เทรนด์หน้าเรียว V-Shape มีมานานแล้วนะคะ แต่ในปี 2023 นี้ก็ยังคงได้รับความนิยมสูงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย เพราะไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ปัญหาหน้าบานของสาว ๆ ยังคนอยู่มาตลอดเลยล่ะค่ะ บางคนอาจจะยังคิดว่าถ้าอยากหน้าเรียวต้องไปผ่าตัดศัลยกรรมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หมอขอบอกเลยว่าปัจจุบันนี้ แค่ฉีด หน้าเรียวก็มาแล้วค่ะ ใครอยากฉีดหน้าเรียวหรืออยากมีกรอบหน้าชัด ๆ ต้องมาอ่านบทความนี้ก่อนตัดสินใจ เพราะบางรายไปฉีดหน้ามาแล้ว หน้าพังเสียโฉมเลยก็มี!!
ฉีดหน้าเรียว ปรับหน้า V ต้องที่ Amara Clinic
ฉีดหน้าเรียวที่ไหนดี? อยากปรับรูปหน้าทั้งทีต้องมาที่ Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) คลินิกเสริมความงามที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการปรับรูปหน้าและปรับรูปร่างโดยตรง มีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านความงาม และ วิทยาการชะลอวัย (Anti-aging), แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง, KOL Trainer แพทย์ผู้สอนเติมไขมัน และทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางในอีกหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นบริการเสริมความงามให้ผิวพรรณทั่วไป (Skin) หรือรวมไปถึงบริการศัลยกรรม (Surgery) ก็ตาม
บริการฉีดหน้าเรียว ปรับรูปหน้า ที่ Amara Clinic
- ฉีดหน้าเรียวอย่างตรงจุดด้วยการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
- ฉีดสลายไขมัน จัดการส่วนเกินบริเวณแก้มและกรอบหน้า
- ACCUtite นวัตกรรมสลายไขมัน + ยกกระชับผิวแบบไร้รอยแผล
- Ultraformer III ยกกระชับกรอบหน้า เผยความเรียวผิวเต่งตึง
ฉีดหน้าเรียวด้วยโบท็อกซ์ดีไหม?
ฉีดหน้าเรียวด้วยโบท็อกซ์ “ดี” ค่ะ และเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมตลอดกาล เพราะราคาไม่แพงและเห็นผลนานหลายเดือน ซึ่งการฉีดหน้าเรียวที่หลายคนรู้จักกันคือการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม (Botox) โดยวิธีนี้จะเป็นการใช้ตัวยาที่มีชื่อว่า Botulinum Toxin A เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดมาจากแบคทีเรีย ฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อกราม ทำให้กล้ามเนื้อกรามคลายตัวและขยับไม่ได้ พอกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งาน (ไม่ขยับ) กล้ามเนื้อก็จะมีขนาดเล็กลง ใบหน้าของเราก็จะดูเรียวยาวมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
ฉีดโบท็อกซ์หน้าเรียวกี่วันเห็นผล?
คำถามยอดฮิตของคนอยากสวย! “ฉีดหน้าเรียวด้วยโบท็อกซ์ใช้ระยะเวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?” ส่วนใหญ่แล้ว จะเริ่มเห็นผลหลังจากฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วประมาณ 3-4 วัน หน้าจะดูเรียวทันใจภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนผลลัพธ์ในเรื่องของระยะเวลาหลังการฉีดหน้าเรียวจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้ค่ะ หากเป็นโบท็อกซ์ของอเมริกาจะได้ผลลัพธ์ที่นานกว่า โดยอยู่ที่ 6-8 เดือน และมีราคาที่สูงกว่า ส่วนโบท็อกซ์ของเกาหลีจะเห็นผลประมาณ 4-6 เดือน และมีราคาย่อมเยาว์กว่าค่ะ
ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม?
การฉีดโบท็อกซ์เป็นการทำหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องมีการเตรียมตัวและดูแลที่เคร่งครัดมากนัก แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ตัวยาจริง และมีความใส่ใจในเรื่องของความสะอาดค่ะ หมอต้องบอกว่าการฉีดหน้าเรียวด้วยโบท็อกซ์มีราคาหลายระดับมาก ทั้งราคาที่ถูกมาก ๆ ไปจนถึงแพงมาก ๆ โดยราคานี้ ไม่ได้ทำให้เราแยกได้ว่าเป็นโบท็อกซ์สัญชาติไหนเท่านั้น ยังช่วยให้เราคิดพิจารณาเรื่องความปลอดภัยเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
ทั้งนี้ แนะนำให้ดูรีวิวโบท็อกซ์กรามจากผู้ใช้บริการจริง เลือกคุณหมอที่มีประสบการณ์ ตัดสินใจฉีดหน้าเรียวในคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือได้มาตรฐาน และต้องเช็คว่าแพทย์มีการแกะกล่องดึงยาต่อหน้าเราหรือไม่ เพราะถ้าแพทย์มีการดึงยามาก่อนที่จะพบเรา มีโอกาสที่ตัวยานั้นจะผ่านการผสมน้ำเกลือหรือเป็นตัวยาปลอมได้ค่ะ หากพบว่าฉีดโบท็อกซ์มาแล้วมีอาการผิดปกติ แนะนำให้แจ้งแพทย์โดยด่วน
ฉีดโบท็อกซ์ตรงไหนได้บ้าง? จุดไหนปัง?
การฉีดโบท็อกซ์ไม่ได้ฉีดได้เฉพาะบริเวณกรามเท่านั้น บริเวณอื่น ๆ บนใบหน้าหรือลำตัวก็สามารถฉีดได้เช่นกันค่ะ แต่เคสส่วนใหญ่มักจะมีจุดประสงค์ในการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าเท่านั้นเอง ตำแหน่งที่สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้คือ ริ้วรอยหางตาหรือรอยตีนกา, รอยย่นหน้าผาก, ริ้วรอยระหว่างคิ้ว, ลดปีกจมูก, ฉีดร่องมุมปาก, กระชับรูขุมขน, ฉีดสันจมูกให้ชัดขึ้น, ฉีดรักแร้ลดเหงื่อและลดกลิ่นตัว, ฉีดหัวไหล่ให้ดูสวยงาม และฉีดน่องเรียว แก้ปัญหาน่องปูด เป็นต้น
เช็คก่อน!! ฉีดหน้าเรียวด้วยโบท็อกซ์อาจไม่ตอบโจทย์!
ใครที่แก้มใหญ่ แก้มบาน หน้าคล้อย ไม่ควรฉีดหน้าเรียวด้วยโบท็อกซ์ค่ะ เพราะมันไม่ตอบโจทย์และไม่ตรงจุดเลย เนื่องจากบางคนอาจจะมีไขมันบริเวณแก้มและกรอบหน้าเยอะ หรือรวมไปถึงมีสภาพผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปจึงไม่สามารถแก้ไขในจุดนี้ได้ ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่ามีการฉีดหน้าเรียวแบบอื่นอีกไหม? หรือใครที่มีปัญหาเหล่านี้ ควรจะรักษาอย่างไร เพื่อให้รูปหน้ากระชับเรียวยิ่งขึ้น
1.การฉีดสลายไขมัน
สำหรับคนที่หน้าดูอ้วน เพราะมีไขมันบริเวณแก้มเยอะ ๆ แนะนำให้ฉีดสลายไขมัน (Meso Fat) เลยค่ะ โดยจะเป็นการใช้ตัวยาฉีดเข้าไปบริเวณที่มีไขมัน เพื่อทำให้แก้มมีขนาดเล็กลง แต่ตัวยาที่ใช้ในการฉีดหน้าเรียวนี้ จะแบ่งการออกฤทธิ์หรือการจัดการเซลล์ไขมันเป็น 2 แบบ
- แบบที่ 1 หรือ Hypotrophy เป็นการฉีดตัวยาเข้าไปเพื่อทำให้ขนาดของเซลล์ไขมันเล็กลง พอเซลล์ไขมันเล็กลงแล้ว ขนาดของแก้มก็จะเล็กลงตามไปด้วย แบบนี้จะเห็นผลชัดเจนในช่วงแรก มีอาการบวมช้ำน้อย และรู้สึกเจ็บน้อย แต่เพราะเป็นการทำให้ไขมันหดตัวลงชั่วคราว ไม่ได้ทำให้ไขมันตายไป จึงส่งผลให้เซลล์ไขมันกลับมาพองตัวได้อีกครั้ง ดังนั้น การฉีดสลายไขมันแบบนี้ จึงเห็นผลได้ไม่นานเท่าไหร่นักค่ะ
