รวมทุกเรื่อง “ดูดไขมันหน้าท้อง” ที่ควรรู้!! แบบละเอียด

ใครที่กำลังหาข้อมูลเรื่องการดูดไขมันหน้าท้องอยู่ คุณมาถูกที่แล้วนะครับ เพราะในบทความนี้ หมอไอซ์ Amara Clinic ได้รวมทุกเรื่องที่ควรรู้ และคลายข้อสงสัยหลาย ๆ อย่างให้อ่านกัน ทั้งดูดไขมันหน้าท้องกี่จุด? หรือดูดไขมันหน้าท้องดีไหม? ราคาเท่าไหร่? เป็นต้นนะครับ ลองไปทำความเข้าใจกันได้เลย! หรือจะเข้ามาปรึกษาหมอโดยตรงก็ยินดีครับ (แอดไลน์ที่นี่)

การดูดไขมันหน้าท้อง (Belly Liposuction) คือการกำจัดไขมันสะสม ที่อยู่บริเวณหน้าท้องออกไป ด้วยการใช้เครื่องดูดไขมันในการสลายเซลล์ไขมัน และดูดไขมันหน้าท้องออกมา เพื่อให้หน้าท้องมีขนาดเล็กลง พร้อมปรับรูปร่างให้ดูดีขึ้น และการดูดไขมันหน้าท้องยังช่วยเพิ่มความมั่นใจของเราให้มากขึ้นอีกด้วยครับ

ก่อนที่จะไปปรึกษาแพทย์ เพื่อดูว่าเราสามารถดูดไขมันหน้าท้องได้ไหม เราสามารถเช็คได้ด้วยตัวเองว่า เรามีไขมันสะสมหน้าท้องเยอะประมาณไหน เป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังมากกว่า หรือเป็นไขมันในช่องท้องมากกว่า

หากเป็นเคสที่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะกว่า หลังจากดูดไขมันหน้าท้อง จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าครับ หน้าท้องจะแบนลงเยอะ หากมีไขมันในช่องท้องเยอะกว่า หลังดูดไขมันหน้าท้องไปแล้ว หน้าท้องอาจจะไม่ได้มีขนาดเล็กลงมากนัก เนื่องจากการดูดไขมันหน้าท้อง ไม่สามารถลงลึกถึงภายในช่องท้องได้

จับพุงแล้วหยิบไขมันขึ้นมาได้เยอะ หน้าท้องนุ่มนิ่ม เป็นเพราะเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะนั่นเอง สามารถกำจัดไขมันส่วนนี้ได้ ด้วยการดูดไขมันหน้าท้องออกไป ถ้าเรามีไขมันชนิดนี้เยอะ หลังดูดไขมันหน้าท้องจะมีขนาดเล็กลงมาก ทำให้หุ่นที่เคยดูอวบอุ่น เพรียวบางลงในทันที

ไขมันสะสมในช่องท้อง ไขมันชนิดนี้ทำให้หน้าท้องของเรา ดูใหญ่ขึ้นซะจนแยกไม่ออกว่าพุงป่องเพราะไขมันส่วนไหนกันแน่ ทำให้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันหน้าท้อง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่เราคิด เพราะไขมันชนิดนี้ไม่ได้ออกมาด้วย หากต้องการกำจัดไขมันในช่องท้อง แนะนำให้ปรับการกิน 70% และออกกำลังกายอีก 30% นอกจากไขมันจะลดลงแล้ว สุขภาพร่างกายยังดีขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ สำหรับใครที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย และไม่สามารถปรับพฤติกรรมการกินได้เอง มีความกังวลกับน้ำหนัก และไขมันในช่องท้องมาก ลองเข้ามาปรึกษาคุณหมอ เพื่อรับรายละเอียดว่าควรดูดไขมันหน้าท้อง หรือใช้ปากกาลดน้ำหนัก Amara Pen  ได้ โดยตัวยานี้ ผ่านการรับรองมาแล้วว่าปลอดภัย มีการดูแลติดตามการรักษา โดยแพทย์ทุกสัปดาห์ (ดูรีวิว Amara Pen ปากกาลดน้ำหนัก)

คนที่มีหน้าท้องหย่อนคล้อย หรือมีผิวย้วย พุงย้วย เช่นคุณแม่หลังคลอด, คนที่มีอายุ หรือคนที่มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักอย่างรวดเร็ว อาจจะไม่เหมาะกับการดูดไขมันหน้าท้องทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าแพทย์จะประเมินว่าเรามีความหย่อนคล้อยในระดับใด และมีไขมันที่จะดูดออกมาเยอะแค่ไหน

ถ้าผิวย้วยระดับน้อย การสวมชุดกระชับหลังดูดไขมันหน้าท้อง และการนวดกระชับ RF ก็เพียงพอแล้ว, หากผิวย้วยระดับกลาง อาจจะต้องยกกระชับสัดส่วนด้วย J Plasma ควบคู่ไปกับการดูดไขมันหน้าท้อง เพื่อให้ผิวเฟิร์มกระชับขึ้น และถ้าเป็นเคสที่ผิวย้วยระดับรุนแรง การดูดไขมันหน้าท้อง และยกกระชับสัดส่วนอาจไม่เห็นผลนัก แนะนำให้ทำการผ่าตัดหนังหน้าท้อง (Tummy Tuck) แทน

ตัวอย่าง เคสดูดไขมันหน้าท้องที่ Amara Clinic

ตัวอย่าง เคสผลการรักษาด้วย J Plasma

บทความที่เกี่ยวข้อง

• ดูดไขมัน คืออะไร ? อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ดูดไขมัน
• J Plasma คือะไร ? อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ J Plasma

ดูดไขมันหน้าท้องกี่จุด? จุดดูดไขมันหน้าท้องนั้น มีความแปรเปลี่ยนไปตามแต่ละคลินิก ขึ้นอยู่กับว่าคลินิกดูดไขมันแต่ละแห่งมีการนับจุดดูดไขมันหน้าท้องอย่างไร บางที่ก็นับจุดจากรอยดูดไขมัน บางที่ก็นับด้วยฝ่ามือ แต่สำหรับดูดไขมันหน้าท้องกี่จุด ที่ Amara Clinic นั้น เรานับจุดดูดไขมันหน้าท้องเป็น 4 จุด คือดูดไขมันหน้าท้องบน, ดูดไขมันหน้าท้องล่าง, ดูดไขมันหน้าท้องส่วนกลาง หรือบริเวณเอว และจะมีอีกหนึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องคือบริเวณปีกหลัง

