อาการหลังเสริมอก 7 วัน Check เลย! มีอะไรบ้างที่ต้องระวัง

ก่อนที่สาว ๆ ตัดสินใจเสริมหน้าอก นอกจากเรื่องข้อมูลต่าง ๆ เช่น เทคนิคการผ่าตัด, ซิลิโคนที่เลือกใช้, การเตรียมตัว และการดูแลตัวเองแล้ว ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้นั่นก็คือ อาการหลังเสริมอก 7วัน เพราะหลังเสริมหน้าอกในช่วง 1 สัปดาห์แรก นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงที่แผลยังไม่สมานตัวดี หน้าอกยังไม่เข้าที่ และยังมีอาการหลังเสริมอกอยู่ เช่น ปวด บวม ตึง นอกจากนี้ หลังเสริมหน้าอก 1 สัปดาห์ผ่านไป เรายังต้องหมั่นสังเกตตัวเองอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งอาการหลังเสริมอก 2เดือน, หลังอาการหลังเสริมอก 3เดือน และอาการหลังเสริมอก 1ปี รวมไปถึงอาการหลังเสริมหน้าอกที่ผิดปกติ และต้องพบแพทย์ด่วน ซึ่งวันนี้หมอวี (ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง Amara Clinic) มีข้อมูลอย่างละเอียดมาฝากกันอีกเช่นเคยครับ

หลังจากอาการหลังเสริมอก 7วันได้ผ่านไป การสังเกตอาการหลังเสริมหน้าอกก็ควรต้องทำอยู่อย่างต่อเนื่องครับ เพราะยังเป็นช่วงที่หน้าอกยังไม่เข้าที่ดี ซึ่งสามารถแบ่งเป็นระยะเวลาของอาการหลังเสริมอก 2เดือน, อาการหลังเสริมอก 3เดือน และอาการหลังเสริมอก 1ปี ครับ

• อาการหลังเสริมอก 2เดือน (ใน1-2 เดือนแรก) ในช่วงเดือนแรก ๆ หลังเสริมหน้าอก แผลสมานตัวดีแล้ว แต่คนไข้อาจยังรู้สึกตึง ๆ ที่หน้าอก โดยเฉพาะในเคสที่เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนขนาดใหญ่มาก รวมถึงรู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ ได้บ้าง และอาจมีอาการชาที่บริเวณเต้านม หรือที่หัวนม ซึ่งอาการหลังเสริมอก 2เดือน (ในช่วงเดือนแรก) จะค่อย ๆ บรรเทาลง
• อาการหลังเสริมอก 3เดือน หลัง 1-2 เดือนหลังเสริมหน้าอก และเข้าเดือนที่ 3 เป็นต้นไป คนไข้อาจรู้สึกเจ็บ ๆ ได้บ้างเล็กน้อยในบางตำแหน่ง
• อาการหลังเสริมอก 1ปี หลังเสริมหน้าอกผ่านไป 1 ปี อาการเจ็บ บวมช้ำ ปวดระบม อาการชา จะเริ่มหายเป็นปกติ แต่โดยส่วนมากแล้ว อาการหลังเสริมอก 1ปี มักจะเป็นอาการซึ่งเกิดจากการที่ไม่ได้นวดหน้าอกตามคำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากซิลิโคนเสริมหน้าอกบางรุ่น อาจต้องมีการนวด เพื่อลดการเกิดพังผืด หากไม่ได้นวดหน้าอก หรือนวดไม่สม่ำเสมอตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ คนไข้อาจรู้สึกว่าจับเต้านมแล้วแข็ง หรือบางรายที่เกิดพังผืดเยอะ อาจส่งผลให้รูปทรงเต้านมบิดเบี้ยวได้ รวมไปถึงหน้าอกห่าง ซึ่งเกิดได้จากพังผืด หรือความผิดพลาดในการเสริมหน้าอก

อาการหลังเสริมอก 2เดือน อาการหลังเสริมอก 3เดือน และอาการหลังเสริมอก 1ปี ที่หมอได้อธิบายไว้ในข้างต้น เป็นอาการปกติที่พบได้ และอาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ บรรเทาลงตามระยะเวลา แต่ในระหว่างนี้ หมอแนะนำให้คนไข้อย่าเพิ่งชะล่าใจเด็ดขาด เพราะบางรายอาจพบอาการหลังเสริมหน้าอกที่ผิดปกติ ที่อาจเกิดจากการดูแลตัวเองไม่ดีพอ หรือเกิดได้จากขั้นตอนการเสริมหน้าอกที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับการปรึกษาแพทย์ด่วน เดี๋ยวเรามาดูว่าอาการหลังเสริมหน้าอก ที่ควรพบแพทย์ด่วน มีอาการอะไรที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษครับ

• หลังเสริมหน้าอก รู้สึกได้ว่าหน้าอกบวมแดง ปวดแสบร้อน อาการไม่ดีขึ้น ไม่ทุเลาลง ซึ่งเป็นอาการหลังเสริมอก 7วัน ที่อาจบ่งบอกถึงอาการอักเสบติดเชื้อ
• ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ อาการหลังเสริมอก 7วัน อาจพบว่ามีหนอง หรือของเหลวไหลออกจากแผลเสริมหน้าอก รู้สึกเจ็บมาก
• หลังเสริมหน้าอก สังเกตเห็นตุ่ม เม็ดผื่น หรือเป็นก้อนแข็งที่เต้านม
• สัปดาห์แรกหลังเสริมหน้าอก อาการหลังเสริมอก 7วัน บางเคสที่มีอาการหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก หายใจติดขัด ควรพบแพทย์ด่วน
• หลังเสริมหน้าอก สังเกตเห็นหน้าอกเป็นริ้ว หน้าอกเป็นคลื่น หรือจับแล้วรู้สึกว่าหน้าอกแข็งขึ้น

อาการหลังเสริมหน้าอกจะหายเป็นปกติได้เร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ครับ โดยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี นอกจากจะช่วยให้อาการหลังเสริมหน้าอกหายดีแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ได้ เช่น อาการอักเสบ ติดเชื้อ, ซิลิโคนเคลื่อนตัว, หน้าอกแข็ง หรือซิลิโคนเบี้ยวเอียงผิดรูป ทำให้หน้าอกไม่เท่ากัน เป็นต้น สำหรับวิธีการดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอก สิ่งสำคัญที่เราควรเอาใจใส่เป็นพิเศษ ได้แก่

• ระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ เพราะอาจทำให้อักเสบติดเชื้อ แผลเปียก หายช้า
• ทำแผลให้สะอาดทุกวัน ตามคำแนะนำของแพทย์
• รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
• เข้ารับการทำ After Care ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เช่น ฉายแสง LED ลดอาการบวม, ทำแผล-ตัดไหมทึ่คลินิก หรือการทำเลเซอร์ลดรอยแดง รอยดำของแผลหลังเสริมหน้าอก
• พันผ้ารัดที่หน้าอกตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
• บางเคสที่เลือกเสริมหน้าอกชนิดที่ต้องมีการนวดหน้าอก ควรนวดหน้าอกตามคำแนะนำของแพทย์
• เวลานอน แนะนำให้หนุนหมอนหัวสูง หรืออาจใช้หมอนรองคอนอนได้
• งดการนอนคว่ำ งดนอนตะแคง แนะนำให้นอนท่าหงาย
• ใส่ซัพพอร์ตบราทางการแพทย์ (ไม่ใช่สปอร์ตบราทั่วไป) 
• งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้แผลหายช้า
• งดรับประทานอาหารไม่สุก อาหารหมักดอง และอาหารทะเล เพราะอาจเสี่ยงแผลติดเชื้อจากเชื้อโรคที่อาจปะปนมากับอาหารเหล่านี้
• ดื่มน้ำและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
• งดการใช้แขนออกแรงเยอะ เช่น งดยกของหนัก งดเล่นกีฬาและออกกำลังกายหนัก ๆ เพราะอาจทำให้แผลฉีกขาด เกิดอาการอักเสบ แผลหายช้า

ในสมัยก่อน การเสริมหน้าอก มักจะมีเพียงไม่กี่เทคนิคนะครับ จึงอาจทำให้อาการหลังเสริมอก 7 วัน หรือในสัปดาห์แรก คนไข้ต้องดูแลตัวเองแบบชนิดที่ว่าทั้งวันทั้งคืน ไหนจะต้องกังวลเรื่องแผลและการพักฟื้นที่นานหลายสัปดาห์ เพราะมีการเปิดแผลขนาดยาว ซึ่งส่งผลให้คนไข้เจ็บระบมมากและนาน แผลไม่สวย และไหนจะต้องระวังเรื่องเชื้อโรคที่จะเข้าผ่านสายเดรน ซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาในการฟื้นตัวหลังเสริมหน้าอกยาวนานมาก หรืออาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายตามมาได้เช่นเดียวกันครับ

แต่ในปัจจุบัน ที่ Amara Clinic เราได้นำเทคนิคเสริมหน้าอกแบบพิเศษเข้ามาใช้ ซึ่งเป็นการผสานกัน 3 เทคนิค ได้แก่ เทคนิค Breast Funnel, เทคนิค Seamless และเทคนิค Bloodless โดยความพิเศษของเทคนิคนี้จะทำให้การเสริมหน้าอกเป็นเรื่องชิว ๆ มากเลยครับ หลังเสริมหน้าอกไม่เจ็บมาก ฟื้นตัวและหายไว แผลหลังเสริมอกขนาดเล็กเพียง 2-3 เซนติเมตร (จากเดิม 4-5 เซนติเมตร) แผลสวย ลางานเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ที่สำคัญคือ ไม่ต้องใส่สายเดรนให้ยุ่งยากปวดหัวครับ

Breast Funnel Technique

เทคนิคเสริมหน้าอกแบบแรกคือ การใช้กรวยส่งซิลิโคนแทนการใช้มือของแพทย์สอดซิลิโคนเข้าไป จึงไม่ทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำมาก ส่งผลให้บวมช้ำน้อย ลดการติดเชื้อระหว่างทำการผ่าตัด นอกจากนี้ เนื่องจากเทคนิค Breast Funnel เป็นการใช้กรวยทางการแพทย์ส่งซิลิโคน จึงทำให้เปิดแผลเล็กก็เพียงพอแล้ว นับว่าเป็นเทคนิคที่ช่วยให้เจ็บน้อย ลดอาการบวมช้ำได้ดีครับ

Seamless Technique

Seamless Technique เป็นเทคนิคที่ใช้กาวทางการแพทย์ปิดแผล แทนการเย็บแผลด้วยไหมและเข็ม จึงไม่ทำให้มีแผลตะขาบ ขอบแผลสวย ผิวเรียบเนียน เหมาะสำหรับคนที่กังวงเรื่องแผลเป็นหลังเสริมหน้าอกครับ

Bloodless Technique

อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้หลังเสริมหน้าอก คนไข้ไม่ต้องใส่สายเดรน นั่นก็คือ Bloodless Technique หรือการใช้มีดไฟฟ้าจี้หยุดเลือดระหว่างการทำผ่าตัด ซึ่งจะช่วยไม่ให้เลือดคั่งในหน้าอก ลดการเสียเลือด ทำให้คนไข้พักฟื้นหายไว แลยังไม่ต้องใส่สายเดรนเพื่อระบายเลือดออกอีกด้วยครับ