- แบบที่ 2 เป็นการฉีดตัวยาเข้าไปเพื่อทำให้เซลล์ไขมันตาย พอไขมันตายแล้ว = ไขมันไม่มีประโยชน์ ขนาดจะเล็กลง และถูกร่างกายขับออกมา การฉีดหน้าเรียวด้วยตัวยาแบบนี้ เห็นผลชัดและเห็นผลนาน แต่ช่วงแรกหลังทำจะเจ็บ อักเสบ และบวมช้ำเยอะมากค่ะ
2.ACCUtite ลดไขมันพร้อมกระชับ
ใครที่มีไขมันบริเวณเหนียงหรือกรอบหน้าค่อนข้างเยอะ หมอจะแนะนำให้ทำ ACCUtite ค่ะ ตัวนี้ไม่ใช่การฉีดหน้าเรียว แต่เป็นนวัตกรรมที่สามารถยกกระชับผิวไปพร้อม ๆ กับ สลายไขมันได้ (หรือจะเรียกว่าการดูดไขมันก็ได้นะคะ) มีการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF) เข้ามาช่วยสร้างความร้อน เพื่อใช้ในการสลายไขมันและกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับเต่งตึงขึ้นค่ะ
จุดเด่นของ ACCUtite อยู่ที่ขนาดของอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กมากที่สุด! เมื่อเทียบเท่ากับเครื่องมือที่ใช้ในการสลายไขมันหรือยกกระชับเครื่องอื่น ๆ โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของเข็มอยู่ที่ 0.9 มิลลิเมตรเท่านั้น (เล็กพอ ๆ กับเข็มที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์) ทำให้สามารถเข้าถึงทุกซอกทุกมุม และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ใครที่มีเหนียงหรือคางสองชั้นเยอะ ๆ ACCUtite ตอบโจทย์ค่ะ ถือว่าเป็นวิธีลดเหนียงอย่างตรงจุดเลย!
3.Ultraformer III ยกกระชับปรับผิวเรียบตึง
Ultraformer III เทคโนโลยีที่จะช่วยกู้ผิวหน้าให้กลับมากระชับเต่งตึงขึ้นอีกครั้ง เครื่องนี้ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ในการรักษา เหมือนกับการทำ Hifu ค่ะ แต่พลังงานที่ใช้ใน Ultraformer III มีความเข้มข้นสูงกว่า Hifu ถึง 5 เท่า โดยเราจะเรียกว่า MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) ทำให้เห็นผลชัดเจนกว่า รวดเร็วกว่า และอยู่ได้นานกว่าการทำ Hifu
Ultraformer III สามารถส่งพลังงานลงได้ลึกมาก ทั้งชั้วผิวทุกชั้นและชั้นกล้ามเนื้อใบหน้าส่วนบนด้วยเช่นกัน ความเสถียรของพลังงานไม่ต้องพูดถึง เพราะ Ultraformer III ได้รับการรับรองมาตรฐานมาจากหลาย ๆ ประเทศ มีความปลอดภัยสูงและให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม สำหรับใครที่ยังไม่กล้าฉีดหน้าเรียวหรือผ่าตัดปรับรูปหน้า การแก้ปัญหาใบหน้าที่หย่อนคล้อยให้เป็นหน้าเรียวกระชับสวยด้วย Ultraformer III ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
การฉีดหน้าเรียวเป็นเรื่องปกติที่หลาย ๆ คนทำกันอยู่เป็นประจำ เพราะใบหน้าของเราต้องเป๊ะสวยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับคนที่มีอาชีพต้องออกหน้ากล้องอยู่ตลอด หากใครเป็นคนที่ยังไม่เคยฉีดหน้าเรียวหรือทำหัตถการเหล่านี้มาก่อน อยากเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น การฉีดโบท็อกซ์เป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ ทั้งนี้ ถ้ายังไม่รู้จะไปฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี? หรือควรปรับรูปหน้าอย่างไรให้สวยขึ้นในแบบที่คุณต้องการ สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่ Amara Clinic ได้นะคะ 🙂
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic