อาการผิวหนังเสียดสี เป็นอาการที่เกิดได้ทุกวัยและมักเกิดกับผู้ที่มีภาวะอ้วนหรือคนที่มีไขมันสะสมเยอะ ซึ่งปัญหานี้เกิดได้หลายส่วนทั่วร่างกายเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น ต้นคอ ใต้รักแร้ และข้อพับต่าง ๆ ซึ่งจุดที่เป็นแล้วแก้ยาก อีกทั้งยังสร้างผลเสียตามมาอย่างมากมาย นั่นก็คือ “ปัญหาขาหนีบเสียดสีกัน” 

อาการขาหนีบเสียดสีกัน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก ๆ ครับ อีกทั้งยังเป็นปัญหาที่ส่งผลได้ทั้งด้านสุขอนามัย การใช้ชีวิต และความสวยงาม ดังนั้นวันนี้หมอไอซ์จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับปัญหานี้ให้ดียิ่งขึ้น – หมอไอซ์ Amara Clinic

ขาหนีบคือตรงไหน?

ขาหนีบ จะอยู่บริเวณต้นขาด้านในทั้งสองข้างโดยล่างยาวมาตั้งแต่ช่วงโคนขาด้านหน้า ขาหนีบถือเป็นส่วนที่มีไขมันส่วนเกิดสะสมได้ง่าย แต่กลับเป็นส่วนที่ลดได้ยากอย่างมากครับ หลายคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็ยังคงพบไขมันส่วนเกินที่บริเวณนี้ได้เยอะอยู่ดีครับ ดังนั้นจึงทำให้ผิวหนังบริเวณนี้เกิดปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายพอกับบริเวณรักแร้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาการเสียดสี ปัญหาความหมองคล้ำ และปัญหาความอับชื้นต่าง ๆ

ขาหนีบเสียดสี เกิดจากอะไร?

หลายคนที่กำลังมีปัญหาขาหนีบเสียดสีคงต่างกำลังกลุ้มใจกันอยู่ใช่ไหมครับ ว่าปัญหานี้มันเกิดจากอะไร? ทำไมอยู่ดี ๆ เราก็เป็นขึ้นมา? แล้วคนที่เป็นมานาน ๆ ทำไมถึงไม่หายสักที? หมอขออธิบายก่อนเลยว่าปัญหาขาหนีบเสียดสี สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งต้นตอของปัญหาในแต่ละเคสก็จะต่างกันไป ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่หมอได้พบในคนไข้ส่วนใหญ่มักจะมาจากสาเหตุ ดังนี้

ขาหนีบเบียดเพราะไขมันสะสมที่ต้นขา

หลายคนมักจะเข้าใจว่าต้องเป็นสาวพลัสไซซ์เท่านั้นถึงจะเกิดปัญหาขาหนีบเสียดสีได้ แต่ในความเป็นจริงปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้ในคนหุ่นทุกแบบเลยครับ ถ้าหากว่าช่วงต้นขาของคนไข้มีไขมันสะสมเป็นจำนวนมาก

ส่งผลให้ขนาดของขาด้านในเกิดการขยายตัวจนเบียดและเสียดสีกันครับ ซึ่งปัญหาไขมันสะสมที่ขาหนีบเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายมาก ๆ ครับ และจะสังเกตได้ว่าไขมันส่วนนี้ถือเป็นไขมันดื้อที่ลดได้ยาก ไม่ว่าจะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารก็ลดปัญหาต้นขาชั้นในให้เล็กลงได้ยากครับ

จึงทำให้หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาขาหนีบเบียดเสียดสีนานหลายปีได้เลยครับ ดังนั้นใครที่สงสัยว่าตัวเองไม่ได้อ้วนมากทำไมถึงขาหนีบเสียดสีกัน หรือคนที่เป็นมานานทำไมไม่หายสักที ก็เป็นเพราะเจ้าไขมันต้นขาตัวร้ายที่ไม่ยอมลดไปจากเรานั่นเองครับ

ขาหนีบเบียดเพราะภาวะโรคอ้วน

นอกจากภาวะโรคอ้วนจะส่งผลเสียต่อสุขภาพภายในหลายด้านแล้ว นี่ยังถือเป็นต้นตอของปัญหารูปร่างต่าง ๆ อีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาอ้วนลงพุง ปัญหาเหนียงใหญ่ รวมทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาขาหนีบเสียดสีกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยครับ

เพราะเมื่อผิวหนังและชั้นไขมันมีการขยายตัวเนื่องจากภาวะโรคอ้วน จะทำให้ช่องว่างระหว่างขาหนีบหายไป ผิวหนังของขาหนีบทั้งสองข้างจึงเสียดสีกันตลอดเวลาที่คนไข้เคลื่อนไหว จนก่อให้เกิดอาการแสบ เจ็บ คัน ที่ขาหนีบหลังจากนั้นจึงเริ่มกลายเป็นแผล และทำให้ผิวที่ขาหนีบดำคล้ำขึ้นมาครับ

ขาหนีบเบียดเพราะการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป

สำหรับคนที่นิยมใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นกางเกงหรือกระโปรงที่มีความรัดแน่นเกิดไป ก็สามารถส่งผลให้ผิวหนังช่วงขาหนีบเกิดการเสียดสีได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้การใส่เสื้อที่ไม่ระบายจะก่อให้ความความอับชื้น ทำให้ผิวหนังที่เสียดสีเกิดการอักเสบและเป็นแผล จนคนไข้มีความรู้สึกแสบผิวและไม่สบายตัวได้ครับ

ขาหนีบเสียดสีกัน ส่งผลเสียอย่างไร?

ขาหนีบเสียดสีกัน ไม่เพียงแค่เป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมีปัญหาไขมันสะสมเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวได้อย่างหลากหลายด้านมาก ๆ ครับ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงผลเสียของอาการนี้หมอได้รวบรวมประเด็นสำคัญที่มักพบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาขาหนีบเสียดสี มาให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจที่ด้านล่างนี้แล้วครับ 

• เจ็บ แสน คัน ที่บริเวณผิวต้นขา 
• เกิดแผลพุพอง เป็นตุ่มใส 
• ผิวระคายเคืองได้ง่ายยิ่งขึ้น
• แบคทีเรียสะสมได้ง่ายขึ้น 
• รู้สึกไม่สบายตัวทุกครั้งที่เคลื่อนไหว 
• ก่อให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
• ทำกิจกรรมที่ต้องวิ่งหรือเดินนาน ๆ ไม่ได้
• ผิวหนังบริเวณขาหนีบคล้ำเสีย 
• สวมใส่เสื้อผ้าได้อย่างจำกัด
• เสียความมั่นใจในการสวมบิกินี่

วิธีแก้ขาหนีบเสียดสี ทำแล้วเห็นผลจริง ขาเล็กลง!!

ตอนนี้ทุกคนก็มีความเข้าใจถึงสาเหตุและผลเสียของอาการขาหนีบเสียดสีกันมากขึ้นแล้วนะครับ สำหรับประเด็นถัดมาหมอเชื่อว่าหลายคนคงอยากจะรู้มาก ๆ แล้วว่า “ขาหนีบเสียดสีกัน ทํายังไงดี”

หมอขอบอกเลยว่าจริง ๆ ปัญหานี้สามารถแก้ไขให้เห็นผลได้หลายทางมาก ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาด้วยวินัยของตัวเองหรือการเข้ารับการแก้ไขกับทางคุณหมอ ดังนั้นเราไปดูรายละเอียดวิธีแก้ขาหนีบเสียดสีกันเลยครับ

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับวิธีแรกที่หมอเชื่อว่าทุกคนสามารถเริ่มทำกันได้ทันทีหลังอ่านบทความนี้จบก็คือ “การออกกำลังกาย” ครับ เพราะอย่างที่หมอได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่าปัญหาขาหนีบเสียดสี เกิดจากการสะสมของไขมัน ดังนั้นการออกกำลังกายจึงเป็นวิธีที่แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

เพียงแค่ต้องอาศัยเวลาและวินัยในตัวของคนไข้ ที่ต้องทำอยากต่อเนื่องจึงจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครับ แต่หมอขอเตือนอย่างหนึ่งนะครับสำหรับคนที่มีปัญหาขาหนีบเบียด เสียดสี ไม่ควรออกกำลังกายที่เป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังเสียดสีมากยิ่งขึ้น เช่น การวิ่ง การเดินในระยะไกล แต่ควรเลือกการออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะ ทำคาร์ดิโอ้ หรือเล่นพิลาทิส แทนจะดีกว่าครับ

ควบคุมอาหาร

การที่จะทำให้ไขมันช่วงต้นขาลดจนมีช่องว่างระหว่างขามากขึ้น หมอแนะนำให้คนไข้ควบคุมอาหารไปด้วยจะช่วยได้เยอะมากครับ จากที่หมอได้พูดคุยกับคนไข้ที่มีปัญหาขาหนีบเสียดสีกัน มักจะเป็นกลุ่มคนที่ชอบทานของทอด ของมัน รวมทั้งของหวาน อย่างที่เรารู้กันว่าอาหารเหล่านี้มีปริมาณไขมันสูง

เมื่อร่างกายเราเผาผลาญไม่หมดก็กลายมาเป็นไขมันส่วนเกินอยู่ที่ต้นขาเราได้ครับ ดังนั้นควรเลือกวิธีการคุมอาหารที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น การทำ IF การทานคีโต หรือจะเป็นการคุมอาหารสำหรับคนหิวบ่อยด้วย Amara Pen ก็ได้เช่นกันครับ

ดูดไขมันต้นขา

ในกรณีของคนที่มีปัญหาขาหนีบเสียดสีกัน หมอถือว่าเป็นเคสที่เหมาะแก่การดูดไขมันอย่างมากเลยครับ เนื่องจากเป็นเคสที่มีก้อนไขมันสะสมอยู่ที่ใต้ชั้นผิวหนัง จึงทำให้ลักษณะของผิวบริเวณขาหนีบและต้นขาในมีความก้อนดันกันอยู่

เมื่อเกินหรือขยับร่างกายก็จะเกิดการเสียดสีกันตลอดเวลา ดังนั้นหากใครที่ต้องการกำจัดปัญหาขาหนีบเบียดแบบเร่งด่วน การเลือกดูดไขมันต้นขาถือเป็นวิธีที่ตอบโจทย์อย่างแน่นอนครับ แต่ในทั้งนี้การที่เราจะได้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันที่ดีตามความคาดหวัง จะต้องเลือกคลินิกดูดไขมันให้ดีครับ

เพราะการดูดไขมันไม่ใช่แค่เพียงแค่การดูดไขมันออกมาเท่านั้น แต่เราจะต้องดูในเรื่องของความสวยงามและมิติของเรียวขาหลังทำด้วยครับ ซึ่งที่ Amara Clinic เราเองมีจำนวนเคสในการดูดไขมันต้นขาทุกแบบทุกปัญหา ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีปัญหาขาเบียนแบบไหนก็สามารถเข้ามาปรึกษากับหมอไอซ์ได้ตลอดเลยนะครับ

ดูดไขมันต้นขา ที่ Amara Clinic ดีอย่างไร?

สำหรับผู้ที่มีปัญหาขาหนีบเสียดสีแล้วลดต้นขาไม่ลง จึงอยากทำการดูดไขมันต้นขาเพื่อปรับสัดส่วนเร่งด่วน แต่ไม่รู้จะเริ่มดูรีวิวจากที่ไหนดี หมอขอแนะนำให้ทุกคนลองมาทำความรู้จักกับ Amara Clinic ก่อนนะครับ เพราะหมอพร้อมที่นำทั้งความรู้และประสบการณ์ในด้านการดูดไขมัน มาใช้ในการปรับสัดส่วนในฝันของทุกคนให้กลายเป็นจริง แต่หากอยากรู้ว่าที่ Amara Clinic ดีอย่างไร? หมอแนะนำให้อ่านรายละเอียดด้านล่างต่อได้เลยครับ

แก้ขาหนีบเสียดสีได้จริงด้วยเครื่องดูดไขมันที่หลากหลาย

นอกจากในเรื่องของทักษะและประสบการณ์ที่คุณหมอมีแล้ว ที่ Amara Clinic เราก็ได้มีการนำเครื่องมือดูดไขมันที่หลากหลายมาใช้ เพื่อให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของคนไข้ในทุกด้าน โดยมีทั้ง เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ เครื่องดูดไขมันพลังคลื่นอัลตร้าซาวด์ และเครื่องดูดไขมันพลังกล

ดังนั้นไม่ว่าคนไข้จะไซซ์ไหนหรือจะมีปัญหาชั้นไขมันหนาแค่ไหน หมอก็สามารถนำเครื่องมือที่เหมาะสมจริง ๆ มาใช้ในเคสต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าอุปกรณ์ครบมืองานที่ออกมาก็ดีขึ้นตามอย่างแน่นอนครับ

มี After Care ดูแลหลังการดูดไขมัน

สำหรับคนไข้ที่มาดูดไขมันที่ Amara Clinic จะได้รับการดูแลอย่างดีด้วยบริการ After Care มากกว่า 30 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ห้องพักฟื้นระดับVVIP พยาบาลส่วนตัว ชุดกระชับ บริการฉายแสง และบริการนวดกระชับผิวต่าง ๆ ผิวของคนไข้จึงไม่เกิดปัญหาในเรื่องของความย้วย ผิวแตกลาย และก้อนแข็งก้อนไต และสำหรับท่านที่ทำการดูดไขมันต้นขาภายในห้องพักฟื้นเรายังมี เครื่องอัดลมป้องกันหลอดเลือดดำบริเวณขาอุดตัน คอยให้บริการเพื่อให้คนไข้ทุกท่านมั่นใจในการดูดไขมันของที่นี่ ว่ามาแล้วจะได้ทั้งขาสวย ๆ และไม่เสี่ยงอันตรายในด้านอื่น ๆ อีกด้วยครับ

วิสัญญีแพทย์ดูแลโดยตรงแบบ 1:1

ในการดูดไขมันทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ยาสลบหรือยาชา จำเป็นต้องดำเนินการโดยวิสัญญีแพทย์โดยตรงเพื่อให้สัดส่วนของการใช้ยาเป็นไปอย่างเหมาะสมต่อคนไข้ ที่ Amara Clinic เรามีบริการในเรื่องนี้จากวิสัญญีแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และในทุกเคสจะได้รับการดูแลแบบ 1:1 ตลอดการดูดไขมัน ดังนั้นจึงมั่นใจในเรื่องมาตรฐานการดูแลของทางคลินิกเราได้เลยครับว่ามีประสิทธิภาพแน่นอนครับ