ปัญหาเรื่องรอยดำจากสิวนี่เป็นอะไรที่กวนใจเราอย่างมากเลยนะคะ เพราะมันทำให้ใบหน้าของเราดูหมองคล้ำ เสื่อมโทรม ไม่เกลี้ยงเกลา ยิ่งเป็นมากคนก็อาจจะมองว่าเราเป็นคนสกปรกก็ได้ ทั้ง ๆ ที่ปัญหาเรื่องสิวและรอยดำจากสิวมันไม่เกิดขึ้นจากตรงนี้ สำหรับบางคนแล้ว ไม่ว่าจะทำความสะอาดใบหน้าอย่างไร หรือมีการบำรุงผิวพรรณดีแค่ไหน สิวก็สามารถเกิดขึ้นมาใหม่ได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำเหลืองไม่ดี เป็นรอยแผลเป็นง่าย หรือมืออยู่ไม่นิ่ง ชอบแกะชอบเกาสิวอยู่ตลอด หมอเชื่อว่าคงจะเบื่อปัญหารอยดำจากสิวอยู่ไม่มากก็น้อยใช่ไหมคะ ^^
รอยดำจากสิวหรือรอยสิว มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้หายไปได้เพียงชั่วข้ามคืน ถ้าไม่อยากมีรอยสิวเกิดขึ้นบนใบหน้านาน ๆ เราจะต้องหมั่นบำรุงรักษาผิว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิวตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลย นั่นก็คือตั้งแต่สิวเกิดขึ้น เราก็ต้องมีการกำจัดมันอย่างถูกวิธี เช่น ทายาแต้มสิวที่เหมาะสม หรือปล่อยทิ้งไว้ให้มันยุบลงไปเอง โดยที่ไม่แกะ บีบ หรือเกา จากนั้นก็ต้องทายาอย่างต่อเนื่อง สิวก็จะค่อย ๆ ยุบลงและไม่ทิ้งร่องรอยไว้
แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้ บางคนก็บีบสิวเองด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง จึงทำให้เกิดรอยแผลขึ้น ปล่อยไว้ไม่นานมันก็จะกลายเป็นรอยดำจากสิวหรือจุดด่างดำขึ้น หากทาครีมป้องกันรอยสิวตั้งแต่เนิ่น ๆ รอยสิวก็จะไม่ค่อยเข้มมาก แต่ถ้าปล่อยไว้นาน โดยไม่ทำอะไรเลย รอยดำจากสิวอาจจะฝั่งลึก และใช้ระยะเวลานานหลายเดือนกว่าจะจางหายไปได้ สำหรับเคสแบบนี้ ถ้าอยากให้รอยดำจากสิวหายเร็วขึ้นหรืออยากให้หน้ากลับมาใสแบบเร่งด่วน การทาครีมหรือเจลไม่ตอบโจทย์แน่ คงจะต้องพึ่งการเลเซอร์แทนซะแล้วค่ะ
รอยดำจากสิวเกิดจากอะไร? รอยสิวเกิดจากอะไร? รอยดำจากสิวหรือรอยคล้ำที่เกิดขึ้นหลังมีสิวเรียกว่า Post – Inflammatory Hyperpigmentation (PIH) เกิดจากการอักเสบของผิวหนังในชั้นหนังแท้ อันเนื่องมาจากการได้รับบาดเจ็บของเนื้อเยื่อในบริเวณนั้น ที่อาจจะมาจากการที่เราแกะสิว ซึ่งการอักเสบที่ว่านี้ จะไปกระตุ้นให้ Melanocytes ผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริเวณที่เคยมีสิวอยู่มีสีเข้มขึ้น เหมือนจุดด่างดำ เราจึงเรียกว่ารอยดำจากสิวนั้นเอง ซึ่งรอยดำจากสิวจะใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่ารอยแดงค่ะ
วิธีลดรอยดำจากสิวที่เห็นผลจริง
1. ทาครีมลดเลือนรอยดำจากสิว
วิธีลดรอยดำจากสิวที่ง่ายที่สุดคือการทาครีมบำรุงค่ะ ซึ่งครีมหรือเจลที่ว่านี้ ไม่ใช่ตัว Whitening หรือตัวเร่งขาวนะคะ ไม่งั้นอาจจะเกิดการอักเสบมากกว่าเดิมได้ แนะนำให้เลือกใช้เป็นครีมหรือเจลสำหรับรักษารอยสิว หรือรักษารอยแผลเป็นจากสิวโดยเฉพาะค่ะ
2. ทานอาหารเสริมบำรุงผิว
วิตามินซี (Vitamin C) มีส่วนช่วยในการเพิ่มการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น และต้านการเกิดเม็ดสีเมลานินได้ จึงช่วยให้รอยดำจากสิวค่อย ๆ จางลง และปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
3. เลเซอร์ลดรอยดำจากสิว
การเลเซอร์ (Laser) เป็นวิธีลดรอยดำจากสิวที่เห็นผลได้เร็วและชัดเจน เพราะจะใส่พลังงานแสงเลเซอร์เข้มข้นสูง ส่งตรงไปยังใต้ผิวหนังอย่างเจาะจง ทำลายเม็ดสีเมลานินให้แตกตัวออกจากกัน พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและสร้างคอลลาเจน จึงทำให้รอยดำจากสิวจางลงในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ทั้งนี้ การเลเซอร์ลดรอยสิวไม่ใช่ว่าทำครั้งเดียวแล้วจะเห็นผลเลย ควรทำซ้ำทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ หรือตามที่คลินิกนัดหมายค่ะ (ความถี่ในการยิงเลเซอร์จะขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้)
กู้หน้าใสเนียนสวยด้วย LUMECCA
สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องรอยดำจากสิว ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำต่าง ๆ คงจะรับรู้ได้ว่าหน้าของเรามันหมองคล้ำ ดูไม่สม่ำเสมอกันเสียเลย ใครที่อยากกู้สภาพผิวหน้าให้กลับมากระจ่างใสและเรียบเนียนสม่ำเสมอกันมากขึ้น หมอขอแนะนำนวัตกรรมแสงกึ่งเลเซอร์ Lumecca เลยค่ะ ตัวนี้จะใช้ IPL หรือ Intense Pulsed Light ความเข้มข้นสูง ที่มีความยาวคลื่น 580-1,200 นาโนเมตร (เข้มข้นกว่า IPL ทั่วไปถึง 3 เท่า) ในการลดเลือนเม็ดสีที่ผิดปกติ ช่วยลดรอยดำจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีระบบปล่อยความเย็น เพื่อปกป้องผิวระหว่างทำการรักษาด้วย ดังนั้น สามารถรับการรักษาได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ
การทำงานของ Lumecca
เม็ดสีเมลานินหรือเม็ดสีที่ทำให้เกิดรอยคล้ำจะดูดซับแสงที่ Lumecca ปล่อยลงไป เม็ดสีดังกล่าวจะถูกทำลายและค่อย ๆ จางหายไป หลังจากที่ลดรอยดำจากสิวด้วย Lumecca แล้ว รอยสิวจะมีสีเข้มขึ้นในวันแรก ๆ และจะตกสะเก็ด (ห้ามแกะ) ควรปล่อยไว้ให้สะเก็ดหลุดเองภายใน 1 สัปดาห์
นอกจากการรักษารอยดำจากสิวแล้ว Lumecca ยังสามารถรักษาปัญหาเรื่องเม็ดสีที่ปกติได้ทุกตำแหน่งในร่างกาย และปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจุดด่างน้ำตาล, รอยแดงจากสิว, ฝ้า, กระ, รอยเส้นเลือดบนใบหน้า และเส้นเลือดขอด เป็นต้น (ทำได้ทั้งใบหน้า ลำคอ เหนือหน้าอก หลังมือ และลำตัว)
คนที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วย Lumecca
- คนที่มีภาวะต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติและไม่สามารถควบคุมได้
- คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์
- คนที่หัวใจมีการทำงานผิดปกติ
- คนที่ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง
- คนที่มีรอยสักในบริเวณที่จะทำการรักษา
- คนที่กำลังเผชิญกับปัญหาผิวในบริเวณที่จะทำการรักษา
- คนที่เป็นโรคลมพิษ ลมบ้าหมู หรือโรคที่จะแสดงอาการ เมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสง
- คนที่เพิ่งผ่านการอาบแดดหรือทาครีมให้ผิวแทน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
ถ้าไม่อยากมีรอยแดงหรือรอยดำจากสิวเกิดขึ้นบ่อย ๆ อย่าลืมนะคะ ว่าเวลาที่เราเห็นสิวเกิดขึ้นมาแล้ว ห้ามไปแกะหรือบีบสิวอย่างเด็ดขาด! ถึงจะทำยากแต่ก็อดทนเอาไว้นะคะ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องรอยสิวตามมาอีก^^ หรือถ้าคุณมีรอยดำจากสิวเกิดขึ้นแล้ว จะป้องกันในครั้งนี้คงยาก เรามาลดรอยสิวอย่างถูกวิธีกัน! ซึ่งจะมีทั้งการทาครีม การทานวิตามินซี และการเลเซอร์เลยนะคะ ถ้าจะให้หมอแนะนำวิธีที่เร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด ขอแนะนำเป็การเลเซอร์รอยดำจากสิวด้วย Lumecca ที่ Amara Clinic ค่ะ รับรองติดใจแน่นอน เพราะเครื่องนี้เห็นผลชัดมาก ใครมาทำก็เป็นปลื้มกลับไปทุกคนเลยล่ะค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic