทำงานได้ดีขึ้น สุขภาพร่างกายดีขึ้น พุงยุบ น้ำหนักลด ไม่มีอาการท้องผูกอีกต่อไป แต่การดีท็อกลดพุงนั้นสามารถทำได้หลายวิธี
โดยวิธีดีท็อกซ์ลดพุงที่ได้รับความนิยมจะแบ่งออกเป็น 3 สูตร คือ การสวนล้างลำไส้, รูปแบบอาหารเสริม และดีท็อกลดพุงด้วยอาหาร เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะว่า แต่ละสูตรดีท็อกลดพุงมีข้อดีข้อเสียและความเสี่ยงแตกต่างกันอย่างไร
สูตรดีท็อกลดพุง
1.การดีท็อกลดพุงแบบสวนล้างลำไส้
การดีท็อกลดพุงด้วยการสวนล้างลำไส้ (Colonic Detoxification) เป็นวิธีที่มีมานาน แต่ค่อนข้างอันตราย ต้องทำอย่างระมัดระวังและถูกต้อง โดยวิธีนี้จะเป็นการนำอุปกรณ์ใส่น้ำเกลือ แล้วฉีดเข้าไปทางทวารหนัก เพื่อให้น้ำเป็นตัวลำเลียงสิ่งสกปรกที่อยู่ในลำไส้ออกมา ในลักษณะของการขับถ่าย แต่อย่างที่หมอบอกไปว่าวิธีนี้มีความเสี่ยง เรามาดูกันว่าความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการสวนล้างลำไส้เพื่อดีท็อกลดพุงแบบผิดวิธีมันมีอะไรบ้าง?
- หากใช้สารน้ำอย่างอื่นนอกเหนือจากน้ำเกลือ อาจทำให้ติดเชื้อได้
- อาจทำให้ลำไส้โป่งจนแตก หรือลำไส้ทะลุได้ หากใช้อุปกรณ์ที่มีแรงดันน้ำสูงเกินไป
- สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก แต่เลือกวิธีสวนล้างลำไส้ โดยการดีท็อกซ์อย่างรวดเร็วและมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายสูญเสียของเหลวมากเกินไป จนทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำได้
2.ทานอาหารเสริมไฟเบอร์หรือดีท็อกซ์
การทานอาหารเสริมไฟเบอร์หรือดีท็อกลดพุงที่ขายตามท้องตลาด มักจะมีส่วนประกอบเป็นไฟเบอร์ 2 ชนิด คือ ไฟเบอร์ที่สามารถละลายน้ำได้ (Soluble Dietary Fiber) จะพองตัวเป็นเจลในลำไส้ แล้วทำให้ลำไส้ดูซึมอาหารและน้ำตาลช้าลง และอีกชนิดหนึ่งคือไฟเบอร์ที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ (Insoluble Dietary Fiber) เมื่อกินเข้าไปแล้วจะดูดซึมน้ำและพองตัวขึ้น ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว กินอาหารได้น้อยลง เมื่อร่างกายได้รับไขมันและน้ำตาลน้อยลง พร้อมกับมีการกระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายคล่องขึ้น จึงไม่เกิดไขมันสะสม และช่วยลดพุงได้นั่นเอง
3.ดีท็อกลดพุงด้วยการทานอาหารที่เหมาะสม
ดีท็อกลดพุงง่าย ๆ แบบธรรมชาติ ด้วยการรับประทานอาหารที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายในช่วงเวลาที่เหมาะสม วันนี้หมอจัดมาให้ 2 สูตรด้วยกัน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่าย ๆ และคนส่วนใหญ่มีติดบ้านไว้ค่ะ แนะนำให้ทานช่วงเช้าตอนที่ท้องว่างหลังตื่นนอน จะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ดีเลยทีเดียวค่ะ (ทำสัปดาห์ละ 2-3 วันพอนะคะ) สูตรแรกคือการนำกล้วยน้ำหว้า 2 ผล มาปั่นผสมกับนมสด และสูตรที่สองคือการนำโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย, น้ำผึ้ง 1 ช้อน, นมสด 1 กล่อง และน้ำมันาวครึ่งลูกมาผสมกันแล้วดื่ม! รสชาติไม่แย่ แถมยังช่วยดีท็อกลดพุงได้ดีมาก
ข้อควรระวังในการดีท็อกลดพุงด้วยตนเอง
สำหรับคนที่มีการดีท็อกลดพุงด้วยวิธีธรรมชาติ หรือเน้นการทานผักและผลไม้เพิ่มไฟเบอร์ เพื่อให้เกิดการขับถ่ายมากขึ้น ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงค่ะ ถือเป็นวิธีดีท็อกลดพุงที่ปลอดภัยมาก ๆ แต่ถ้าใครอยากจะดีท็อกลดพุงด้วยการสวนล้างลำไส้ด้วยตัวเอง หมออยากให้ปรึกษาแพทย์ก่อน หรือหาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อให้เราดีท็อกซ์ได้อย่างถูกวิธี และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ส่วนใครที่จะไปซื้ออาหารเสริมดีท็อกลดพุงต่าง ๆ ให้ระวังส่วนผสมไว้ค่ะ บางยี่ห้อใส่ยาระบายให้แทน จึงทำให้ถ่ายหนักมาก เสี่ยงอันตรายต่อร่างกายได้ อีกทั้งยังไม่สามารถล้างสารพิษออกจากร่างกายได้อีก ดังนั้น ให้ปรึกษาเภสัชก่อนซื้อมาทานนะคะ
ทางลัดในการลดพุงแบบไม่เสี่ยง ทำทีเดียวจบ!
อย่างที่เห็นกันว่าการดีท็อกลดพุงมีหลายวิธี ความเสี่ยงก็จะขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกด้วย หากมีการปรึกษาแพทย์ประจำตัวเพื่อขอคำแนะนำจะดีกว่าการทำด้วยตัวเองค่ะ สำหรับคนที่มีพุงใหญ่ พุงป่อง มีไขมันหน้าท้องเยอะ อยากลดพุงนี้ออกไปแบบไม่ต้องพึ่งการดีท็อกซ์ เห็นผลได้ชัดเจนที่สุด หมอแนะนำเป็นการดูดไขมัน (Liposuction) ค่ะ แต่วิธีนี้เป็นการศัลยกรรม ค่าใช้จ่ายจึงอยู่ที่ประมาณหลักหมื่น อาจมีความรู้สึกเจ็บได้บ้าง และต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นช่วงนึง แต่ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียวค่ะ เพราะรูปร่างเปลี่ยนทันทีและแน่นอน อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเงินหลายรอบเพื่อซื้อดีท็อกมากิน หรือเสียเหงื่อไปกับการออกกำลังกายนานนับปี
การดูดไขมันคืออะไร? ดีไหม?
การดูดไขมันเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด เราสามารถเลือกได้เลยว่าอยากให้ไขมันตรงส่วนไหนลดลงบ้าง เช่น ดูดไขมันหน้าท้อง ดูดไขมันเอวเอส ดูดไขมันต้นขาใน ดูดไขมันต้นขานอก หรือดูดไขมันต้นแขน เป็นต้น การดูดไขมันถือเป็นวิธีการรักษาที่ดีและเหมาะสมกับคนที่อยากลดพุงแบบเร็ว ๆ เพราะใช้ระยะเวลาทำเพียง 2-3 ชั่วโมง หน้าท้องที่เคยยื่นก็จะยุบลงทันที จากนั้นก็ดูแลตัวเองและพักฟื้นประมาณ 1 เดือน เพื่อให้หน้าท้องเข้าที่สวยพร้อมอวดผิวสวย ๆ นะคะ
การดูดไขมันอันตรายไหม?
การดูดไขมันในปัจจุบันมีความอันตรายน้อยมาก ถ้าไม่พลาดไปเลือกสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีวิสัญญีแพทย์ในการให้ยาสลบ และมีราคาถูกมากจนเกินไป ถ้าอยากดูดไขมันแล้วปลอดภัยต้องเช็คข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์, มาตรฐานของห้องผ่าตัด, การบริการและดูแลหลังทำ, After Care, วิสัญญีแพทย์, การนับตำแหน่งดูดไขมัน, รีวิวจากเคสจริง และเลือกสถานที่ที่มีราคาดูดไขมันในระดับปานกลางขึ้นไป เพียงเท่านี้ก็จะลดความเสี่ยงหรือความอันตรายลงได้แล้วค่ะ
ดูดไขมันราคาเท่าไหร่?
การดูดไขมันมีการนับราคาหลากหลายมาก แต่ละสถานที่จะนับไม่เหมือนกัน ทั้งการนับจากจำนวณจุดแผล, ฝ่ามือทาบไปที่สัดส่วน หรือการเหมาทั้งบริเวณ ก่อนที่จะตกลงดูดไขมันต้องสอบถามให้ละเอียดว่าราคานี้ นับจากบริเวณไหนถึงบริเวณไหน เพื่อป้องกันการโดนเก็บเงินเพิ่มหลังจากดูดไขมันเสร็จค่ะ สำหรับที่ Amara Clinic จะนับราคาดูดไขมันแบบเหมาบริเวณ เช่น หน้าท้องบนและล่าง = 1 ตำแหน่ง, ต้นแขนทั้งสองข้าง = 1 ตำแหน่ง, เอวเอส+ปีกหลัง = 1 ตำแหน่ง, ต้นขาในทั้งสองข้าง = 1 ตำแหน่ง หรือต้นขานอกทั้งสองข้าง = 1 ตำแหน่ง เป็นต้น
ดูดไขมันที่ไหนดี?
สถานที่ดูดไขมันมีให้เลือกหลายแห่ง แต่ทุกแห่งมีมาตรฐาน ราคา และผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน อย่างที่ Amara Clinic มี KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Body-jet โดยตรง (หมอมะปรางและหมอไอซ์) ทีมแพทย์และทีมดูแลหลังการขายพบกับเคสดูดไขมันทุกวัน เพราะกว่า 95% ของเคสที่คลินิกเป็นเคสไขมันทั้งนั้นเลย ดังนั้น เราจึงมีความชำนาญในด้านนี้มาก
- ศูนย์ดูดไขมัน-เติมไขมัน โดยแพทย์ชำนาญการด้านดูดไขมัน-เติมไขมันโดยตรง
- ห้องผ่าตัดได้มาตรฐานคลีนรูมจริง มีระบบ Positive Pressure และระบบที่สำคัญครบ
- วางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ แบบ 1:1 อย่างปลอดภัย
- มีบริการ After Care ดูแลหลังดูดไขมันครบครัน
- เครื่องมือ-อุปกรณ์มีคุณภาพและได้มาตรฐานความปลอดภัย
- มีรีวิวดูดไขมันจากผู้ใช้บริการจริงเยอะที่สุด ครบทุกสัดส่วน ครบทุกไซซ์
นอกจากนี้ ทางเอมาร่าคลินิกยังได้รับรางวัลคลินิกที่มีจำนวนเคสดูดไขมัน Body-jet มากที่สุดในไทย 4 ปีซ้อน และคลินิกที่มีเคสยกกระชับสัดส่วนด้วย J Plasma มากที่สุดในทวีปเอเชีย 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นรางวัลที่แสดงถึงศักยภาพ ผลงาน และความไว้วางใจของผู้ใช้บริการจริง
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
สรุปว่าการดีท็อกลดพุงด้วยตัวเอง หากทำอย่างถูกวิธีและมีการปรึกษาแพทย์มาก่อน ช่วยลดพุงได้จริงและมีความปลอดภัย แต่ต้องทำความเข้าใจว่าการดีท็อกลดพุงด้วยการสวนล้างลำไส้ การทานอาหารเสริม และการทานอาหารสูตรธรรมชาติ ช่วยลดพุงได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากมีการกินอาหารเข้าไปใหม่ ก็สามารถกลับมามีพุงได้อีกครั้ง นอกจากนี้ การที่เรามีพุงเพราะไขมันส่วนเกิน การดีท็อกลดพุงด้วยวิธีที่กล่าวไปอาจไม่เห็นผลในระยะสั้น เพราะการดีท็อกจะเน้นไปที่การกระตุ้นการขับถ่ายออกแทนนั่นเอง สุดท้ายนี้ ถ้าคุณอยากลดไขมันหน้าท้องด้วยการดูดไขมัน สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ Amara Clinic ได้เลยค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic
KOL Trainer
แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet
พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)