ดูดไขมันหน้าท้องบน

ดูดไขมันหน้าท้องบน ส่วนนี้เป็นส่วนที่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังอยู่ค่อนข้างน้อย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นไขมันในช่องท้องที่ไม่สามารถดูดไขมันออกมาได้ โดยแต่ละเคสจะมีปริมาณไขมันที่แตกต่างกัน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้ว่า เรามีไขมันสะสมหน้าท้องส่วนบน เยอะแค่ไหน ต้องดูดไขมันหน้าท้องบนออกมาเท่าไหร่ จึงจะออกมาสวย

ดูดไขมันหน้าท้องล่าง

ดูดไขมันหน้าท้องล่าง ส่วนนี้เป็นส่วนที่ใคร ๆ ก็พบเจอ โดยเฉพาะสาว ๆ ตัวเล็กจะเห็นได้ชัดมาก ซึ่งส่วนเกินตรงนี้ เราจะเรียกว่า “พุงหมาน้อย” จะเป็นลักษณะของพุงป่องออกมาที่หน้าท้องส่วนล่าง ทำให้ใส่เสื้อผ้าไม่สวย รูปร่างดูไม่เป๊ะ โดยส่วนใหญ่เคสที่มาดูดไขมันหน้าท้อง มักจะมีปัญหาที่หน้าท้องส่วนล่างเป็นหลัก 

รีวิว ดูดไขมันพุงหมาน้อย จากเคสจริง

ดูดไขมันเอวเอส

สรีระเดิมของคนไข้บางคน แม้จะผอมแค่ไหน แต่ก็ดูไม่มีเอวเลย การดูดไขมันเอวเอส สามารถปรับรูปร่าง เพื่อให้เอวมีความคอดขึ้นได้ สำหรับใครที่เป็นคนตัวใหญ่ไขมันเยอะ อยากให้ตัวเองมีส่วนเว้าส่วนโค้ง หรือ S Curve มากขึ้น ก็สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อสอบถามได้ว่า หลังจากที่ดูดไขมันเอวคอดไปแล้ว เอวของเราจะคอดขึ้นมากแค่ไหน

ดูดไขมันปีกหลัง

ดูดไขมันปีกหลังเป็นส่วนที่แนะนำให้ ทำควบคู่ไปกับการดูดไขมันเอวเอส เพราะมีส่วนที่เชื่อมกันอยู่ ในเคสที่มีไขมันปีกหลังเยอะ การดูดไขมันเอวเอสเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ได้ไม่ชัดเจน หากต้องการให้รูปร่างดูเพรียวบาง เอวคอดสวย จึงต้องดูดไขมันปีกหลังร่วมด้วย (ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ในแต่ละเคส)

ผู้ชายส่วนใหญ่ มักจะมีกิจกรรมสังสรรค์ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือมีพฤติกรรมการกินในปริมาณที่เยอะ ทำให้ผู้ชาย มีปัญหาไขมันสะสมหน้าท้องไม่แพ้ผู้หญิงเลย ถ้าถามว่า “ดูดไขมันหน้าท้อง ผู้ชายทำได้รึเปล่า?” ขอตอบเลยว่า “ได้” แต่ต้องให้แพทย์ประเมินร่างกายให้ก่อนว่า ไขมันที่ทำให้หน้าท้องใหญ่ เป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังรึเปล่า? มีปริมาณไขมันเยอะแค่ไหน และมีสภาพผิวเป็นอย่างไร เพื่อแนะนำการรักษาที่เหมาะสมที่สุดให้

เคสดูดไขมันหน้าท้องผู้ชาย ที่ Amara Clinic

ขั้นตอนดูดไขมันหน้าท้อง จะประกอบไปด้วยการใส่สารน้ำ Tumescent, การสลายเซลล์ไขมัน (แยกเซลล์ไขมันให้แตกตัวออกจากกัน) และ การดูดไขมันหน้าท้องออกมา เนื่องจากไขมันที่เราจะดูดออกมาน้ัน อยู่ที่ใต้ชั้นผิวหนัง ที่มีการแพคแน่นติดกันของเซลล์ไขมัน และพังผืด เราจึงต้องมีการใช้ตัวช่วย เพื่อให้แพทย์ดูดไขมันหน้าท้องออกมาได้ง่ายมากขึ้น

ขั้นตอนแรกของการดูดไขมันหน้าท้อง คือการใส่ Tumescent เข้าไปที่ชั้นไขมัน โดย Tumescent คือ สารน้ำที่ประกอบไปด้วยน้ำเกลือ เพื่อขยายช่องว่าง, ยาชา เพื่อลดความเจ็บ, Adrenaline ทำให้เส้นเลือดหดตัว และตัวยาอื่น ๆ ตามแต่ละคลินิก การใส่ Tumescent ก่อนดูดไขมันหน้าท้อง จะช่วยลดการเสียเลือด ทำให้คนไข้เจ็บน้อยลง และยังลดโอกาสที่จะเกิด Fat embolism ได้อีกด้วย

ขั้นตอนนี้ จะใช้เครื่องดูดไขมันเข้ามาช่วย เช่นเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ที่ใช้น้ำในการสลายไขมันอย่างอ่อนโยน ทำให้ไขมันไม่ตาย สามารถนำไขมันไปเติมส่วนอื่นต่อได้ หรือเครื่องดูดไขมันเวเซอร์ Vaser Smooth 2.2 ที่ช่วยสลายไขมันอย่างตรงจุด ดูดไขมันหน้าท้องได้เยอะในเวลาไม่นาน ซึ่งเหมาะมากกับเคสที่มีไขมันเยอะ หรือเคสดูดไขมันหน้าท้องผู้ชาย ขั้นตอนนี้ก็แล้วแต่ว่า ทางคนไข้ตกลงกับคลินิกว่าจะดูดไขมันหน้าท้องด้วยเครื่องอะไร

ขั้นตอนสุดท้ายคือการดูดไขมันหน้าท้องออกมา ซึ่งแพทย์จะต้องดูดไขมันในปริมาณที่เหมาะสม และรู้ว่าควรจะดูดไขมันตรงไหน ด้วยปริมาณเท่าไหร่ เพื่อให้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันหน้าท้องออกมาสวยงามที่สุด หากเป็นเคสที่ดูดไขมันหน้าท้องด้วยเครื่อง body-jet ก็สามารถแจ้งแพทย์ได้ว่าต้องการดูดไขมันหน้าท้องทิ้ง หรือต้องการดูดไขมันหน้าท้อง เพื่อเอาไขมันไปเติมต่อ (การฉีดไขมัน) เพราะจะใช้ถังเก็บไขมันที่แตกต่างกันไป

ทีมแพทย์ที่ Amara Clinic ได้จบหลักสูตรการดูดไขมันระดับสูง และการเติมไขมันระดับสูง จากประเทศเกาหลีโดยตรง นอกจากนี้ยังมีความรู้ความเชี่ยวชาญมาก ในด้านสรีระศาสตร์ และการออกแบบรูปร่างให้สวยงาม จึงได้นำเทคนิคดูดไขมันเกาหลีมาปรับใช้ กับเคสดูดไขมันหน้าท้องที่เป็นคนไข้ของเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคซ่อนแผลที่ขอบบิกินี, เทคนิคดูดไขมัน Sexy Line 3D, เทคนิคดูดไขมัน Six Pack 3D และเทคนิคดูดไขมันเอวเอส 360° เป็นต้น

เทคนิคดูดไขมันหน้าท้องแบบซ่อนแผล ไร้รอยดูดไขมัน แม้จะใส่บิกินีก็มองไม่เห็น!! เคสที่ดูดไขมันหน้าท้องที่ Amara Clinic เราจะมีการเปิดแผลตามขอบบิกินีไลน์ (ขอบบรา 2 จุด, ขอบกางเกงชั้นใน 2 จุด และสะดือ 1 จุด) ทำให้มองไม่เห็นแผลดูดไขมันหน้าท้องเลย แต่ในบางเคสก็อาจจะมีการเปิดแผลดูดไขมันหน้าท้องเพิ่มได้ หากเป็นเคสที่มีหน้าท้องใหญ่มาก นอกจากนี้ทาง Amara Clinic ยังมีบริการเลเซอร์รอยดำ ด้วย Pico Laser และเลเซอร์รอยแดง ด้วย IPL Laser สำหรับแผลดูดไขมันหน้าท้อง อีกด้วย

การดูดไขมันหน้าท้อง ช่วยปรับรูปร่างในระดับหนึ่ง แต่ถ้าใครต้องการหุ่นที่มีความเป๊ะมากขึ้น มีความเซ็กซี่ขึ้น อยากใส่บิกินีอวดกล้ามหน้าท้อง ก็สามารถดูดไขมันหน้าท้อง ควบคู่ไปกับการดูดไขมันเซ็กซี่ไลน์ได้

ซึ่งเซ็กซี่ไลน์คือ แนวกล้ามหน้าท้องของผู้หญิง ที่มีลักษณะเป็นร่อง 11 โดยเทคนิคดูดไขมัน Sexy Line ของหมอไอซ์ ที่ Amara Clinic นี้ เป็นเทคนิคเฉพาะตัว ที่ช่วยให้คนไข้มีเซ็กซี่ไลน์สวย ๆ เน้นความธรรมชาติทั้งแสงและเงา (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ดูดไขมัน Sexy Line)

สำหรับเคสดูดไขมันหน้าท้องผู้ชาย ก็สามารถเพิ่มความเฟิร์มให้กับหน้าท้องได้ โดยไม่ต้องเสียเหงื่อออกกำลังกาย ด้วยการดูดไขมันซิกแพค พร้อมกับทำเทคนิคดูดไขมัน Six Pack 3D ซึ่งจะช่วยสร้างกล้ามหน้าท้องให้ดูชัดขึ้น เพิ่มความเซ็กซี่ให้รูปร่าง สามารถอวดหุ่นเท่ ๆ ได้เท่าที่ใจต้องการ

การดูดไขมันเอวเอส (ดูดไขมันเอวคอด) ที่ Amara Clinic เราไม่ได้ทำให้เอวคอดลงเพียงอย่างเดียว แต่เราดูองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย และจะใช้เทคนิคดูดไขมันเอวเอส 360° หรือดูดไขมันรอบเอว เพื่อให้เอวมีความคอด มีความเพรียว แบบธรรมชาติที่สุด

นอกจากนี้ ก่อนดูดไขมัน แพทย์จะมีการออกแบบสัดส่วน แบบ Case by case เพื่อให้การรักษาตรงจุด เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด รวมไปถึงการดูดไขมันหน้าท้องในปริมาณที่พอดี เหลือไขมันเหนือก้นไว้เล็กน้อย เพื่อให้ช่วงเอวดูมีเคิร์ฟมากขึ้น

Amara Clinic เราคือศูนย์ดูดไขมันเฉพาะทาง เราจึงมีเครื่องดูดไขมันหลายชนิด เลือกใช้แต่เทคโนโลยีใหม่ และทันสมัย เพื่อตอบโจทย์คนไข้ของเราในแต่ละเคสมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย พักฟื้นไว และสามารถเอาไขมันไปเติมได้, เครื่องดูดไขมันพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ อาทิเครื่องเวเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง Vaser Smooth 2.2 และเครื่องดูดไขมัน Ultra Z จากเกาหลี หรือเครื่องกระชับสัดส่วน ช่วยให้ผิวเฟิร์ม อย่าง J Plasma เป็นต้น

เครื่องดูดไขมันแต่ละเครื่อง มีพลังงานที่ใช้ในการสลายไขมันต่างกัน ทำให้มีความเจ็บ มีอาการหลังดูดไขมันหน้าท้อง มีข้อดีข้อเสีย และผลลัพธ์ที่ได้ไม่เหมือนกัน เราลองมาศึกษาวิธีดูดไขมันหน้าท้องแต่ละแบบกันดีกว่า ว่าแตกต่างกันอย่างไร (อ่านเพิ่มเติม : เครื่องดูดไขมันต่างกันอย่างไร ?)

วิธีนี้เป็นวิธีดูดไขมันหน้าท้อง ที่มีความอ่อนโยนมากสุด เพราะเป็นการใช้พลังงานน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของวงการดูดไขมันก็ว่าได้ การดูดไขมันหน้าท้องแบบ Water Jet Assisted Liposuction จะอ่อนโยน นุ่มนวล ต่อเซลล์ไขมันมาก ไขมันจะค่อย ๆ ถูกน้ำเซาะจนแตกตัวออกจากกัน โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ได้เซลล์ไขมันที่มีคุณภาพ เอาไปเติมไขมันต่อได้ แถมผลลัพธ์หลังดูดไขมันหน้าท้อง ยังทำให้เราเจ็บน้อย ช้ำน้อย และใช้เวลาพักฟื้นไม่นานอีกด้วย

ตัวอย่างของเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ คือเครื่อง body-jet (บอดี้เจ็ท) นวัตกรรมจากเยอรมนี สามารถดูดไขมัน และเติมไขมันได้ในครั้งเดียว โดยที่ทาง Amara Clinic เป็นศูนย์การสอนดูดไขมัน เติมไขมัน ประจำประเทศไทย โดยแพทย์เฉพาะด้าน และเรายังมีเคสเติมไขมัน และเคสดูดไขมันพลังน้ำ body-jet เยอะที่สุดในประเทศไทย การันตีด้วยรางวัลคลินิกที่มีเคสเยอะที่สุด “The Most Body-jey Users”

เติมไขมันได้อย่างไร?

หลังจากที่ดูดไขมันหน้าท้อง ออกมาใส่ถังเก็บไขมันแบบสุญญากาศแล้ว ก็จะมีการนำไขมันไปปั่นคัดกรอง เพื่อแยกเอาเฉพาะเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพจริง ๆ ออกมา หลังจากนั้นก็จะนำไปเติมเต็มตามบริเวณที่ต้องการ ซึ่งข้อดีของการฉีดไขมันคือ ผิวบริเวณดังกล่าวจะเด้ง เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยลง รอยเหี่ยวย่นดูจางลง ผิวเรียบเนียน นุ่ม และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูอ่อนเยาว์ลง

ตำแหน่งที่สามารถเติมไขมันได้

• เติมไขมันหน้าเด็ก (เติมไขมันหน้าผาก, ฉีดไขมันใต้ตา, เติมไขมันขมับ)
• เติมไขมันหน้าอก (เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง)
• ฉีดไขมันก้นเด้ง เพื่อให้ก้นกลมเด้ง แบบสายฝอ
• ฉีดไขมันสะโพก เสริมสะโพกด้วยไขมันตัวเอง
• เติมไขมันมือเด็ก  ลดมือเหี่ยว ใส่เครื่องประดับแล้วสวย
• เติมไขมันน้องสาว เพิ่มความเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ลง

ตำแหน่งที่สามารถดูดไขมัน, เติมไขมันได้

ตัวอย่าง เคสเติมไขมันในตำแหน่ง หน้าอก, ก้น

วิธีดูดไขมันหน้าท้องด้วยการใช้พลังความร้อน อย่างพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ เป็นที่นิยมมาก อย่างเครื่องดูดไขมันเวเซอร์ (Vaser Smooth 2.2) เครื่องดูดไขมัน Ultra Z ก็เป็นเครื่องที่ใช้การดูดไขมันด้วยวิธี Ultrasonic Assisted Liposuction เช่นเดียวกัน โดยจะการสั่นของคลื่น ในการสร้างความร้อน และทำลายเซลล์ไขมันให้ตายไป การดูดไขมันหน้าท้องด้วยวิธีนี้ จะสามารถดูดไขมันออกได้เยอะ โดยที่ใช้เวลาไม่นาน เหมาะกับเคสที่ไขมันเยอะ เคสที่มีพังผืดเยอะ อย่างเคสดูดไขมันหน้าท้องผู้ชาย หรือเคสดูดไขมันหน้าท้องคนตัวใหญ่ เป็นต้น

ข้อดีของเครื่องเวเซอร์ (Vaser), Ultra Z

• ดูดไขมันได้เร็ว ใช้เวลาน้อย
• ดูดไขมันได้เยอะ ในครั้งเดียว
• เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังทำชัดเจน

ข้อเสียของเครื่องเวเซอร์ (Vaser), Ultra Z

• ระหว่างดูดไขมันยาชา อาจเจ็บได้
• มีความเจ็บ หลังจากดูดไขมันไปแล้ว
• มีอาการบวม ฟกช้ำ เยอะกว่าพลังน้ำ
• ไม่สามารถเอาไขมันไปเติมได้
• เกิดก้อนแข็งหลังดูดไขมัน ที่ใต้ผิวได้ง่ายกว่า
• ใช้เวลาในการพักฟื้นหลายวัน

ดูดไขมันหน้าท้องด้วยพลังงานกล (Power Assisted Liposuction หรือ PAL) เป็นการเพิ่มความถี่ ในการขยับเข็มดูดไขมันรัว ๆ เพื่อสลายไขมัน ให้แตกตัวออกจากกัน ไม่มีการนำพลังงานใด ๆ เข้ามาช่วย การดูดไขมันหน้าท้องด้วยวิธีนี้ ค่อนข้างมีความเจ็บมาก ไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการนัก และดูดไขมันหน้าท้องออกมาได้น้อย

หลาย ๆ คนคงรู้จักคลื่นความถี่วิทยุ หรือคลื่น RF (Redio Frequency) อยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย ซึ่งคลื่น RF จะช่วยสร้างความร้อน ในระดับที่สามารถทำให้ผิวกระชับลงได้ ในระดับหนึ่ง ด้วยข้อดีของมันนี้ จึงทำให้กลายมาเป็นเครื่องดูดไขมัน Body Tite (บอดี้ไทด์) โดยเป็นการดูดไขมันหน้าท้อง ที่ประกอบด้วยท่อดูดไขมันแบบสุญญากาศ และคลื่น RF ที่คอยทำหน้าที่กระชับผิวไปด้วย

เลเซอร์ไม่สามารถสร้างความร้อนได้สูงมาก จะได้มากสุดที่ 40-60°C การดูดไขมันหน้าท้องด้วยเลเซอร์นี้ จะใช้เวลาในการดูดไขมันหน้าท้องนานมาก ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ถึงจะสามารถสลายไขมันได้หมด นอกจากนี้ ยังดูดไขมันหน้าท้องออกมาได้น้อย และไม่ค่อยเห็นผลหลังดูดไขมันอีกด้วย เมื่อมีวิธีที่ดีกว่า แพทย์จึงไม่ค่อยให้ความนิยมกับการดูดไขมันหน้าท้องด้วยเลเซอร์มากนัก แต่ก็มีข้อดีคือความปลอดภัยสูง

วิธีนี้ถูกพัฒนามาจากการดูดไขมันแบบดั้งเดิม (Manual Liposuction) คือในสมัยก่อน แพทย์จะมีแค่ไซริงค์เท่านั้น ที่จะใช้ในการสลายไขมัน และดูดไขมันออกมา โดยที่อาศัยแรงมือแพทย์ในการกระทุ้ง ทำให้เซลล์ไขมันได้รับความเสียหาย เลยทำให้คนไข้เจ็บมาก และทำให้เกิดเป็นการดูดไขมันแบบ Suction Assisted Liposuction ขึ้นมา โดยมีแนวคิดที่จะทำให้การดูดไขมันเจ็บน้อยลง และได้ผลที่ดีมากขึ้น ด้วยการใส่ Tumescent เข้าไปเป็นหนึ่งในขั้นตอนดูดไขมัน

วิธีดูดไขมันที่เก่าที่สุด ล้าสมัยที่สุด แต่มีการใช้อยู่บ้างในปัจจุบัน คือการดูดไขมันแบบใช้แรงมือ (Manual Liposuction หรือ Conventional Liposuction) วิธีนี้จะทำให้เกิดการบาดเจ็บมาก เสียเลือดมาก และใช้เวลาพักฟื้นนาน ในปัจจุบันมักจะมีการดูดไขมันด้วยวิธีนี้ กับการดูดไขมันจุดเล็ก ๆ เช่นการดูดไขมันเหนียง และการดูดไขมัน เพื่อเอาไขมันไปเติมต่อ

J Plasma (เจพลาสมา) เป็นเครื่องยกกระชับผิว ช่วยกระชับสัดส่วน เพื่อให้ได้ผิวที่เฟิร์มและลีนขึ้น แม้ไม่ใช่หนึ่งในวิธีดูดไขมันหน้าท้อง แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ของการดูดไขมันหน้าท้องดีขึ้น ด้วยการใช้พลังความร้อนที่สูงถึง 85°C (จากพลังฮีเลียมพลาสมา และพลังคลื่นความถี่วิทยุ) ส่งตรงไปยังเส้นใยที่ทำหน้าท้องยึดผิว หลังจากนั้นผิวก็จะกระชับลงในทันที

• J Plasma มีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยเท่านั้น
• Amara Clinic มีเคสเจพลาสมาเยอะที่สุดในทวีปเอเชีย
• No. 1 in Asia of Procedures Done in 2020

การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันหน้าท้อง เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญ ที่คนไข้ต้องปฎิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพราะอาการที่เราจะพบหลังดูดไขมันหน้าท้อง มีความเกี่ยวโยงกับการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันหน้าท้องด้วย เช่น การนอนพักผ่อนน้อย จะทำให้เรามีอาการคลื่นไส้ หรือเมายาสลบเยอะขึ้น ทั้งนี้ การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันหน้าท้อง จะแบ่งเป็นก่อนดูดไขมันหน้าท้องด้วยยาชา และก่อนดูดไขมันหน้าท้องด้วยยาสลบ

• พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
• รับประทานอาหารเช้า ก่อนมาคลินิก 3 ชั่วโมง
• งดดื่มกาแฟ ชา น้ำอัดลม ในวันดูดไขมัน
• สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ มีสีเข้ม และใส่สบาย ๆ
• มีญาติ หรือเพื่อนมาด้วย ห้ามขับรถกลับเอง

เคสที่ดูดไขมันหน้าท้องแบบวางยาสลบ จะต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ หากไม่ปฎิบัติตัวตามคำแนะนำ โดยเฉพาะการดื่มน้ำ ชา กาแฟ หรือสูบบุหรี่ ก่อนดูดไขมันหน้าท้อง 8 ชั่วโมง ที่มีความอันตรายเพราะระหว่างดูดไขมัน สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหาร อาจสำลักเข้าสู่ปอด และทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ยังทำให้ต้องเลื่อนเวลาผ่าตัดดูดไขมันหน้าท้องออกไปด้วย

• พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
• งดอาหาร และเครื่องดื่มทุกชนิด ก่อนดูดไขมันอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
• งดสูบบุหรี่ทุกชนิด ก่อนดูดไขมันอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
• สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ มีสีเข้ม และใส่สบาย ๆ
• ไม่ใส่เครื่องประดับทุกชนิด และฟันปลอม
• ล้างสีเล็บมือ และตัดเล็บให้สั้น 1 นิ้ว
• แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีฟันโยก
• มีญาติ หรือเพื่อนมาด้วย ห้ามขับรถกลับเอง

ช่วงแรกของการดูดไขมันหน้าท้อง หรือหลังดูดไขมัน 1 เดือนแรก เราต้องปฎิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ และเจ้าหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ เพราะผลลัพธ์หลังดูดไขมันหน้าท้องที่เราจะได้นั้น จะเป็นอย่างไร ก็ต้องมาดูที่การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันหน้าท้องถึง 30% (อีก 70% คือการดูดไขมันหน้าท้องของแพทย์)

• ทำความสะอาดแผลทุกวันจนกว่าจะตัดไหม หากเหงื่อออกมากหรือแผลเปียกชื้น ให้เปลี่ยนผ้าก็อซใหม่ทันที
• ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าแผลดูดไขมัน เพราะจะทำให้แผลแฉะและเสี่ยงติดเชื้อได้
• รับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้น
• แนะนำให้ทาน Vitamin B Complex และ Vitamin C เพิ่ม เพื่อให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น
• รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ โดยเน้นการทานโปรตีนจาก เนื้อปลา ไข่ นมถั่วเหลือง และธัญพืช
• หลีกเลี่ยงอาหารไม่สะอาด อาหารทะเล อาหารเค็ม ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่มีน้ำตาลสูง และงดสูบบุหรี่ด้วย เพราะจะทำให้แผลหายช้า
• ดื่มน้ำวันละ 1-2 ลิตร หากมีอาการอ่อนเพลียสามารถดื่มเกลือแร่เสริมได้ แต่ให้ดื่มในปริมาณน้อย เพราะอาจทำให้บวมเยอะขึ้นได้
• งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด 2 สัปดาห์
• สวมชุดกระชับสัดส่วนวันละ 18-20 ชั่วโมง หลังจากใส่ไปแล้วประมาณ 4-6 ชั่วโมง แนะนำให้ปลดตะขอหรือถอดพักประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับ
• ทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและยกของหนัก 1 เดือน
• หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง แผลผ่าตัดบวมแดงร้อน คลื่นใส้อาเจียนมาก มีแผลจากการใส่ชุดกระชับ ให้รีบมาพบแพทย์
• เคลื่อนไหวร่างกายช้า ๆ ในทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และป้องกันไม่ให้แผลตึงรั้ง

ใครว่าชุดกระชับหลังดูดไขมันไม่สำคัญ? จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม ตรงนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด! เพราะอาการหลังดูดไขมันหน้าท้องจะดีขึ้นมากแค่ไหน หน้าท้องจะเข้าที่สวยเมื่อไหร่ ชุดกระชับสัดส่วนนี่แหละ เป็นคีย์สำคัญอีกอย่างนึงที่ห้ามพลาด! เราควรจะสวมชุดกระชับดูดไขมันให้เร็วที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อให้ชุดกระชับสัดส่วน เข้าไปปิดช่องว่างใต้ผิวเร็วที่สุด ช่วยป้องกันปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี

ดูดไขมันผิวเป็นคลื่น

ดูดไขมันผิวเป็นคลื่น ขรุขระ ไม่เรียบ ดูไม่สวยงาม เกิดจากการที่แพทย์ดูดไขมันผิดตำแหน่ง หรือดูดไขมันออกมาเยอะเกินไป ไม่มีการเกลี่ยปริมาณไขมันที่พอดี และการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันที่ไม่ถูกต้องของคนไข้ด้วย อาการนี้สามารถแก้ไขได้โดยการดูดไขมันเพิ่ม เพื่อให้ผิวเรียบเสมอกัน, การเติมไขมันเข้าไป เพื่อเติมเต็มร่อง, การใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมัน และการนวด RF สลายไขมัน

ดูดไขมันพักฟื้นกี่วัน? ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังดูดไขมันหน้าท้อง จะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ๆ คือเครื่องดูดไขมันที่เลือก และการดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน ดังนี้

เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้

เคสที่ดูดไขมันหน้าท้อง ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet จะใช้เวลาในการพักฟื้นหลังดูดไขมันน้อยกว่า เคสที่ใช้เครื่องดูดไขมันพลังความร้อน เพราะเส้นเลือดได้รับการกระทบน้อยมาก ทำให้เสียเลือดน้อย มีความเจ็บน้อย และทำให้มีความระบมหลังดูดไขมันไม่มาก ทำให้ระยะเวลาในการพักฟื้นของเคสที่ใช้เครื่อง body-jet น้อยกว่า เครื่องความร้อน คือเครื่อง body-jet ใช้เวล่พักฟื้น 1-3 วัน หรือบางเคสไม่ได้พักฟื้นเลย ส่วนเคสที่ดูดไขมันพลังความร้อน จะใช้เวลาพักฟื้น 5-7 วัน

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน

ถ้าเราดูดไขมันหน้าท้องไปแล้ว ไม่มีการการสวมชุดกระชับ (ใส่ ๆ ถอด ๆ ตามอารมณ์), ไม่ได้กินยาตามที่แนะนำ, ไม่ได้เข้ามารับบริการทำแผล นวด RF หลังดูดไขมัน, ปล่อยให้น้ำเข้าแผล หรือไม่ปฎิบัติตัวตามที่แพทย์แจ้งไป ก็จะทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองช้าลง เสี่ยงติดเชื้อ บวมนาน ช้ำนาน มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาก้อนแข็งหลังดูดไขมันใต้ผิว และผิวหย่อนคล้อยได้ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ จะทำให้คนไข้ใช้เวลาในการพักฟื้นนานกว่าปกติได้

บางคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า ดูดไขมันหน้าท้องแล้วผิวย้วย หน้าท้องจะห้อย หย่อนคล้อยลงมา ต้องบอกว่าตรงนี้เกิดจากปัจจัยทางร่างกายของตัวคนไข้เอง และวิธีการรักษา ว่าเหมาะสมและตรงจุดหรือไม่? ทั้งนี้ ก่อนดูดไขมันหน้าท้อง แพทย์จะต้องมีการบอกก่อนอยู่แล้วว่า หลังดูดไขมันหน้าท้อง ไซซ์จะเล็กลงแค่ไหน? มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือไม่? ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวย้วยหลังดูดไขมันหน้าท้อง คือ สภาพผิวเดิมของคนไข้ และปริมาณไขมันที่ดูดออกมา

“ดูดไขมันหน้าท้องไปแล้ว จะกลับมาอ้วนอีกไหมคะ?” หรือ “ทำไมบางคนดูดไขมันหน้าท้องไปแล้ว บอกว่าไม่เห็นผล เพราะกลับมาอ้วนเหมือนเดิม แบบนี้จะดูดไขมันดีไหมคะ?” เป็นคำถามที่หมอเคยได้ยินจากคนไข้มา ต้องอธิบายว่าการดูดไขมันหน้าท้อง เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถ้าเราต้องการให้รูปร่างสวย ๆ อยู่กับเราไปนาน ๆ ไม่อยากให้มีไขมันสะสมเพิ่ม เราก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุด้วย 

ซึ่งต้นเหตุที่ทำให้เราอ้วนขึ้น หรือกลับมาอ้วนอีกครั้ง คือพฤติกรรมการกินของเราที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย หนำซ้ำในบางเคสยังไม่มีการปรับไลฟ์สไตล์ ไม่มีการออกกำลังกาย ก็ทำให้ไขมันสามารถกลับมาสะสมได้เหมือนเดิม ดังนั้น หากต้องการให้หน้าท้องแบน เอวคอดนาน ๆ ต้องดูแลตัวเองหลังดูดไขมันหน้าท้องตามที่แพทย์แนะนำด้วย 

ดูดไขมันเจ็บไหม? ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันหน้าท้อง หรือดูดไขมันตำแหน่งอื่น ๆ ก็ย่อมมีความเจ็บเป็นธรรมดา เพราะแพทย์ต้องใช้เครื่องมือสอดลงไปใต้ชั้นผิว ยิ่งใกล้กับบริเวณกล้ามเนื้อก็จะยิ่งเจ็บมากขึ้น (ช่วงที่ไขมันเหลือน้อย) ซึ่งทาง Amara Clinic มีให้เลือกทั้งการดูดไขมันแบบยาชา และการดูดไขมันหน้าท้อง แบบวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์

ดูดไขมันหน้าท้องด้วยยาชา

ถ้าดูดไขมันหน้าท้องแบบยาชา ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ก็จะมีความชิลล์อยู่มาก เพราะแทบไม่เจ็บเลย เนื่องจาก body-jet ใช้พลังน้ำในการสลายไขมัน จึงมีความอ่อนโยน และเจ็บน้อยมาก แต่ถ้าดูดไขมันหลายตำแหน่ง หรือดูดไขมันหน้าท้อง ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังความร้อน (Vaser Smooth 2.2 หรือ Ultra Z) ก็อาจมีความเจ็บมาก ทำให้ทนไม่ไหว และขอแพทย์ให้หยุดดูดไขมันกลางทางได้ ส่งผลให้แพทย์ดูดไขมันท้องได้ไม่เต็มที่ และมีไขมันหลงเหลืออยู่

ดูดไขมันหน้าท้องด้วยยาสลบ

สำหรับเคสที่กลัวเจ็บ ไม่เคยผ่านการศัลยกรรมมาก่อน แนะนำให้ดูดไขมันหน้าท้องด้วยวิธีวางยาสลบ เพราะการวางยาสลบจะทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บใด ๆ ไม่ต้องมาเห็นภาพบาดตาระหว่างดูดไขมัน และยังช่วยให้แพทย์ดูดไขมันหน้าท้องได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยกังวลว่าคนไข้จะรู้สึกเจ็บใด ๆ ทั้งนี้ ควรตรวจเช็คให้ดีว่า คลินิกดูดไขมันที่สนใจ มีวิสัญญีแพทย์ในการให้ยาสลบหรือไม่ หากเป็นหมอผ่าตัด หรือพยาบาลให้ยาสลบ จะมีความอันตรายมาก

ดูดไขมันอันตรายไหม? ในสมัยก่อนที่มีข่าวว่าดูดไขมันเสียชีวิต หรือในปีก่อน ๆ มีข่าวดูดไขมันแล้วตาย เลยทำให้หลาย ๆ คนมีความกังวลที่จะไปดูดไขมันหน้าท้องกัน ความจริงแล้ว ในสมัยก่อนไม่ได้มีเทคโนโลยีต่าง ๆ ในปัจจุบัน เลยทำให้การดูดไขมันหน้าท้องเสียเลือดมาก เจ็บมาก และอันตรายมาก ทั้งเครื่องดูดไขมัน, Tumescent, เทคนิคดูดไขมัน และวิธีระงับความเจ็บปวด แต่ใจปัจจุบันแทบไม่มีเคสดูดไขมันเสียชีวิต เพราะสาเหตุนี้เกิดขึ้นแล้ว (อ่านเพิ่มเติม เรื่องของความเป็นไป ที่มาของการดูดไขมัน ได้ที่บทความ “ประวัติศาสตร์การดูดไขมัน“)

หากดูดไขมันแล้วตายในปัจจุบัน สาเหตุส่วนมากเลย เป็นเพราะคลินิกดูดไขมันดังกล่าวไม่ได้มาตรฐาน หมอเถื่อน คลินิกเถื่อน และใช้ราคาเข้ามาล่อ (ดูดไขมันราคาถูกมาก ๆ) ราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก ซึ่งที่มาของการที่ดูดไขมันราคาไม่แพง หรือดูดไขมันราคาถูกนั้น มาจากการที่คลินิกดังกล่าว ไม่ได้ลงทุนเลือกใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ไม่มีการใช้วิสัญญีแพทย์เฉพาะทาง จึงทำให้ดูดไขมันราคาถูก มาพร้อมของแถมที่อันตรายมาก ดังนั้นต้องเลือกคลินิกดูดไขมันให้ดี ก่อนตัดสินใจ

ราคาดูดไขมันหน้าท้อง ที่ Amara Clinic จะคิดเป็นดูดไขมันราคาเหมาตำแหน่ง (บริเวณใหญ่) ไม่นับเป็นจุด แบ่งเป็นดูดไขมันหน้าท้อง (บน+ล่าง) และ ดูดไขมันเอวเอส + ดูดไขมันปีกหลัง โดยราคาดูดไขมันจะเริ่มต้นที่ 25,000 บาท สำหรับการดูดไขมัน 1 ตำแหน่ง และจะมีความแตกต่างกันตามเครื่องดูดไขมันที่ใช้ด้วย

สำหรับราคาดูดไขมันหน้าท้องที่คลินิกอื่น ๆ ก็จะแตกต่างกันไป ตามแต่ละคลิกนิก เพราะปัจจัยดังกล่าวต่อไปนี้มีความแตกต่างกัน เช่นการนับจุดดูดไขมันหน้าท้อง, เครื่องดูดไขมัน, ราคาดูดไขมันรวมอะไรบ้าง, โปรโมชั่นดูดไขมัน, วิธีระงับความเจ็บ และค่ารักษาอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามา ตามแผนการรักษาของแต่ละเคส ซึ่งดูดไขมันหน้าท้องราคานี้ ที่ Amara Clinic เรารวมทุกอย่างแล้ว ไม่บวกเพิ่ม ราคาตรง

จะดูดไขมันทั้งที ต้องดูดไขมันที่ศูนย์ดูดไขมันเฉพาะทาง อย่าง Amara Clinic ! เราเน้นการดูดไขมัน เติมไขมัน ปรับรูปร่าง และกระชับสัดส่วน ทำเฉพาะทางโดยตรง Amara Clinic จึงมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างมาก ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน ให้เวลาในการดูดไขมันกับแต่ละเคสเต็มที่ พร้อมทั้งออกแบบรูปร่างแบบ Case by case ทั้งนี้ เรายังเป็นศูนย์การสอนดูดไขมัน และสอนเติมไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ประจำประเทศไทยอีกด้วย

ราคาดูดไขมันที่ Amara Clinic ไม่ได้ราคาสูง และไม่ได้ดูดไขมันราคาถูก แต่ราคาดูดไขมันหน้าท้องของเราอยู่ในระดับปานกลาง  แม้ต้นทุนจะสูงและอัดแน่นไปด้วยมาตรฐาน รวมถึงระบบต่าง ๆ ที่ทันสมัย โดยราคาดูดไขมันของเรา จะเป็นแบบเหมาบริเวณ (ดูดไขมันราคาเหมา) มีราคาที่ตรงปก รับประกันผลงาน มีโปรโมชั่นดูดไขมัน และของแถมมากมาย ทำให้ดูดไขมันราคาไม่แพงอย่างที่หลาย ๆ คนคิด

เราเป็นคลินิกดูดไขมัน ที่มีเคสดูดไขมันหน้าท้องเยอะที่สุดในประเทศไทย มีรีวิวดูดไขมันให้ดูหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคลิกวิดีโอสัมภาษณ์ ความประทับใจหลังดูดไขมัน, ภาพถ่ายทางการแพทย์, ภาพรีวิวดูดไขมัน จากลูกค้า, แชร์ประสบการณ์ดูดไขมัน โดยบอกเล่ารายละเอียดของแต่ละเคส และรีวิวดูดไขมัน pantip ที่ลูกค้าเขียนให้ ย้ำว่าเป็นรีวิวดูดไขมันจากลูกค้าจริงทุกเคส ไม่มีการจ้างใด ๆ !!

เราเน้นย้ำเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยเป็นหลัก ความปลอดเชื้อก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การผ่าตัดดูดไขมันหน้าท้อง ออกมาได้ผลลัพธ์ที่ดี และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นห้องผ่าตัด เครื่องมือ อุปกรณ์ ทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องในการผ่าตัด จะถูกฆ่าเชื้อเป็นอย่างดี มีการกำจัดอย่างถูกวิธี ใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อลดความเสี่ยงลงให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ อุปกรณ์สำหรับใช้ครั้งเดียวทิ้ง เราก็จะไม่นำกลับมาใช้ซ้ำอย่างแน่นอน (บางคลินิกนำไปฆ่าเชื้อและใช้ซ้ำ)

เครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องดูดไขมัน เราเลือกได้สิ่งที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรอง เป็นเทคโนโลยีใหม่ มีความทันสมัยที่สุด เช่น เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet, เครื่องดูดไขมันเวเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุด Vaser Smooth 2.2, เครื่องดูดไขมันจากเกาหลี Ultra Z, เครื่องกระชับผิวเฟิร์ม J Plasma แก้ปัญหาผิวย้วยอย่างตรงจุด, เครื่อง RF นวดกระชับผิวหลังดูดไขมันที่ดีที่สุด Venus Legacy หรือเครื่องกระต้นกล้ามเนื้อเร่งด่วน HIFEM เป็นต้น เพื่อรองรับคนไข้ดูดไขมัน ที่มีปัญหาแตกต่างกัน โดยแพทย์จะเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละเคส

ห้องผ่าตัดสมัยใหม่ มีระบบต่าง ๆ อย่างครบครัน ที่ Amara Clinic เป็นห้องผ่าตัดมาตรฐานสากล ระดับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ มีประสิทธิภาพสูง และได้รับการรับรองมาตรฐานห้องผ่าตัดโดยกระทรวงสาธารณสุข สามารถรองรับการผ่าตัดศัลยกรรมได้ทุกประเภท มีความปลอดเชื้อถึง 99.97% เพื่อความปลอดภัยสูงที่สุด เราจึงมีระบบต่าง ๆ ที่สำคัญอย่างครบครัน อาทิ

• ระบบควบคุมอากาศให้ปลอดเชื้อ (HEPA)
• ระบบ Positive Pressure ควบคุมความดัน
• ระบบ Lamina Airflow ควบคุมการไหลของอากาศ
• ระบบ Pipeline ช่วยชีวิตฉุกเฉิน
• ระบบ Scavanger ระบายแก๊สส่วนเกิน
• กล้อง FLIR SCAN สแกนอุณหภูมิ
• ระบบไฟฟ้าสำรอง
• ระบบควบคุมความชื้น
• เครื่องติดตามสัญญาณชีพ
• เครื่องมือช่วยชีวิตฉุกเฉิน
• ใช้วัสดุ Compact Laminate
• ประตูผนึกแน่น ป้องกันเชื้อโรคเข้าห้องผ่าตัด

ไม่ต้องกังวลว่าจะวางยาสลบแล้วไม่ปลอดภัย เพราะเรามีวิสัญญีแพทย์และพยาบาลคอยเฝ้าดูตลอดการผ่าตัด แบบ 1:1  (วิสัญญีแพทย์ 1 คน : คนไข้ 1 คน) มีเครื่องมือ ระบบ อุปกรณ์ และยา สำหรับกรณีฉุกเฉินพร้อม มีทุกอย่างอย่างครบครัน จึงสามารถมั่นใจได้ว่าจะดูดไขมันหน้าท้องอย่างปลอดภัยทุกขั้นตอนแน่นอน

After Care ของเราเรียกได้ว่าจัดเต็ม ดูแลให้จนกว่าสัดส่วนจะเข้าที่สวยเป๊ะ อาทิ ห้องพักฟื้นหลังดูดไขมันหน้าท้อง, Venus Legacy เครื่องนวด RF ที่ดีที่สุด ใหม่ล่าสุด และมีราคาต้นทุนสูงที่สุด, Pico Laser สำหรับลดรอยดำ, IPL Laser สำหรับลดรอยแดง, ฉายแสง LED ลดบวม, บริการทำความสะอาดแผล ตัดไหม, คู่มือดูแลตัวเอง, ยาทานหลังดูดไขมัน, ฉีดลดคีลอยด์, Thermatight นวดลดก้อนแข็ง และพร้อมให้คำแนะนำหลังดูดไขมันหน้าท้องทุกเวลา