สวัสดีครับวันนี้มาพบกับหมอไอซ์และสาระสุขภาพดี ๆ อีกเช่นเคยนะครับ ในปัจจุบันนอกจากเราจะเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นแล้ว อาหารอร่อย ๆ ก็เข้าถึงได้ง่ายและได้ทุกเวลาเช่นกัน ดังนั้นเราจึงมักพบว่าทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน รวมทั้งตัวเรา มีปัญหากรดไหลย้อนกันมากขึ้นแถมทำยังไงก็ไม่หายสักที แล้วปัจจัยอะไรที่ส่งผลให้คนยุคนี้เป็นโรคนี้กันมากขึ้น แค่อาหารที่กินเข้าไปจริง ๆ ไหม เราไปไขข้อสงสัยว่า โรคกรดไหลย้อน เกิดจากอะไร พร้อม ๆ กันเลยครับ – หมอไอซ์ Amara Clinic
โรคกรดไหลย้อน คืออะไร
ภาวะกรดไหลย้อน หรือ GERD (Gastroesophageal Reflux Disease) คือ อาการที่จุกแสบกลางอกเนื่องจาก น้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร ทำให้เรารู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว ซึ่งภาวะโรคกรดไหลย้อนสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในช่วงวัยทารกไปจนถึงวัยชราเลยครับ อีกทั้งยังเป็นโรคที่ต้องรักษาด้วยการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นหลัก อาทิ การกิน การนอน ความเครียด และการควบคุมน้ำหนัก ดังนั้นจึงทำให้หลาย ๆ คนที่เป็นโรคนี้ไม่หายง่าย ๆ สักทีครับ
กลุ่มคนที่เสี่ยงเป็นกรดไหลย้อน
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
- ผู้ที่ชอบทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือ กินจุกจิก
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ที่ตั้งครรภ์
- ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มสุรา
เช็ก 17 อาการกรดไหลย้อน คุณมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้หรือเปล่า!
สำหรับผู้ที่ยังไม่แน่ใจว่าอาการที่เราเป็นอยู่ใช้กรดไหลย้อนหรือไม่ หมอมีวิธีเช็กอาการโรคกรดไหลย้อน ให้ทุกคนได้ลองสำรวจตัวเองง่าย ๆ กันครับ
- แสบร้อนบริเวณกลางอก
- เรอเปรี้ยว ในบางครั้งอาจรู้สึกถึงน้ำรสเปรี้ยวหรือขมไหลขึ้นมาที่คอ
- จุกหน้าอกคล้ายกับมีก้อนอะไรติดอยู่ที่คอ
- มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
- หลังทานอาหารมื้อหลังมีอาการแน่นท้องกว่าปกติ
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังรับประทานอาหาร
- เสียงแหบและเจ็บคอเล็กน้อย
- เจ็บคอเรื้อรัง
- หืดหอบ
- กรดไหลย้อนในเด็กอาจมีอาการอาเจียนบ่อยหลังดูดนม โลหิตจาง ไอเรื้อรัง หอบหืด ปอดอักเสบเรื้อรัง หยุดหายใจขณะหลับ น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัยได้
- มีเสมหะคาอยู่ในคอตลอดเวลา ทำให้ต้องกระแอมไอบ่อย ๆ ในช่วงเช้า
- รู้สึกหายใจไม่ค่อยออกในเวลากลางคืน หายใจไม่อิ่ม
- ไอเรื้อรัง หรือสำลักน้ำลายบ่อย ๆ
- กลืนแล้วเจ็บ หรือมีอาการเจ็บคอ แสบปาก แสบคอ แสบลิ้น ในช่วงเช้า
- มีกลิ่นปาก เสียวฟัน หรือฟันผุร่วมด้วยได้
- ในบางรายอาจมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลลงคอ หูอื้อ หรือปวดหูได้
- ไอแห้ง ๆ ต้องกระแอมไอบ่อย โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร หรือขณะนอน
โรคกรดไหลย้อน มีกี่ระดับ
โรคกรดไหลย้อน แบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ระดับแรก เป็นภาวะการไหลย้อนที่กระเพาะอาหาร (Gastroesophageal Reflux : GER) เป็นความผิดปกติของร่างกาย ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยจะเกิดอาการขึ้นในนานๆ ครั้ง ไม่ได้เป็นบ่อย
- ระดับสอง จะถือว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนแล้ว แต่เป็นกรดไหลย้อนแบบปกติ โดยกรดที่ไหลย้อนจะขึ้นมาอยู่ภายในหลอดอาหารเท่านั้น ไม่ไหลย้อนเกินกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบน จึงทำให้เกิดอาการผิดปกติแค่ที่หลอดอาหาร
ระดับสาม เป็นระดับที่มีกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมาก จนเหนือกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบน และไหลขึ้นมาที่คอและกล่องเสียง จนทำให้เกิดอาการผิดปกติที่คอ กล่องเสียง รวมถึงจมูกและหูด้วย เรียกอาการกรดไหลย้อนในระดับนี้ว่า LPR (Laryngopharyngeal Reflux)
กรดไหลย้อน เกิดจากอะไร
ปัญหากรดไหลย้อน เกิดจากการทานอาหารที่ไม่เป็นเวลา กินจุกจิก จนทำให้น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลกลับขึ้นไปที่หลอดอาหาร มักพบในกลุ่มผู้มีภาวะโรคอ้วนหรือน้ำหนักตัวเยอะ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ส่งผลให้อาการกรดไหลย้อนเป็นหนักขึ้นด้วย
พฤติกรรมกินแล้วนอน
กรดไหลย้อน เกิดจากการทานอาหารก่อนเข้านอนไม่ถึง 3 ชั่วโมง จะทำให้หูรูดของหลอดอาหารทำงานได้ไม่ดี เนื่องจากร่างกายอยู่ในลักษณะนอนราบ ทำให้กรดในกระเพาะเกิดการไหลย้อนขึ้นมา เราจึงมีปัญหาโรคกรดไหลย้อนและหากไม่ปรับพฤติกรรมจะส่งผลให้กลายเป็นปัญหาเรื้อรัง อีกทั้งพฤติกรรมนี้ยังทำให้เกิดไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตามมา โดยเฉพาะ ปัญหาพุงป่องช่วงล่างและต้นขาใหญ่ เป็นต้น
ทานของมันเป็นประจำ
ใครที่ชอบทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ ไม่ว่าจะ หมูกะทะ ขนมหวาน หรือของทอดต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นอาหารที่ส่งผลให้เกิดปัญหากรดไหลย้อนได้ทั้งสิ้นครับ เพราะในไขมันจะมีกรดไขมัน (fatty acid) อยู่ หากร่างกายได้รับมากเกินไป ภายในกระเพาะของเราก็จะมีกรดสะสมเยอะขึ้นได้ครับ ทำให้คนไข้รู้สึกจุกที่กลางอกและแน่นท้องมากขึ้น
ภาวะความเครียด
ความเครียดสามารถส่งผลกับอาการของโรคกรดไหลย้อนได้มากเลยครับ เพราะหากเรามีภาวะความเครียดสูง จะส่งผลให้หลอดอาหารไวต่อสิ่งกระตุ้น หรือ อ่อนไหวต่อกรด เมื่อร่างกายเกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย ความเครียดจะส่งผลให้เรามีอาการที่แสดงออกมารุนแรงกว่าเดิม
ดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นประจำ
แน่นอนว่าทั้งน้ำอัดลม ชา และกาแฟ ต่างก็มีน้ำตาลและกรดประกอบอยู่ในเครื่องดื่มสูงมากครับ และส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารอีกด้วย เมื่อเราดื่มน้ำเหล่านี้ทุกวันเป็นปริมาณมาก ก็จะทำให้เกิดกรดในกระเพาะและตีขึ้นมาจนรู้สึกจุกหน้าอกได้ครับ และหากยังมีการดื่มอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลให้เกิดเป็นโรคอ้วน หรือ โรคเบาหวานได้อีกด้วยครับ ดังนั้นกรดไหลย้อน เกิดจากน้ำหวานต่าง ๆ ได้อย่างมากเลยครับ
น้ำหนักตัวเยอะเกินเกณฑ์
ในกลุ่มของคนไข้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรือมีภาวะโรคอ้วน มักจะมีไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) เป็นจำนวนมาก จนส่งผลให้เกิดความดันในช่องท้อง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตับของเราไปเบียดกับกระเพาะมากขึ้น กระเพาะจึงอยู่ผิดรูปและหูรูดกระเพราะหลวมและหย่อนกว่าปกติ เมื่อทานอาหารเข้าไปจึงเกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้นครับ
นอกจากสาเหตุกรดไหลย้อน เกิดจากที่หมอกล่าวไปเบื้องต้นแล้ว การสูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และพักผ่อนน้อย ก็ยังส่งผลให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้มากขึ้นและหากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาการเหล่านี้อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้ครับ
กรดไหลย้อน ส่งผลเสียอย่างไร
โรงกรดไหลย้อนถือเป็นภัยเงียบของมนุษย์หนุ่มสาวชาวออฟฟิศอย่างมากครับ เพราะเป็นช่วงวัยที่พบอาการนี้เยอะที่สุด แต่ทั้งนี้หลาย ๆ คนก็ยังเลือกที่จะมองข้ามปัญหานี้เป็นเรื่องทั่วไป เราไปดูกันดีกว่าครับว่านอกจากกรดไหลย้อนจะทำให้เรารู้สึกแน่น จุกเสียดแล้ว โรคนี้ยังส่งผลอันตรายอะไรให้เราได้บ้าง
- ทำให้หลอดอาหารและทางเดินหายใจระคายเคือง
- กลืนอาหารลำบากกว่าปกติ
- เจ็บและมีเลือดออกภายในหลอดอาหาร
- หลอดอาหารอาจเกิดการตีบตันได้
- กระตุ้นให้เกิดโรคหอบหืดและโรคไอเรื้อรัง
- ส่งผลต่อการย่อยอาหาร
กินอะไรช่วยลดกรดไหลย้อน
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีอาการกรดไหลย้อนบ่อย ๆ แนะนำให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารก่อน โดยเคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากขึ้น ไม่รับประทานอิ่มจนเกินไป และแนะนำให้รับประทานอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และเลือกรับประทานเมนูอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ผัก-ผลไม้
ตัวอย่างอาหารที่มีส่วนช่วยลดกรดไหลย้อน
- อาหารโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา ไก่ ไข่ขาว น้ำเต้าหู้
- อาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ธัญพืช ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท ผักและผลไม้ที่ไม่มีกรดมากอย่าง กล้วย แตงโม แอปเปิล หรือแคนตาลูป
- อาหารที่มีไขมันดี เช่น อะโวคาโด อัลมอนด์ และน้ำมันมะพร้าว
- ดื่มน้ำขิงเป็นประจำ จะช่วยขับลม ช่วยย่อย และกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ลดอาการท้องอืด กรดและแก๊สในกระเพาะเกินได้
ตัวอย่างอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นกรดไหลย้อน
- อาหารที่มีไขมันสูง หรือไขมันแฝง เช่น ของทอด นม เนย ชีส
- อาหารที่ทำให้เกิดกรดและแก๊สในกระเพาะอาหาร เช่น ถั่ว ของหมักดอง อาหารรสจัด
- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น ชา กาแฟ
กรดไหลย้อน รักษายังไง
การรักษากรดไหลย้อน จะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การรักษากรดไหลย้อน หลัก ๆ ต้องมีการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันในหลายด้านมาก ๆ ครับ เช่น การทานอาหารที่ย่อยง่ายและเป็นเวลามากขึ้น สำคัญมาก ๆ คือต้องมีการควบคุมปริมาณของอาหารให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทานอาหารคลีน หรือ อาหารแคลต่ำ เป็นต้น
2. รักษาด้วยการรับประทานยา
ในกรณีที่คนไข้มีอาการรุนแรงแพทย์จะแนะนำให้ทานยาลดกรด เพื่อลดความจุกเสียดและบรรเทาอาการ ร่วมกับยาที่ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เพื่อให้อาหารสามารถเคลื่อนตัวผ่านหลอดอาหารไปยังกระเพาะอาหารได้ดีขึ้น
โดยส่วนใหญ่แล้ว แพทย์จะให้รับประทานยารักษากรดไหลย้อนติดต่อกันประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งในระหว่างนั้นอาจมีการปรับลด หรือเพิ่มยาบางตัวตามการตอบสนองต่อการรักษาของคนไข้ และถ้าอาการดีขึ้น จึงจะค่อย ๆ ให้หยุดยาลง
อย่างไรก็ตาม การใช้ยาลดกรดจะช่วยแค่บรรเทาอาการเท่านั้น ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าคนไข้ยังมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีครับ
เป็นกรดไหลย้อนเพราะกินจุกจิก Amara Pen แก้ได้
แน่นอนว่าคนที่เคยกินหนักกินเยอะ มักจะเลิกพฤติกรรมนี้ไม่ได้ในทันที ที่ Amara Clinic เราจึงมีการรักษาพฤติกรรมการกินให้คนไข้ด้วย Amara Pen ปากกาลดความอ้วน ที่จะช่วยปรับพฤติกรรมการกินให้ดียิ่งขึ้น กระเพาะสามารถทำงานได้ดี จนอาการกรดไหลย้อนเบาบางลง
Amara Pen คือปากกาคุมหิวที่มีตัวยา GLP-1 Analogue ดูแลและจ่ายยาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หลักการทำงานของ Amara Pen จะเป็นการควบคุมศูนย์หิว ศูนย์อิ่ม โดยการทำงานเลียนแบบ GLP-1 (Glucagen like Peptide 1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจะหลั่งออกมาหลังจากที่เราทานอาหาร เมื่อคนไข้ใช้ Amara Pen ตัวยาจะกระตุ้นการหลั่งของ Insulin ให้เพิ่มมากขึ้น ร่างกายจึงมีพลังงานเพียงพอจนรู้สึกอิ่มท้องและไม่หิวบ่อย กระเพาะอาหารที่เคยมีขนาดใหญ่ก็จะเล็กลงอยู่ในขนาดปกติครับ
ระยะเวลาในการใช้ Amara Pen จะอยู่ที่ 6 เดือนถึง 1 ปี เมื่อแพทย์มองเห็นว่าพฤติกรรมการกินของคนไข้ดีขึ้น แพทย์ก็จะสั่งให้คนไข้หยุดใช้ยาทันทีครับ ดังนั้นคนที่ต้องการแก้ปัญหากินจุกจิกด้วย Amara Pen มั่นใจได้เลยครับว่ามีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ
ในกรณีที่คนไข้สามารถลดไขมันในช่องท้องได้แล้ว ไม่ว่าจะด้วย Amara Pen, การคุมอาหาร หรือ การออกกำลังกาย แต่วยังรู้สึกว่ายังไม่ไขมันส่วนเกินหรือไขมันใต้ชั้นผิวหนักเยอะอยู่ การดูดไขมัน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยทำให้คนไข้ได้มีหุ่นที่ดีอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้การดูดไขมันเป็นเพียงการลดสัดส่วนปรับรูปร่างเท่านั้น แต่ไม่ใช่การลดน้ำหนักนะครับ
น้ำหนักเยอะ อยากลดความอ้วน ควรเลือกกินอะไร!?
- สุดยอดอาหารแคลน้อยครบ 3 มื้อ
- 7 อาหารลดพุง ลดเอว เร่งด่วน
- 10 ของกินเล่นไม่อ้วน! ของกินแคลน้อยไม่เกิน 100 แคล!
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
เรียกได้ว่าอาการกรดไหลย้อน เกิดจากการกินเป็นหลัก ดังนั้นทุกคนจึงควรให้ความใส่ใจต่ออาหารที่กิน ที่สำคัญควรกินให้เป็นเวลา แต่หากว่าใครที่ต้องการปรับพฤติกรรมเหล่านี้ด้วยตัวช่วยดี ๆ Amara Pen ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมากครับ แต่หมอก็อยากจะย้ำอีกครั้งว่าคนไข้ควรเลือกใช้ปากกาลดน้ำหนัก ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลการใช้อย่างใกล้ชิดเสมอ ห้ามซื้อจากออนไลน์มาใช้เองเด็ดขาดนะครับ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic